เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

“สมบูรณ์แบบมากค่ะ คุณหนูลอมบาร์เดีย สมบูรณ์แบบจริงๆ”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าพยักหน้าด้วยความพอใจเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่เอ่ยชมเธอไม่หยุดปาก

แปะ แปะ แปะ

เหล่านางกำนัลประจำพระราชวังที่ยืนอยู่ด้านหลังหัวหน้านางกำนัล ต่างก็ช่วยกันปรบมือเสียงค่อยเช่นกัน

“ฮึ่ย!”

เมฟ คาโพเลียถลึงตาจ้องเธอเขม็งราวกับจะฆ่ากันให้ตาย

“ว้าวว่าแล้วเชียวท่านฟีเรนเทีย! สุดยอดไปเลยค่ะ!”

ทิลเลียน่าพูดชมเธอด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย เด็กสาวคนนี้กลายเป็น ‘เครนีย์ เบอร์ 2’ ไปแล้ว

นี่คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา ทุกครั้งที่ฝึกซ้อมสำหรับงานเปิดตัวมาได้หลายครั้งแล้ว

ชมกันบ่อยเกินไป มันก็น่าเบื่อเหมือนกันนะ

หึ

เธอส่ายหน้าไปมา แน่นอนว่าภายนอกยังคงไม่ลืมแสดงความถ่อมเนื้อถ่อมตัวออกมาให้เห็น

“ชมกันเกินไปแล้วค่ะ เป็นเพราะท่านหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าช่วยสั่งสอนให้เป็นอย่างดีต่างหากล่ะคะ”

นั่นแหละ

ผิดคาดเหมือนกันที่เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมชั้นสูงไปแล้ว

ที่ผ่านมาเธอเครียดแทบแย่ เพราะได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับสังคมชั้นสูงที่เขาว่ากันว่าเป็นเหมือน ‘สนามรบไร้คมดาบ’ หรือไม่ก็ ‘หน้าผาสูงชัน วันนี้เป็นผู้ชนะ พรุ่งนี้อาจจะเป็นผู้แพ้ก็เป็นได้’ มามากมาย

ดาบของเธอคมกว่าที่คิด และเธอก็ไม่ใช่คนที่จะตกลงจากหน้าผา แต่เป็นฝ่ายผลักคนอื่นให้ตกลงไปต่างหาก

ไม่นึกเลยว่า การได้เอาชนะพวกคุณหนูตัวน้อยที่เพิ่งจะอายุได้แค่สิบกว่าขวบ มันจะทำให้รู้สึกดีได้ถึงขนาดนี้

แต่ยังไงเธอก็จำเป็นต้องทำให้หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าประทับใจในตัวเธอให้ได้

ดีละ ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผน

“บอกเคล็ดลับให้ข้าบ้างไม่ได้เหรอคะ”

ทิลเลียน่าถามเธอ

“ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่า หากเป็นท่านฟีเรนเทีย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็คงจะทำได้ดีทุกอย่าง…แต่นี่กระทั่งวิธีการพูดจาสำหรับงานเลี้ยงก็ยังเสริมเติมแต่งออกมาได้สมบูรณ์แบบแบบนี้ได้ยังไงกันคะ”

การฝึกซ้อมสำหรับงานเปิดตัวถูกแบ่งออกเป็นช่วงเช้ากับช่วงบ่าย คลาสช่วงเช้าในวันนี้เกี่ยวกับ ‘การพูดจาแบบชนชั้นสูง’

เพราะทุกคนต่างก็เติบโตมาในตระกูลขุนนางกันทั้งนั้น จึงสามารถใช้วิธีพูดจาแบบพื้นฐานได้ แต่เพื่องานเปิดตัวและการใช้ชีวิตในแวดวงสังคมในอนาคต จึงจำเป็นต้องได้รับการอบรมเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย

แต่สำหรับทิลเลียน่าแล้ว การพูดจาเป็นเรื่องยากทีเดียว

“ทางตะวันออกไม่มีใครใช้วิธีการพูดจาแบบนี้เลยค่ะ พูดอ้อมค้อมไปมาแบบนี้มันน่าอึดอัดใจมากกว่า”

ธรรมเนียมประเพณีของทางตะวันออกซึ่งอยู่ห่างไกลจากใจกลางของอาณาจักร ทั้งยังอยู่ใกล้กับทะเลนั้น พวกเขาเป็นคนที่มีความคิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง พูดจาตรงไปตรงมาอย่างที่คิดเสียมากกว่า

“ถ้าไม่อยากเต้นรำแล้ว แค่บอกว่าเหนื่อยไม่ได้เหรอคะ ทำไมต้องอ้างเรื่องรองเท้า หรืออ้างเรื่องเติมหน้าด้วย ไม่เข้าใจเลยค่ะ”

ทิลเลียน่าส่ายหน้าไปมา ดูเหมือนจะไม่เข้าใจเลยจริงๆ

“หากเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าต้องกลายเป็นคุณหนูที่ไร้มารยาทที่สุดในประวัติศาสตร์ของงานเลี้ยงเปิดตัวประจำราชวงศ์แน่เลยค่ะ…”

ทิลเลียน่าพึมพำด้วยความหม่นหมอง

“ในความคิดข้า เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ‘ยิ้มไม่หยุด’ ค่ะ แค่นั้นก็น่าจะไม่ได้รับการประเมินว่าไร้มารยาทแล้วละมั้งคะ”

“ระ เหรอคะ…”

แต่แล้วในตอนที่ทิลเลียน่ากำลังยิ้มแหย

“คุณหนูคิทอเวลไม่จำเป็นต้องลำบากเรียนรู้วิธีการพูดจาก็ได้ ช่างน่าอิจฉาจังเลยนะ”

คนที่เดินเข้ามาพูดกับพวกเราที่อยู่อีกฝั่งคือคุณหนูแคมพาเดล ซึ่งทำตัวเหมือนกับเป็นผู้นำกลุ่มลิ่วล้อของคุณหนูคาโพเลีย

ได้ยินว่าปีนี้อายุ 14 แต่เพราะนางตัวค่อนข้างสูง ทำให้หากบอกว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วก็คงเชื่ออย่างสนิทใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]