ของคุณภาพต่ำอย่างนั้นหรือ คำพูดของจักรพรรดินีช่างไร้เหตุผลเหลือเกิน
อัณมณีที่แพงที่สุด หายากที่สุด ก็คือเพชรนี่แท้ๆ !
ใบหน้าของอาสทาน่าบิดเบี้ยวด้วยความโมโห
และแย่งเอากระดุมเพชรเม็ดนั้นกลับคืนมาจากมือของจักรพรรดินีอีกครั้ง
นัยน์ตาของจักรพรรดินีเบิกกว้าง นางไม่คิดเลยว่าอาสทาน่าจะทำเช่นนี้กับนาง
“น่าขายหน้าเกินไปแล้วนะพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ เรื่องที่ควรยอมรับก็ต้องยอมรับสิพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้เกลียดลอมบาร์เดียแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะจัดการอะไรได้เสียหน่อย”
“อะเจ้าชาย…! ”
จักรพรรดินีราวีนี่ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“งานเลี้ยงครั้งนี้ก็เหมือนกัน หากเสด็จแม่ไม่ไปยุ่งกับหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้า ก็คงไม่เกิดปัญหาเช่นนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนี้บุตรชายที่นางรักใคร่กำลังพูดเรื่องอะไรกัน
แต่คำพูดก้าวร้าวของอาสทาน่าก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น
“และต่อให้เป็นเสด็จแม่ หากกล้ามาแย่งชิงของของข้าเช่นนี้ ข้าก็ไม่อาจยกโทษให้ได้หรอกนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ยะ ยกโทษ…”
จักรพรรดินีตัวเซเล็กน้อยด้วยความตกตะลึง
แต่อาสทาน่ากลับทำเพียงแค่จ้องนางด้วยนัยน์ตาเย็นชาเท่านั้น ไม่คิดที่จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือ
“เจ้าชาย พูดจาแบบนั้น…กับข้าได้ยังไง…”
แต่อาสทาน่าก็ยังคงทำเพียงแค่พ่นลมหายใจเสียงดังหึ ก่อนจะเดินตรงไปยังกลางโถงจัดงานเลี้ยง เดินห่างออกไปไกลจากจักรพรรดินีเท่านั้น
“จักรพรรดินีก็ควรที่จะมีเกียรติเสียบ้าง…”
อาสทาน่าพึมพำด้วยความหงุดหงิด
ทั้งความยึดติดอย่างผิดปกติในเรื่องเกี่ยวกับลอมบาร์เดียของมารดา ทั้งอังเกนัสที่ทำงานไม่เคยได้เรื่องแม้แต่งานเดียว เขาเบื่อมันทั้งหมด
“เจ้า มานี่”
อาสทาน่าเอ่ยเรียกผู้ดูแลที่เดินถือถาดวางแก้วไวน์ที่กำลังเดินผ่านไป
ถึงแม้จะยังไม่บรรลุนิติภาวะเป็นผู้ใหญ่ แต่ถึงยังไงอาสทาน่าก็เป็นเจ้าชาย
ทั้งยังเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของอาณาจักร
ผู้ดูแลคนนั้นลังเลไปชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ส่งแก้วไวน์ให้แก่อาสทาน่า
“โฮ่ว อร่อยเหมือนกันแฮะ”
พอเห็นอาสทาน่าจิบไวน์หนึ่งอึกแล้วเอ่ยชมเช่นนั้น ผู้ดูแลก็อธิบายเสียงแผ่ว
“เป็นไวน์วินเทจคาร์โลพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ของแพงสุดๆ เลยไม่ใช่หรือ”
มันเป็นชื่อที่แม้แต่อาสทาน่าที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับไวน์ดีนัก ก็ยังเคยได้ยินชื่อบ้างสองสามครั้ง
“ว่าแล้วเชียว ลอมบาร์เดีย…”
อำนาจของลอมบาร์เดีย ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งมีแต่จะยิ่งใหญ่มากขึ้น
ไม่ใช่แค่ตระกูลลอมบาร์เดียเท่านั้น ทั้งร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน ทั้งร้านค้าเพลเลสที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุดก็เช่นเดียวกัน
เพียงแค่งานเลี้ยงเปิดตัวงานนี้งานเดียว ก็สามารถทราบได้แล้วว่าลอมบาร์เดียเป็นตระกูลที่พิเศษขนาดไหน
“ต่างจากอังเกนัสที่แค่ลานล่าสัตว์ดีๆ สักที่ก็ยังหาให้ไม่ได้ลิบลับ”
สุดท้ายเจ้าตระกูลอังเกนัสก็ล้มเหลวในการจัดหาลานล่าสัตว์ที่อาสทาน่าต้องการ
ถึงแม้จะจัดเตรียมที่ดินที่มีสภาพเงื่อนไขคล้ายกันไว้ให้ก็เถอะ แต่มันก็ไม่อาจทำให้เขาพอใจได้อยู่ดี
ในตอนนั้นเองผู้ดูแลที่ยืนอยู่ข้างประตูดอกไม้ก็ประกาศเสียงสูง
“การเข้างานของคุณหนูที่จะเปิดตัวในวันนี้ กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วครับ! ”
ประตูที่ปิดสนิทถูกเปิดออก ในขณะที่คู่แรกปรากฏตัวขึ้น
พวกเขาคือหญิงสาวที่จะเปิดตัวและคาวาเลียร์ที่จะร่วมเต้นรำเปิดฟลอร์เป็นคู่แรกของปีนี้
“คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย! บุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านชายแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย…”
ฟีเรนเทียจับมือเฟเรสเอาไว้ในขณะที่เดินเข้าไปในงานเลี้ยงท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้คน
เดรสสีเขียว เรือนผมสีน้ำตาลเงางามส่องประกายยามต้องแสง ประกอบกับเหล่าดอกไม้ที่ตกแต่งอยู่รอบๆ งาน ทำให้นางดูเหมือนภูตตัวน้อยที่อาศัยอยู่ในป่าลึก
“ว้าว เป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ เลยนะคะเนี่ย!”
“เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เยาว์วัยในฐานะสหายใช่มั้ยคะ ถึงได้ดูสนิทสนมกันเป็นพิเศษ”
ได้ยินเสียงสนทนาของเหล่าคุณหญิงคุณนายที่อยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูงมานาน
อาสทาน่าเหม่อมองฟีเรนเทีย
และเมื่อหันศีรษะไปอีกทางก็เห็นเฟเรสจับมือข้างนั้นอยู่
“ลอมบาร์เดีย…”
อาสทาน่าขมวดคิ้วแน่น พึมพำกับตัวเอง รู้สึกได้ถึงรสชาติขมปร่าของไวน์ที่เหลือค้างอยู่บนปลายลิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...