เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของเธอที่เงยหน้าเหม่อมองเขาเฟเรสก็เอียงคอเล็กน้อยมองหน้าเธอ

และในตอนนั้นเอง

“อ๊ะ! ขออภัยครับ คุณหนูลอมบาร์เดีย!”

คู่ที่เต้นรำอยู่ใกล้ๆ พลิกกายมาทางฝั่งพวกเรา ทำให้ไหล่ของเด็กผู้ชายคนนั้นกระทบกับหลังเธอเล็กน้อย

“ขะ ข้าไม่มีสติ เลยไม่ทันได้มองครับ…”

คงจะเหนื่อยเพราะเต้นรำจริงๆ ภาพยามอีกฝ่ายเหงื่อไหลย้อยขอโทษขอโพย ถึงได้ทำให้เธอเผลอหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ชนแค่เบาๆ เองค่ะ ข้าไม่เป็นอะไรค่ะ คุณเพย์แลนต่างหากล่ะคะ เป็นอะไรมั้ยคะ”

เด็กผู้ชายเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาคงคิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้จักชื่อของเขาด้วย

“พยายามเข้านะคะ คุณเพย์แลน”

ดูจากเมื่อกี้แล้ว เหมือนจะถูกเหยียบเท้าบ่อยมากเลย

รอยช้ำนั่นทำเอาเธออยากบอกให้เขาใช้ยาขี้ผึ้งเอสทีร่าจริงๆ

หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มให้เขาแทนความหมายให้สู้ๆ เข้าไว้ แต่ปฏิกิริยาของเด็กผู้ชายตรงหน้ากลับแปลกไปเล็กน้อย

อีกฝ่ายเหม่อมองเธอ ใบหน้าที่แดงระเรื่อเพราะเหนื่อยจากการเต้นรำกลับยิ่งขึ้นสีแดงก่ำมากกว่าเดิม

ในจังหวะที่ตั้งใจจะบอกให้เขาไปพักเสียหน่อย ก็พลันได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเฟเรสดังขึ้น

“ให้มองข้าคงดีกว่า”

“หืม? ว่าไงนะ”

“ให้คนอื่นๆ มองข้าดีกว่า”

“จู่ๆ พูดอะไรพิลึกแบบนั้นเนี่ย”

นี่กำลังบอกความจริงว่า อยากได้รับความสนใจจากคนอื่นๆ มากกว่าให้พวกเขาสนใจเธอที่ตั้งใจจะเปิดตัวในงานอย่างนั้นหรือไง

เฟเรสจ้องเขม็งไปยังที่หนึ่งแทนคำตอบ

เด็กผู้ชายคนที่ชนกับเธอเมื่อครู่นี้

ผู้ชายคนนั้นเริ่มซ้อมเต้นรำกับพาร์ตเนอร์อีกรอบแล้ว เขาเอาแต่เหลือบมองมาทางเฟเรสด้วยใบหน้าหวาดกลัว ร่างกายสั่นเทาดูหมิ่นเหม่จะล้มอยู่แล้ว นั่นไง

“กรี๊ด!”

พอตัวเองเซจะล้ม สุดท้ายก็พาเอาพาร์ตเนอร์ล้มไปด้วย

“เฮ้ เฟเรส?”

พอเธอสะกิดไหล่เขา เฟเรสถึงค่อยหันมาก้มหน้ามองเธอ แล้วตอบ

“ไม่มีอะไรหรอก มาฝึกกันต่อเถอะ”

หลังจากนั้นตลอดระยะเวลาซ้อม ก็ไม่เกิดเรื่องให้เธอชนเข้ากับใครอีกเลย

* * *

“ปีนี้ทุกคนต่างก็พยายามกันอย่างแข็งขันเลยสินะ”

จักรพรรดิโยบาเนสก้มลงมองโถงงานเลี้ยงชั้นล่างในขณะที่พูดอย่างผ่อนคลาย

ทั้งๆ ที่ทำแบบนั้น แต่สายตากลับเอาแต่มองตามคู่ของฟีเรนเทียกับเฟเรสไม่ห่าง

โถงงานเลี้ยงที่ทุกคนกำลังฝึกซ้อมสำหรับงานเลี้ยงเปิดตัวแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นโดยมีชั้นลอยด้านบนอยู่ด้วย

บริเวณชั้น 2 ตรงนี้แทบไม่เคยถูกใช้งาน แต่มันสามารถเข้าออกได้ผ่านทางบันไดด้านนอก จักรพรรดินีกับจักรพรรดิเองก็เข้ามาด้านในนี้โดยไม่ได้แจ้งให้ใครทราบ พวกเขากำลังเฝ้ามองทุกคนอยู่

ก่อนหน้าที่เหล่าคาวาเลียร์จะปรากฏตัว ราวีนี่กำลังเฝ้ามองเหล่าคุณหนูที่กำลังฝึกซ้อมอยู่อย่างสนุกสนาน

ถึงแม้นางจะไม่ชอบใจนังเด็กตระกูลลอมบาร์เดียนั่น แต่ก็ตั้งใจไว้แล้วว่า หากกลายเป็นสมาชิกในแวดวงสังคมเมื่อไหร่ นางจะสั่งสอนเด็กนั่นให้รู้สำนึกจะได้หลาบจำเสียบ้าง

แต่ปัญหาคือ ในบรรดาคาวาเลียร์ที่เข้ามาหลังจากนั้น ดันมีเฟเรสรวมอยู่ด้วย

“นะ นั่นมันอะไรกัน…”

จักรพรรดินีราวีนี่ตกใจจนหันไปมองโยบาเนสและเพียงแค่พริบตานางก็สามารถรู้ได้ในทันที

ความจริงที่ว่าองค์จักรพรรดิทราบดีอยู่แล้วว่าเฟเรสจะกลายมาเป็นหนึ่งในคาวาเลียร์

เหตุผลที่พานางมาที่นี่ทันทีหลังจากร่วมรับประทานมื้อกลางวันด้วยกัน ที่แท้ก็เป็นเพราะไอ้เด็กชั้นต่ำนั่นนี่เอง!

เรื่องทั้งหมดนี้ต้องเป็นแผนของนังหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้า ที่ทุกวันเอาแต่จิกกัดนางไม่หยุดนั่นเป็นแน่

‘นังเฒ่านั่น..! ’

ราวีนี่ถลึงตาจ้องหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าเขม็งในทันที

และนางก็พลันสบตาเข้ากับหญิงชรา

ดูเหมือนหัวหน้านางกำนัลจะสังเกตเห็นอยู่ก่อนแล้วว่าจักรพรรดินีกับจักรพรรดิกำลังเฝ้ามองการฝึกซ้อมอยู่ตรงนี้

“ไม่นึกเลยนะว่าเจ้าชายลำดับที่สองจะมีสีหน้าแบบนั้นเป็นกับเขาด้วย”

จักรพรรดิโยบาเนสเอนกายพิงราวระเบียงด้วยความสนใจในขณะที่พูดขึ้น

เฟเรสมักจะมีสีหน้าไร้อารมณ์เสมอ หรือไม่ก็โกรธเคืองหน้าบึ้งตึงเขาเคยเห็นแค่ภาพลักษณ์สองอย่างนั่นเท่านั้น แต่ตอนนี้เด็กคนนั้นกำลังยิ้มผ่อนคลายยามมองบุตรสาวของแคลอฮัน

“เฮ้อ เหมาะสมกันดีนะ”

ตอนที่สั่งให้ทั้งสองคนเป็นสหายร่วมเล่นกัน พระองค์ก็เคยคิดเช่นนั้น แต่นี่ดูแล้วช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากจริงๆ

“ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วนะ จักรพรรดินี”

“…”

จักรพรรดินีราวีนี่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ

โยบาเนสเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้คาดหวังในคำตอบอยู่แล้ว พระองค์เอาแต่พึมพำอยู่คนเดียว

“แคลอฮัน แคลอฮัน ลอมบาร์เดีย…”

จักรพรรดินีทราบดีกว่าใครว่าตอนนี้ในหัวของจักรพรรดิกำลังยุ่งกับการดีดลูกคิดคำนวณ

โยบาเนสกำลังคิดคำนวณว่า หากพระองค์สานสัมพันธ์ให้เฟเรสกับฟีเรนเทียเป็นคู่หมายกัน เขาจะได้รับอะไรจากแคลอฮัน ลอมบาร์เดียบ้าง

กรอด

จักรพรรดินีราวีนี่ลอบกัดฟันแน่นอยู่เงียบๆ

หากเฟเรสได้รับเลือกให้เป็นคาวาเลียร์ก็ไม่มีวิธีใดให้นางห้ามเด็กคนนั้นไม่ให้ปรากฏตัวในงานราตรีเปิดตัวได้อีกแล้ว

ดังนั้นนางต้องขัดขวางไม่ให้เด็กนั่นเป็นพาร์ตเนอร์กับนังเด็กลอมบาร์เดียนั่นเท่านั้น

หากวันหนึ่งไม่ได้มีแค่จักรพรรดิโยบาเนสเท่านั้น หรือแม้กระทั่งพวกชนชั้นสูงในสังคมต่างก็เริ่มคิดที่จะจับคู่ระหว่างเฟเรสกับฟีเรนเทียแล้วละก็ ถึงตอนนั้นนางจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้อีก

และถ้าหากจักรพรรดิเริ่มปรารถนาอยากได้ของของแคลอฮัน ลอมบาร์เดียขึ้นมาจริงๆ แล้วละก็!

หากเป็นเช่นนั้น ในวันที่ตั้งใจจะสั่งให้สองคนนั่นเป็นคู่หมั้นกัน ย่อมเท่ากับเฟเรสจะได้รับกำลังสนับสนุนมากยิ่งขึ้น

แคลอฮัน ลอมบาร์เดียคนนั้น อำนาจของเขายิ่งใหญ่เกินไปแล้ว

ในสถานการณ์ที่คู่หมั้นของอาสทาน่ายังไม่ได้ถูกกำหนด นางไม่มีทางปล่อยให้เด็กชั้นต่ำนั่นได้รับการสนับสนุนจากแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย โดยไม่ลงมือทำอะไรเลยอย่างเด็ดขาด

“หนึ่ง สอง สาม… หนึ่ง สอง สาม…”

เสียงกัดฟันกรอดของราวีนี่ถูกเสียงจังหวะเต้นรำที่ดังขึ้นจากไกลๆ ฝังกลบไปเสียจนไม่มีใครได้ยิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]