“แขก…หมายถึง”
คาอิลรัสที่ยืนฟังบทสนทนาของทั้งสองคนก็เอียงคอด้วยความงุนงงเช่นกัน แต่แล้วในตอนนั้นเอง
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับอัศวินประจำวังโฟอิรัคที่แจ้งขึ้นมาว่ามีแขกมาเยือนวังแห่งนี้
คราวนี้ไม่ใช่นางกำนัล แต่เป็นคุณหญิงจากตระกูลชั้นสูงนางหนึ่ง
เฟเรสมองคุณหญิงนางนั้นที่เดินเชิดหน้าหยิ่งยโสเข้ามาหาเขาพลางครุ่นคิด
“เสียมารยาทอะไรแบบนี้กันคะ! ”
ท่าทางของคุณหญิงท่านนี้ที่ไม่แม้แต่จะถวายบังคมทักทายอย่างถูกต้อง ทำให้แคทเธอรีนตำหนิเสียงดัง
คุณหญิงท่านนี้ถึงได้ค่อยพ่นลมหายใจเสียงดังหึทางจมูกด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยังยอมย่อเข่าถวายบังคมอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ถวายบังคมเพคะ เจ้าชายลำดับที่สอง”
เฟเรสพยักหน้ารับการคำนับโดยไม่ตอบอะไร
ท่าทางดูแคลนอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาของคุณหญิงท่านนี้ถึงได้สั่นกระตุก
“นำสารจากองค์จักรพรรดินีมาให้เพคะ พระองค์มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าที่วังจักรพรรดินีตอนนี้เลย ไปพร้อมกันกับหม่อมฉันเพคะ”
ทำตัวราวกับตัวเองเป็นจักรพรรดินีเสียเองท่วงท่าดูเย่อหยิ่งไม่มีใครเทียม
เฟเรสใช้ผ้าเช็ดปากอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะพูดขึ้น
“ตอนนี้คงไปไม่ได้หรอก”
“…เพคะ”
คุณหญิงถามกลับ นางไม่อาจเก็บซ่อนสีหน้าตื่นตระหนกไว้ได้
“จักรพรรดินีสั่งให้เชิญตัวไปเดี๋ยวนี้…”
“พอดีข้าไม่สบายนิดหน่อย”
เฟเรสหลุบตาลงซุกซ่อนแววตาไว้ใต้แพขนตายาว
“แจ้งไปว่า ข้าป่วยจึงไม่อาจไปพบได้”
“ป่วยตรงไหนกัน…”
“ป่วย”
เฟเรสพูดแทรกตัดท้ายประโยคของคุณหญิงนางนี้
“ข้าป่วย จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก”
“เรื่องนั้น…”
คุณหญิงพูดอะไรไม่ออก
ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ในเมื่อเจ้าชายของอาณาจักรปฏิเสธคำเชิญโดยบอกว่าป่วย นั่นย่อมหมายความว่านางไม่อาจใช้กำลังบีบบังคับอีกฝ่ายได้
“คาอิลรัส ส่งแขกด้วย”
เฟเรสเบือนหน้าหนีคุณหญิง เขาหันกลับแล้วลงมือรับประทานอาหารต่อทันที
หลังจากที่คาอิลรัสพาตัวคุณหญิงคนนั้นออกไป แคทเธอรีนก็เดินเข้ามาตรวจเช็กสีหน้าของเฟเรสเงียบๆ
นางอยากจะดูให้แน่ใจเผื่อว่าเฟเรสอาจจะป่วยจริงๆ ก็ได้
แต่เฟเรสกลับพูดกับนาง
“นั่นคงไม่ใช่แขกคนสุดท้ายของวันนี้ ยังไงก็ให้คนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูเสียหน่อย น่าจะสะดวกกว่านะ”
และคำพูดประโยคนั้นก็ถูกต้องจริงๆ
ผ่านไปได้แค่หนึ่งชั่วโมง จักรพรรดินีก็ส่งคนมาใหม่
ตอนแรกก็ส่งตัวคุณหญิงคนสนิทมา หลังจากนั้นก็ส่งเจ้าหน้าที่ราชการจากตระกูลอังเกนัสมาอีก
แต่ทุกครั้งที่เป็นเช่นนั้น เฟเรสก็พูดเหมือนเดิม แล้วส่งตัวพวกเขากลับไป
ข้าป่วย ถ้ามีเรื่องจะพูด ก็ให้จักรพรรดินีเสด็จมาเองก็แล้วกัน
บรรดาผู้ส่งสารเองก็ไม่คิดว่าเฟเรสจะใช้วิธีตรงๆ แบบนี้ ทุกคนต่างกลับไปด้วยความตื่นตระหนก
และสุดท้ายเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าเริ่มมืดสนิท
แคทเธอรีนวางซองหลากสีสันหลายขนาดลงตรงหน้าเฟเรสที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับรอง
“นี่คือบัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงกับงานพบปะที่ถูกส่งมาหาเจ้าชายตลอดวันเพคะ”
“วันนี้วันเดียว…?”
เฟเรสมองซองจดหมายปึกหนาที่หนาเสียจนเขาไม่อาจถือไว้ได้ทั้งหมดในมือเดียว
แม้จะคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว แต่กระแสตอบรับช่างร้อนแรงจริงๆ
เขาจงใจเดินไปทั่วงานเลี้ยง ปฏิบัติตัวต่อพวกขุนนางชั้นสูงทั้งหลายที่เข้ามาชวนคุยด้วยอย่างเหมาะสม ให้ผู้คนได้เห็นหน้าค่าตาเขาบ้าง
ในตอนนั้นเอง
“ดะ เดี๋ยวก่อนพ่ะย่ะค่ะ ทำเช่นนั้น…! ”
ได้ยินเสียงคาอิลรัสตะโกนด้วยความตกใจ
และถัดจากเสียงโหวกเหวกสั้นๆ นั่น ประตูห้องรับรองก็เปิดออกพรวด
“…มาแล้วสินะ แขก”
เฟเรสพึมพำในขณะที่มองแขกผู้ไร้มารยาทที่เขาเฝ้ารอมาตลอดทั้งวัน
“เจ้าชายลำดับที่สอง”
คนที่จับลูกบิดประตูท่าทางร้อนใจเป็นอย่างมากขนาดเดินทางมาด้วยตัวเองคนนี้ก็คือจักรพรรดินีราวีนี่นั่นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...