อ่านสรุป เล่ม 3 บทที่ 108.2 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet
บทที่ เล่ม 3 บทที่ 108.2 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตั้งแต่ตอนที่เฟเรสปรากฏตัวขึ้นเป็นคาวาเลียร์ของเธอ เธอก็รู้สึกได้ว่าเขาดูแปลกไปจากเดิม ทำให้รู้สึกตงิดใจมาโดยตลอด
ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
“ทำไมเจ้าถึงได้…รู้จักข้าดีขนาดนั้นกัน”
เฟเรสขมวดคิ้วเล็กน้อยในขณะที่พูดขึ้น
“จู่ๆ พูดอะไรแบบนั้น เป็นเพื่อนกันมันก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
“อย่างนั้นเหรอ…”
เฟเรสยิ้มจาง ดูหมดเรี่ยวหมดแรง
“ใช่สิ เพราะงั้นเล่ามาเถอะ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่”
“อืม ก็แค่”
เฟเรสชี้ไปยังด้านหลังของเธอพลางตอบ
“อุตส่าห์ฝึกซ้อมด้วยกันอย่างยากลำบากแท้ๆ แต่มันเหมือนกับว่าจะไม่มีโอกาสได้เต้นรำกับเจ้าอีกแล้วน่ะ”
พอหันไปมองข้างหลังก็พบว่าท่านพ่อกำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอพร้อมรอยยิ้มกว้าง
ไม่น่าจะใช่เพราะเรื่องนี้สักหน่อย
เธอถลึงตาจ้องเขาเขม็ง แต่เฟเรสกลับเอาแต่หลบสายตาของเธอ
“เทีย!”
ในจังหวะนั้นท่านพ่อก็เดินเข้ามาใกล้ แล้วคว้าตัวเธอไปกอดไว้แน่น
“ยินดีด้วยนะที่เปิดตัวสู่สังคมได้อย่างประสบความสำเร็จ ลูกสาวพ่อ!”
จริงด้วยค่ะ ท่านพ่อ
เธอได้จัดงานเปิดตัวเรียบร้อยแล้ว
แต่พอได้ยินจากปากของท่านพ่อ มันทำให้เธอเพิ่งตระหนักได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่เป็นเรื่องจริง
อายุสิบสองปี
ในชีวิตก่อนมันเป็นช่วงอายุที่เธอต้องเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย ลำบากหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าเองก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นเดียวกันครับ ที่ได้เป็นคาวาเลียร์ของเทีย”
ท่านพ่อกล่าวทักทายอย่างนอบน้อม เฟเรสจึงโค้งศีรษะให้ท่านเช่นเดียวกัน
ท่านพ่อพยักหน้าในขณะที่มองเฟเรสที่ทำตัวเช่นนั้น ก่อนจะยิ้มด้วยความพอใจ แล้วพูดต่อ
“ถ้าอย่างนั้น เทีย การเต้นรำครั้งแรกหลังเปิดตัว จะเต้นกับพ่อคนนี้ได้มั้ย”
ท่านพ่อโค้งกายลงเล็กน้อย ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาหาเธอในขณะที่พูดขึ้น
มันเป็นธรรมเนียมทั่วไปที่พวกผู้ชายทำกันเวลาขอฝ่ายหญิงเต้นรำแท้ๆ แต่พอท่านพ่อเป็นคนทำ มันกลับให้ความรู้สึกแตกต่างออกไป
ต้องบอกว่ามันดูสง่างาม ทั้งยังดูสุภาพอ่อนน้อมยิ่งกว่าหรือเปล่านะ
กระทั่งเหล่าคุณหญิงคุณนายที่อยู่รอบๆ ยังต้องเหลือบมองมาที่ท่านพ่อเลยทีเดียว
ว่าแล้วเชียว เท่ที่สุดเลย ท่านพ่อของเธอ
“ค่ะ พ่อ! ”
เธอยื่นมือออกไปวางบนมือของท่านพ่อ ตอบรับด้วยความยินดี
“งั้นอีกเดี๋ยวค่อยเจอกันนะ เฟเรส!”
เรื่องที่พวกเราคุยกันไม่จบแค่นี้หรอกนะ!
“อื้อ”
เธอโบกมือลาเฟเรส แล้วเดินกลับไปยังฟลอร์เต้นรำกับท่านพ่ออีกครั้ง
แตกต่างกับการเต้นรำเปิดตัวที่ต้องรักษาจังหวะให้ได้อย่างเข้มงวด เสียงดนตรีบรรเลงฟังดูเป็นจังหวะเบาสบาย กว่าเมื่อครู่
เพราะอย่างนั้นคนอื่นๆ เองก็กำลังเต้นรำด้วยบรรยากาศผ่อนคลายกว่าเดิมมากเช่นกัน
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเต้นรำครั้งแรกของคุณหนูครับ คุณหนูลอมบาร์เดีย”
ท่านพ่อพูดด้วยโทนเสียงเหมือนอย่างที่เวลาผู้ชายในสังคมชั้นสูงใช้เวลาขอฝ่ายหญิงเต้นรำ
เธอเองก็ตอบรับให้เข้ากับการเล่นละครของท่าน
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ท่านชายลอมบาร์เดีย”
และทันทีที่พวกเราจับมือประสานกันไว้ เสียงเพลงบรรเลงเพลงใหม่ก็ถูกบรรเลงขึ้น ราวกับเฝ้ารอจังหวะนี้อยู่แล้ว
แต่เธอไม่อาจสนุกได้อย่างที่ใจคิด
เพราะไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผู้คนที่ให้ความสนใจในตัวเธอกับท่านพ่อถึงได้กำลังหันมามองจ้องพวกเรากันเป็นตาเดียว
เธอมองหน้าท่านพ่อในขณะที่ออกสเต็ปเต้นรำ แต่ฉากหลังที่เห็นกลับเต็มไปด้วยใบหน้าของผู้คนที่ไม่คุ้นหน้า
การเต้นรำครั้งแรกจบลง และในตอนที่การเต้นรำรอบที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น ท่านพ่อก็เอ่ยเรียกเธอคล้ายกับว่าสังเกตเห็นอาการของเธอ
“เทีย?”
และท่านพ่อก็หันไปมองรอบๆ ก่อนจะพยักหน้าลงแทนความหมายว่าเข้าใจแล้ว
“ฮึ่ม ถ้าอย่างนั้น…”
ชั่วขณะ สีหน้าเจ้าเล่ห์เล็กน้อยพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของท่านพ่อ
“กรี๊ด! พ่อ!”
ท่านพ่อยกมือของเธอชูขึ้นสูงเหนือศีรษะ ทำให้ไหล่ของเธอต้องหมุนพลิกตามไป จนกลายเป็นหมุนตัวอยู่กับที่
แล้วนี่จะปลอบพ่อที่กำลังร้องไห้ได้ด้วยวิธีไหนบ้างล่ะเนี่ย
เธอยกมือขึ้น ยื่นออกไปจับแขนท่านพ่อเบาๆ พลางพูด
“พะ พ่อ อย่าร้องไห้เลยค่ะ…วันดีแท้ๆ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะคะ พ่อของข้า”
“ใช่แล้ว มันเป็นวันดี พ่อนี่ช่างโง่เง่าจริงๆ เลย”
โล่งอกที่เพียงไม่นานท่านพ่อก็ตั้งสติได้
ท่านพ่อใช้แขนเสื้อซับหยาดน้ำตาลวกๆ แล้วยิ้มให้เธอด้วยนัยน์ตาที่ยังคงแดงก่ำอยู่เล็กน้อย
“แค่งานเปิดตัวยังร้องไห้แบบนี้ ต่อไปถ้าเทียของพ่อแต่งงาน…ฮึก!”
อา ให้ตายเถอะ
คราวนี้น้ำตาแตกจริงๆ
ท่านพ่อยกมือขึ้นปิดปากแน่น เอียงศีรษะไปด้านข้าง สะอื้นจนไหล่กระเพื่อม
เป็นแบบนี้ต่อไปคงได้ทำให้เธอร้องไห้ด้วยไม่ใช่หรือไง!
แต่ในตอนนั้นเอง ท่านปู่ก็เดินเข้ามาถามไถ่พอดี
“หืม? เจ้าทำไมเป็นเช่นนั้นล่ะเนี่ย แคลอฮัน”
“…”
ท่านพ่อเอาแต่ซับน้ำตาที่ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย สะอื้นไม่หยุดจนไม่อาจตอบอะไรได้
เธอถอนหายใจเสียงแผ่วแทน แล้วเป็นฝ่ายตอบให้แทน
“มองข้าแล้วก็ถามว่า ‘โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่’ หลังจากนั้นก็บอกว่า ขนาดงานเปิดตัวยังเป็นขนาดนี้ แล้วต่อไปถ้าข้าแต่งงานจะทำยังไง…ทะ ท่านปู่?”
“…”
จบกัน
สุดท้ายกระทั่งท่านปู่เองก็ยกมือขึ้นกุมหน้าผาก
อา ไม่รู้ด้วยแล้ว
เธอได้แต่ยืนมองท่านพ่อกับท่านปู่ด้วยสภาพยอมแพ้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง ชานาเนสกับสองแฝดก็เดินเข้ามาพร้อมกันจากด้านหลังพอดี
เธอไม่มีแรงเหลือจะอธิบายอะไรอีกแล้ว จึงเงยหน้ามองชานาเนสด้วยสายตาว่างเปล่า
ชานาเนสมองเธอ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา คล้ายกับต่อให้เธอไม่พูดอะไรนางก็สามารถเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“มีคนมองอยู่ตั้งมากมาย อย่ามาทำตัวแบบนี้กันที่นี่เลยนะคะ ไปด้านโน้นกันเถอะค่ะ”
“…ฮึก”
ท่านปู่กับท่านพ่อเองก็คงจะอายไม่น้อย พวกท่านสูดจมูกส่งเสียงสะอื้นเป็นระยะ ยอมเดินตามหลังชานาเนสไปอย่างเงียบๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...