เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

สรุปบท เล่ม 3 บทที่ 107.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

สรุปตอน เล่ม 3 บทที่ 107.2 – จากเรื่อง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

ตอน เล่ม 3 บทที่ 107.2 ของนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ของคุณภาพต่ำอย่างนั้นหรือ คำพูดของจักรพรรดินีช่างไร้เหตุผลเหลือเกิน

อัณมณีที่แพงที่สุด หายากที่สุด ก็คือเพชรนี่แท้ๆ !

ใบหน้าของอาสทาน่าบิดเบี้ยวด้วยความโมโห

และแย่งเอากระดุมเพชรเม็ดนั้นกลับคืนมาจากมือของจักรพรรดินีอีกครั้ง

นัยน์ตาของจักรพรรดินีเบิกกว้าง นางไม่คิดเลยว่าอาสทาน่าจะทำเช่นนี้กับนาง

“น่าขายหน้าเกินไปแล้วนะพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่ เรื่องที่ควรยอมรับก็ต้องยอมรับสิพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้เกลียดลอมบาร์เดียแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะจัดการอะไรได้เสียหน่อย”

“อะเจ้าชาย…! ”

จักรพรรดินีราวีนี่ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

“งานเลี้ยงครั้งนี้ก็เหมือนกัน หากเสด็จแม่ไม่ไปยุ่งกับหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้า ก็คงไม่เกิดปัญหาเช่นนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ”

ตอนนี้บุตรชายที่นางรักใคร่กำลังพูดเรื่องอะไรกัน

แต่คำพูดก้าวร้าวของอาสทาน่าก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น

“และต่อให้เป็นเสด็จแม่ หากกล้ามาแย่งชิงของของข้าเช่นนี้ ข้าก็ไม่อาจยกโทษให้ได้หรอกนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ยะ ยกโทษ…”

จักรพรรดินีตัวเซเล็กน้อยด้วยความตกตะลึง

แต่อาสทาน่ากลับทำเพียงแค่จ้องนางด้วยนัยน์ตาเย็นชาเท่านั้น ไม่คิดที่จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือ

“เจ้าชาย พูดจาแบบนั้น…กับข้าได้ยังไง…”

แต่อาสทาน่าก็ยังคงทำเพียงแค่พ่นลมหายใจเสียงดังหึ ก่อนจะเดินตรงไปยังกลางโถงจัดงานเลี้ยง เดินห่างออกไปไกลจากจักรพรรดินีเท่านั้น

“จักรพรรดินีก็ควรที่จะมีเกียรติเสียบ้าง…”

อาสทาน่าพึมพำด้วยความหงุดหงิด

ทั้งความยึดติดอย่างผิดปกติในเรื่องเกี่ยวกับลอมบาร์เดียของมารดา ทั้งอังเกนัสที่ทำงานไม่เคยได้เรื่องแม้แต่งานเดียว เขาเบื่อมันทั้งหมด

“เจ้า มานี่”

อาสทาน่าเอ่ยเรียกผู้ดูแลที่เดินถือถาดวางแก้วไวน์ที่กำลังเดินผ่านไป

ถึงแม้จะยังไม่บรรลุนิติภาวะเป็นผู้ใหญ่ แต่ถึงยังไงอาสทาน่าก็เป็นเจ้าชาย

ทั้งยังเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของอาณาจักร

ผู้ดูแลคนนั้นลังเลไปชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ส่งแก้วไวน์ให้แก่อาสทาน่า

“โฮ่ว อร่อยเหมือนกันแฮะ”

พอเห็นอาสทาน่าจิบไวน์หนึ่งอึกแล้วเอ่ยชมเช่นนั้น ผู้ดูแลก็อธิบายเสียงแผ่ว

“เป็นไวน์วินเทจคาร์โลพ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ของแพงสุดๆ เลยไม่ใช่หรือ”

มันเป็นชื่อที่แม้แต่อาสทาน่าที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับไวน์ดีนัก ก็ยังเคยได้ยินชื่อบ้างสองสามครั้ง

“ว่าแล้วเชียว ลอมบาร์เดีย…”

อำนาจของลอมบาร์เดีย ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งมีแต่จะยิ่งใหญ่มากขึ้น

ไม่ใช่แค่ตระกูลลอมบาร์เดียเท่านั้น ทั้งร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน ทั้งร้านค้าเพลเลสที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุดก็เช่นเดียวกัน

เพียงแค่งานเลี้ยงเปิดตัวงานนี้งานเดียว ก็สามารถทราบได้แล้วว่าลอมบาร์เดียเป็นตระกูลที่พิเศษขนาดไหน

“ต่างจากอังเกนัสที่แค่ลานล่าสัตว์ดีๆ สักที่ก็ยังหาให้ไม่ได้ลิบลับ”

สุดท้ายเจ้าตระกูลอังเกนัสก็ล้มเหลวในการจัดหาลานล่าสัตว์ที่อาสทาน่าต้องการ

ถึงแม้จะจัดเตรียมที่ดินที่มีสภาพเงื่อนไขคล้ายกันไว้ให้ก็เถอะ แต่มันก็ไม่อาจทำให้เขาพอใจได้อยู่ดี

ในตอนนั้นเองผู้ดูแลที่ยืนอยู่ข้างประตูดอกไม้ก็ประกาศเสียงสูง

“การเข้างานของคุณหนูที่จะเปิดตัวในวันนี้ กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วครับ! ”

ประตูที่ปิดสนิทถูกเปิดออก ในขณะที่คู่แรกปรากฏตัวขึ้น

พวกเขาคือหญิงสาวที่จะเปิดตัวและคาวาเลียร์ที่จะร่วมเต้นรำเปิดฟลอร์เป็นคู่แรกของปีนี้

“คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย! บุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านชายแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย…”

ฟีเรนเทียจับมือเฟเรสเอาไว้ในขณะที่เดินเข้าไปในงานเลี้ยงท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้คน

เดรสสีเขียว เรือนผมสีน้ำตาลเงางามส่องประกายยามต้องแสง ประกอบกับเหล่าดอกไม้ที่ตกแต่งอยู่รอบๆ งาน ทำให้นางดูเหมือนภูตตัวน้อยที่อาศัยอยู่ในป่าลึก

“ว้าว เป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ เลยนะคะเนี่ย!”

“เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เยาว์วัยในฐานะสหายใช่มั้ยคะ ถึงได้ดูสนิทสนมกันเป็นพิเศษ”

ได้ยินเสียงสนทนาของเหล่าคุณหญิงคุณนายที่อยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูงมานาน

อาสทาน่าเหม่อมองฟีเรนเทีย

และเมื่อหันศีรษะไปอีกทางก็เห็นเฟเรสจับมือข้างนั้นอยู่

“ลอมบาร์เดีย…”

อาสทาน่าขมวดคิ้วแน่น พึมพำกับตัวเอง รู้สึกได้ถึงรสชาติขมปร่าของไวน์ที่เหลือค้างอยู่บนปลายลิ้น

“…ค่ะ”

“ตอนนี้ไม่ได้ฟังที่ข้าพูดสักคำเลยใช่มั้ยคะเนี่ย”

“…ค่ะ”

สติหลุดไปแล้วสินะ

ท่าทางนอกจากให้งานเลี้ยงรีบๆ เริ่มไวๆ จะได้ออกไปปะทะกับของจริงไวๆ แล้ว ก็คงไม่มีหนทางแก้ปัญหาได้แล้วละ

“พยายามเข้านะคะ”

เธอตบไหล่พาร์ตเนอร์ของทิลเลียน่าเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ เขาคือเด็กผู้ชายคนที่เธอคิดว่าหน้าตาเหมือนเครนีย์เมื่อคราวก่อนนั่นเอง หลังจากนั้นจึงค่อยหมุนตัวเดินกลับมาประจำที่ของตัวเอง

“คุณหนู อยู่นิ่งๆ สักประเดี๋ยวนะคะ”

ลอรีลช่วยจัดเสื้อผ้าหน้าผมของเธอให้อย่างระมัดระวังด้วยใบหน้าจริงจังเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะพูดขึ้น

“ตอนนี้ข้าคงต้องกลับเข้าไปในงานแล้วละค่ะ ไว้เจอกันข้างในนะคะ คุณหนู อย่าตื่นเต้นมากนะคะ”

“อื้อ ข้าไม่เป็นไร เข้าไปเถอะ”

ลอรีลยังคงเหลียวกลับมามองเธอด้วยความเป็นห่วงอยู่หลายรอบ ก่อนจะยอมเดินจากไป

“ฮู่ว…”

อันที่จริงเธอไม่ไหวแล้ว

หัวใจที่เคยเต้นเป็นปกติดีตอนที่พบจักรพรรดิกับจักรพรรดินีหรือแม้กระทั่งตอนเปิดกิจการที่มีรายได้หมุนเวียนกว่าหลายพันเหรียญทอง วันนี้กลับว้าวุ่นเป็นพิเศษ

“ต้องสูดลมหายใจลึกๆ สูดลมหายใจ…”

แต่แล้วในตอนที่เงยหน้าขึ้นพลางสูดลมหายใจให้เต็มปอด

ก็พลันมองเห็นเฟเรสที่ยืนอยู่ไกลๆ

“จะยืนอยู่ตรงนั้นจนถึงเมื่อไหร่เนี่ย”

สายตาคู่นั้นกำลังมองเธออยู่ชัดๆ

แล้วทำไมถึงได้เอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่เดินเข้ามาใกล้สักทีล่ะ

“เฟเรส เจ้าทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ”

เมื่อได้ยินเสียงของเธอ เฟเรสถึงค่อยกะพริบตาปริบๆ อย่างเชื่องช้า ราวกับคนที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหล

“เทีย”

และเขาก็เอ่ยเรียกชื่อของเธอในขณะที่เริ่มเดินเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]