รถม้าติดสัญลักษณ์ลอมบาร์เดียหยุดจอดอยู่หน้าวังโฟอิรัค
และคนที่ลงมาจากรถม้าคันนั้นไม่ใช่ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย สหายเพื่อนเล่นของเจ้าชายลำดับที่สองแต่อย่างใด
แคทเธอรีนยืนรออยู่หน้ารถม้า นางก้มศีรษะอย่างนอบน้อม กล่าวทักทายอีกฝ่าย
“มาแล้วหรือคะ ท่านเจ้าตระกูล”
“อืม สบายดีมั้ย”
รูลลัก ลอมบาร์เดียตบไหล่แคทเธอรีนเบาๆ สองสามครั้งพลางพูดขึ้น
“เจ้าชายลำดับที่สองรออยู่ที่ห้องรับรองค่ะ เชิญทางด้านนี้เลยนะคะ”
รูลลักเดินตามหลังนางเข้าไปในวังโฟอิรัคอย่างว่าง่าย
แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ถามคำถามแคทเธอรีนจากด้านหลัง
“ดูแลเด็กเล็กเป็นเช่นไรบ้าง พอไหวมั้ย”
“…ได้แต่หวังมากกว่าค่ะ ถ้าเจ้าชายลำดับที่สองทรงทำตัวเหมือนเด็กบ้างก็คงจะดี”
“ก็นะ เด็กนั่นนิสัยเป็นเช่นนั้นนี่นา แต่ถ้าเจ้าเบื่องานนี้ ก็มาลอมบาร์เดียได้ทุกเมื่อละ ข้าเก็บตำแหน่งของเจ้าเอาไว้ให้เสมอ”
“ขอบคุณค่ะ ท่านเจ้าตระกูล”
หลังพูดคุยบทสนทนาสั้นๆ ทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในห้องรับรอง
“ไม่ได้พบกันเสียนาน”
เฟเรสเพียงแค่ค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของรูลลักเท่านั้น
รูลลักเองก็ได้รับรายงานสถานการณ์ล่าสุดของเฟเรสจากแคทเธอรีนแล้ว เพราะฉะนั้นเขาเองก็รู้ดีว่าที่ผ่านมาพวกผู้ดูแลประจำตัวจักรพรรดินีเข้าออกวังโฟอิรัคบ่อยแค่ไหน
เก็บซ่อนตัวให้ต้องอยู่อย่างยากลำบาก หลังจากนั้นก็ยังคิดขับไสไล่ส่งไปยังอะคาเดมีในแต่ละวันจักรพรรดินีจะย่างกรายมายังวังแห่งนี้ด้วยตัวเอง หรือไม่ก็สั่งให้คนนำเอกสารมาโน้มน้าวให้เฟเรสเขียนใบสมัครเข้าเรียน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เฟเรสเองก็จัดการขัดขวางได้เป็นอย่างดี แต่ในมุมมองของแคทเธอรีนแล้ว การจะเอาแต่เมินเฉย แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน มันถึงทางตันเข้าแล้ว
เพราะฉะนั้นนางถึงได้ส่งเรื่องไปขอร้องให้รูลลักซึ่งเป็นผู้ปกครองอย่างเป็นทางการ ช่วยเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ให้
รูลลักมองเฟเรสด้วยความไม่พอใจนัก ก่อนจะเปิดปากพูดธุระที่มาหาในวันนี้ทันที
“เจ้า ทำไมถึงได้ดื้อรั้นไม่ยอมไปอะคาเดมีขนาดนั้นกัน”
คำว่า ‘อะคาเดมี’ ทำให้คิ้วเข้มของเฟเรสกระตุกหนึ่งครั้ง
รูลลักอยากจะตำหนิเสียเหลือเกินว่าไอ้นิสัยปิดปากเงียบเหมือนหอยนั่น มันแก้ไขไม่ได้หรือยังไง แต่เสียงทุ้มต่ำที่ดังตามมาทีหลังกลับยิ่งทำให้เขาไม่พอใจมากกว่าเดิม
“ไม่อยากไปครับ”
หากเป็นหลานชายของตน รูลลักคงลงมือตบเสียงดังไปแล้ว
แต่หากลงไม้ลงมือกับเจ้าชายในพระราชวัง เรื่องที่ต้องตามเช็ดตามล้างหลังจากนั้นคงน่ารำคาญน่าดู
“เหตุผลอะไร”
คำถามของรูลลักทำให้เฟเรสต้องเงยหน้าขึ้น
และมองรูลลักตรงๆ ไม่หลบตาด้วยนัยน์ตาสีแดงคู่นั้น ในขณะที่ตอบอย่างหนักแน่น
“ไม่อยากถูกผลักไสไปจากพระราชวังครับ”
เสียงนั้นค่อนข้างดื้อดึงพอสมควร
แต่คำตอบที่ได้รับกลับมา กลับเป็นเพียงแค่คำพูดเสียดสีเหน็บแนมกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...