“ถ้าข้าเป็นคาวาเลียร์ จะไม่มีเรื่องให้เทียต้องลำบากใช่มั้ยครับ”
ตอนที่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ามาหาเขาที่วังโฟอิรัค แล้วยื่นข้อเสนอให้เขาเป็นคาวาเลียร์ นั่นคือคำถามแรกที่เฟเรสถามขึ้นมา
“เพคะ…?”
หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าตื่นตระหนกไปครู่หนึ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยริ้วรอยกะพริบปริบ
เพราะนางนึกไม่ถึงว่านั่นจะเป็นคำตอบที่ได้รับกลับมา หลังจากที่นางบอกออกไปว่า ‘มันเป็นโอกาสที่ดีที่จะมอบความประทับใจให้เหล่าชนชั้นสูงมากมาย โดยไม่ต้องเกรงใจจักรพรรดินีและเจ้าชายลำดับที่หนึ่งอีกต่อไป’
แต่เพียงครู่เดียวหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าก็กลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิม ก่อนจะถามเสียงเรียบ
“ขออภัยเพคะ เจ้าชาย หม่อมฉันไม่ค่อยเข้าใจที่เจ้าชายตรัสนัก รบกวนช่วยตรัสอีกครั้งได้มั้ยเพคะ”
“ตอนที่กลายมาเป็นเพื่อนเล่นกับข้า เทียเคยเกือบจะต้องลำบากเพราะตำแหน่งของข้าน่ะครับ”
เฟเรสตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเยือกเย็น
“ข้าทราบดีว่า การเป็นคาวาเลียร์ให้นางเป็นเรื่องที่ดีสำหรับข้า แต่หากทำให้เทียเสียหายเพราะความโลภของข้าอีกครั้ง ข้าก็จะไม่ทำมันเด็ดขาด”
หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าเลือกคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดปากพูด
“ทั้งสองท่านเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากจริงๆ เลยนะเพคะ”
“…”
เฟเรสไม่ตอบคำพูดนั้น
แต่โยนคำถามอื่นออกไปแทน
“ถ้าข้าได้รับเลือกเป็นคาวาเลียร์ ตำแหน่งหัวหน้านางกำนัลคงจะลำบากแท้ๆ แล้วเหตุใดถึงได้ให้โอกาสข้าล่ะครับ”
หัวหน้านางกำนัลผงะไปครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็ถอนหายใจเสียงแผ่วพลางส่ายศีรษะ
“ดูเหมือนพวกข้ารับใช้จะพูดอะไรไร้สาระกับพระองค์สินะเพคะ”
“ข้าเพียงแค่ไม่มีอำนาจทางฝั่งมารดาเท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีตาไม่มีหูเสียหน่อยครับ”
“อืมม…”
ริ้วรอยของหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าที่พึมพำเสียงต่ำกับตัวเองยิ่งดูลึกเด่นชัดขึ้น
“หม่อมฉันเป็นเพียงหญิงชราที่รู้จักเพียงแต่งานดูแลพระราชวังเท่านั้นก็จริง แต่เรื่องอย่างงานเลี้ยงเปิดตัวประจำราชวงศ์นั้น เป็นสิทธิ์ขาดของหม่อมฉันเพคะเจ้าชายไม่ต้องเป็นห่วงก็ได้เพคะ”
“แต่ว่า…”
เฟเรสมองหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าด้วยนัยน์ตาสีแดงเข้มไม่บ่งบอกความรู้สึก
พระอาทิตย์นอกหน้าต่างเริ่มคล้อยต่ำลง มันยิ่งย้อมนัยน์ตาของเฟเรสให้ดูแดงสดขึ้น
ภาพที่เห็นทำให้อิมพีกร้าเผลอนึกถึงใครบางคนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าชายลำดับที่สองช่างเหมือนกับอดีตจักรพรรดิมากจริงๆ เพคะ”
“…ข้าเองก็เคยได้ยินคนบอกเช่นนั้นเหมือนกันครับ”
รูลลัก ลอมบาร์เดียเคยกล่าวเช่นนั้น
ว่าเฟเรสคล้ายกับอดีตจักรพรรดิมากกว่าจักรพรรดิโยบาเนสผู้เป็นบิดา
หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ามองเฟเรสด้วยใบหน้าอาลัยเพียงครู่ ก่อนจะพูดขึ้น
“ในเมื่อเจ้าชายกับคุณหนูลอมบาร์เดียเองก็เป็นสหายกัน หากจะเป็นพาร์ตเนอร์ให้ในงานเปิดตัว หม่อมฉันคิดว่าก็คงจะไม่มีข่าวลือเสียหายอะไรหรอกเพคะ พระองค์คิดเห็นเช่นไรเพคะ”
เฟเรสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยพยักหน้าลง
“ข้าจะเป็นคาวาเลียร์ครับ”
ในขณะที่กล่าวเช่นนั้น มุมปากของเฟเรสก็ยกยิ้มออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก
หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน นางวางปากกาลง แล้วปิดสมุดบันทึกงาน
ในตอนนั้นเองก็มีใครบางคนเคาะประตูห้องทำงานเสียงดัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...