เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

“ถ้าข้าเป็นคาวาเลียร์ จะไม่มีเรื่องให้เทียต้องลำบากใช่มั้ยครับ”

ตอนที่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ามาหาเขาที่วังโฟอิรัค แล้วยื่นข้อเสนอให้เขาเป็นคาวาเลียร์ นั่นคือคำถามแรกที่เฟเรสถามขึ้นมา

“เพคะ…?”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าตื่นตระหนกไปครู่หนึ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยริ้วรอยกะพริบปริบ

เพราะนางนึกไม่ถึงว่านั่นจะเป็นคำตอบที่ได้รับกลับมา หลังจากที่นางบอกออกไปว่า ‘มันเป็นโอกาสที่ดีที่จะมอบความประทับใจให้เหล่าชนชั้นสูงมากมาย โดยไม่ต้องเกรงใจจักรพรรดินีและเจ้าชายลำดับที่หนึ่งอีกต่อไป’

แต่เพียงครู่เดียวหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าก็กลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิม ก่อนจะถามเสียงเรียบ

“ขออภัยเพคะ เจ้าชาย หม่อมฉันไม่ค่อยเข้าใจที่เจ้าชายตรัสนัก รบกวนช่วยตรัสอีกครั้งได้มั้ยเพคะ”

“ตอนที่กลายมาเป็นเพื่อนเล่นกับข้า เทียเคยเกือบจะต้องลำบากเพราะตำแหน่งของข้าน่ะครับ”

เฟเรสตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเยือกเย็น

“ข้าทราบดีว่า การเป็นคาวาเลียร์ให้นางเป็นเรื่องที่ดีสำหรับข้า แต่หากทำให้เทียเสียหายเพราะความโลภของข้าอีกครั้ง ข้าก็จะไม่ทำมันเด็ดขาด”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าเลือกคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดปากพูด

“ทั้งสองท่านเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากจริงๆ เลยนะเพคะ”

“…”

เฟเรสไม่ตอบคำพูดนั้น

แต่โยนคำถามอื่นออกไปแทน

“ถ้าข้าได้รับเลือกเป็นคาวาเลียร์ ตำแหน่งหัวหน้านางกำนัลคงจะลำบากแท้ๆ แล้วเหตุใดถึงได้ให้โอกาสข้าล่ะครับ”

หัวหน้านางกำนัลผงะไปครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็ถอนหายใจเสียงแผ่วพลางส่ายศีรษะ

“ดูเหมือนพวกข้ารับใช้จะพูดอะไรไร้สาระกับพระองค์สินะเพคะ”

“ข้าเพียงแค่ไม่มีอำนาจทางฝั่งมารดาเท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีตาไม่มีหูเสียหน่อยครับ”

“อืมม…”

ริ้วรอยของหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าที่พึมพำเสียงต่ำกับตัวเองยิ่งดูลึกเด่นชัดขึ้น

“หม่อมฉันเป็นเพียงหญิงชราที่รู้จักเพียงแต่งานดูแลพระราชวังเท่านั้นก็จริง แต่เรื่องอย่างงานเลี้ยงเปิดตัวประจำราชวงศ์นั้น เป็นสิทธิ์ขาดของหม่อมฉันเพคะเจ้าชายไม่ต้องเป็นห่วงก็ได้เพคะ”

“แต่ว่า…”

เฟเรสมองหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าด้วยนัยน์ตาสีแดงเข้มไม่บ่งบอกความรู้สึก

พระอาทิตย์นอกหน้าต่างเริ่มคล้อยต่ำลง มันยิ่งย้อมนัยน์ตาของเฟเรสให้ดูแดงสดขึ้น

ภาพที่เห็นทำให้อิมพีกร้าเผลอนึกถึงใครบางคนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“เจ้าชายลำดับที่สองช่างเหมือนกับอดีตจักรพรรดิมากจริงๆ เพคะ”

“…ข้าเองก็เคยได้ยินคนบอกเช่นนั้นเหมือนกันครับ”

รูลลัก ลอมบาร์เดียเคยกล่าวเช่นนั้น

ว่าเฟเรสคล้ายกับอดีตจักรพรรดิมากกว่าจักรพรรดิโยบาเนสผู้เป็นบิดา

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ามองเฟเรสด้วยใบหน้าอาลัยเพียงครู่ ก่อนจะพูดขึ้น

“ในเมื่อเจ้าชายกับคุณหนูลอมบาร์เดียเองก็เป็นสหายกัน หากจะเป็นพาร์ตเนอร์ให้ในงานเปิดตัว หม่อมฉันคิดว่าก็คงจะไม่มีข่าวลือเสียหายอะไรหรอกเพคะ พระองค์คิดเห็นเช่นไรเพคะ”

เฟเรสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยพยักหน้าลง

“ข้าจะเป็นคาวาเลียร์ครับ”

ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น มุมปากของเฟเรสก็ยกยิ้มออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน นางวางปากกาลง แล้วปิดสมุดบันทึกงาน

ในตอนนั้นเองก็มีใครบางคนเคาะประตูห้องทำงานเสียงดัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]