เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

เฟเรสสวมชุดทางการสีดำเรียบๆ บนหน้าอกติดเข็มกลัดเพชรเม็ดโตที่เธอมอบให้เขาเป็นของขวัญก่อนหน้านี้ วันนี้เขาดูเปล่งประกายมากกว่าที่เคย

ไม่เพียงเป็นอัจฉริยะมากความสามารถที่ดึงออร่าออกมาใช้ได้ตอนอายุเพียงแค่ 12 ปีเท่านั้น เขายังเป็นเจ้าชายลำดับที่สองผู้หล่อเหลาถึงเพียงนี้

ได้ยินว่าความนิยมของเฟเรสในหมู่ชนชั้นสูงกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย

“เฟเรส วันนี้เจ้าหล่อ…”

“สวย”

“…หืม?”

“สวย”

เฟเรสยิ้มไปถึงนัยน์ตา แพขนตายาวขยับเล็กน้อย

“อ๊ะ? ระ เหรอ วันนี้เจ้าเองก็สวยเหมือนกันนะ”

เธอตอบกลับไปด้วยความสับสน

“ขอบใจ”

แต่เฟเรสกลับตอบขอบคุณอย่างเรียบง่าย

เธอเลยถามเขาด้วยความสงสัย

“ไม่โกรธเหรอ”

“โกรธ? โกรธเจ้าน่ะเหรอ”

เฟเรสเบิกตากว้างเล็กน้อย ราวกับได้ยินเรื่องที่ประหลาดที่สุดในโลก

“ไม่สิ…ก็แบบปกติพวกผู้ชายถ้าได้ยินคนชมว่า ‘สวย’ ไม่มีใครเขาพอใจกันแบบนั้นหรอกไม่ใช่หรือไง”

โดยเฉพาะพวกเด็กๆ

แต่เฟเรสกลับยิ้มจางเล็กน้อย ก่อนจะตอบเธอ

“ก็เทียชอบของสวยๆ งามๆ ไม่ใช่เหรอ”

“ก็…ใช่”

แต่แล้วในตอนที่เธอกำลังครุ่นคิดความหมายคำพูดของเฟเรส

“เจ้าชายลำดับที่สอง คุณหนูลอมบาร์เดีย”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าก็เดินเข้ามาหาพวกเรา

“ได้เวลาเข้างานแล้วเพคะ”

“นะ ในที่สุด…”

หัวใจที่สงบลงบ้างเมื่อได้สนทนากับเฟเรส จู่ๆ ก็เริ่มเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงอีกครั้ง

“ฮู่ว…”

ทั้งๆ ที่รู้ดีว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่เธอก็ยังลองสูดลมหายใจเข้าลึก

“เข้าไปกันเถอะค่ะ”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าดันไหล่ของเธอกับเฟเรสอย่างอ่อนโยนพลางพูดขึ้น

ขณะเดียวกัน ประตูที่เคยปิดแน่นอยู่ตรงหน้าก็เริ่มเปิดออกอย่างช้าๆ

ได้ยินเสียงของผู้ดูแลกล่าวแนะนำตัวเธอจากข้างในโถงจัดงานดังออกมา

“คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย! บุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านชายแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย…”

งานเปิดตัวครั้งแรกในชีวิตของเธอได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

* * *

หลังจากแนะนำตัวและกล่าวทักทายผู้คนเสร็จลงอย่างราบรื่น เธอจับมือกับเฟเรสต่อหน้าทุกคน พวกเรายืนหันหน้าเข้าหากันเพื่อร่วมเต้นรำเปิดฟลอร์เป็นคู่แรก

ร่างกายรู้สึกได้ถึงสายตาของผู้คนที่มองมา

เธอพยายามคลายความตื่นเต้น กระซิบเสียงแผ่วข้างหูเฟเรส

“คนมาเยอะกว่าที่คิดนะเนี่ย”

“นั่นสิ”

“เฟเรส เจ้าไม่ตื่นเต้นบ้างเหรอ”

คำพูดของเธอทำให้เฟเรสหลุบสายตามองมือของเขาที่จับมือเธอไว้ ก่อนจะตอบ

“ตื่นเต้นสิ”

“…คนโกหก”

ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตื่นเต้นเลยสักนิด

“แต่ก็โล่งอกจริงๆ นะ”

“เรื่องอะไร”

“เจ้าหล่อมาก ดังนั้นคนส่วนใหญ่คงจะมองไปที่เจ้ามากกว่าไงล่ะ”

“…งั้นหรือ”

เฟเรสมองหน้าเธออยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ

“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่ว”

และวินาทีนั้นเอง เสียงดนตรีบรรเลงก็ดังขึ้น

พวกเราเริ่มย่างกรายออกสเต็ปอย่างเชื่องช้า ไปตามจังหวะดนตรีที่ตอนนี้คุ้นหูกันดีแล้ว

หนึ่ง สอง สาม หนึ่ง สอง สาม

ตอนแรกมันก็ราบรื่นดีอยู่หรอก

เพราะฝึกซ้อมกันมาอย่างหนัก เธอเลยไม่กลัวที่จะทำพลาด แต่พอผ่านครึ่งหลังไป จังหวะดนตรีก็เริ่มเร็วขึ้น เรื่องราวจึงแตกต่างออกไปจากที่คิด

ขาที่แข็งเกร็งด้วยความตื่นเต้น ดันเผลอพลาดจังหวะไปช่วงหนึ่ง ทำให้ร่างกายของเธอเริ่มโงนเงน

ซวยแล้ว!

ในจังหวะเพียงเสี้ยววินาที เธอได้แต่คิดเช่นนั้นเท่านั้น

จนกระทั่งแขนของเฟเรสที่โอบรอบเอวของเธอเอาไว้อย่างมั่นคง เสริมแรงช่วยพยุงร่างกายของเธอเอาไว้นั่นแหละ

“อา…”

เธอเงยหน้ามองเฟเรสด้วยความตกใจโดยไม่รู้ตัว

“ไม่เป็นไร”

เฟเรสยิ้มจาง เขาพูดเพียงประโยคเดียวด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ในขณะที่เธอส่งเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกจนลืมสเต็ปถัดไป เฟเรสเป็นฝ่ายขยับเท้าชักนำเธอแทน

ไม่สูญเสียความผ่อนคลาย เขายังคงมองสบนัยน์ตาของเธอด้วยรอยยิ้ม

เธอตั้งสติได้อีกครั้ง แม้กระทั่งในตอนที่เต้นรำครึ่งหลังผ่านพ้นไปได้อย่างปลอดภัย ในหัวสมองของเธอก็ยังคงเอาแต่ครุ่นคิดเพียงแค่ความคิดเดียวเท่านั้น

เด็กนี่…โตถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

เด็กน้อยคนที่นั่งยองๆ อยู่ตามลำพังในป่า เด็ดหญ้าสมุนไพรกินคนนั้น โตถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ในระหว่างที่เธอครุ่นคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อย คู่ที่เหลือก็เดินเข้ามาร่วมฟลอร์ ทุกคนจึงร่วมเต้นรำไปพร้อมๆ กันอีกครั้ง

และในตอนสุดท้าย เหล่าคาวาเลียร์ก็ก้าวเท้าถอยหลังไปหนึ่งก้าว โค้งกายให้ฝ่ายหญิงอย่างสุภาพ เสียงเพลงจึงหยุดบรรเลง

เฟเรสจุมพิตลงบนหลังมือของเธออย่างแผ่วเบา ในขณะที่ผู้คนปรบมือกันเสียงดัง

ถึงแม้จะตกใจ แต่เธอก็เพียงแค่ผงะไปครู่เดียวเท่านั้น ไม่ได้ดึงมือออกจากการกอบกุมของเขา

เฟเรสเองก็คงจะรู้สึกได้ ศีรษะที่เคยก้มอยู่ถึงได้เงยขึ้น เขากำลังยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่เด่นชัดตราตรึงอยู่บนใบหน้า

ใบหน้างดงามที่หากเป็นคนอื่นแล้วละก็ ร้อยทั้งร้อยคงได้มองเขาแล้วสติหลุดลอยเป็นแน่ แต่สำหรับเธอกลับมีเสียงร้องเตือนดังขึ้น

มันมีอะไรแปลกๆ นะ

ถึงแม้ท่าทางของเขาจะดูไม่ต่างอะไรไปจากทุกวัน แต่มันมีอะไรบางอย่างแตกต่างไปจากเดิม

“มาทางนี้สักนิดสิ”

เธอจับมือเฟเรสพาเขาเดินหลบออกมาจากฟลอร์เต้นรำก่อน แล้วค่อยเดินนำเขาไปยังโต๊ะที่วางเครื่องดื่มเอาไว้

โล่งอกที่รอบๆ ยังมีคนไม่มากนัก

“เจ้าทำไมเป็นงั้นล่ะ”

เธอถามเสียงค่อย

“อะไร”

เฟเรสถามกลับด้วยใบหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว

คิดจะแสร้งทำตัวเป็นคนใสซื่อสินะ

“ใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก รีบๆ บอกมาเดี๋ยวนี้เลย มีเรื่องอะไรกันแน่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]