เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

สรุปบท เล่ม 3 บทที่ 110.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

อ่านสรุป เล่ม 3 บทที่ 110.1 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

บทที่ เล่ม 3 บทที่ 110.1 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“แขก…หมายถึง”

คาอิลรัสที่ยืนฟังบทสนทนาของทั้งสองคนก็เอียงคอด้วยความงุนงงเช่นกัน แต่แล้วในตอนนั้นเอง

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับอัศวินประจำวังโฟอิรัคที่แจ้งขึ้นมาว่ามีแขกมาเยือนวังแห่งนี้

คราวนี้ไม่ใช่นางกำนัล แต่เป็นคุณหญิงจากตระกูลชั้นสูงนางหนึ่ง

เฟเรสมองคุณหญิงนางนั้นที่เดินเชิดหน้าหยิ่งยโสเข้ามาหาเขาพลางครุ่นคิด

“เสียมารยาทอะไรแบบนี้กันคะ! ”

ท่าทางของคุณหญิงท่านนี้ที่ไม่แม้แต่จะถวายบังคมทักทายอย่างถูกต้อง ทำให้แคทเธอรีนตำหนิเสียงดัง

คุณหญิงท่านนี้ถึงได้ค่อยพ่นลมหายใจเสียงดังหึทางจมูกด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยังยอมย่อเข่าถวายบังคมอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ถวายบังคมเพคะ เจ้าชายลำดับที่สอง”

เฟเรสพยักหน้ารับการคำนับโดยไม่ตอบอะไร

ท่าทางดูแคลนอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาของคุณหญิงท่านนี้ถึงได้สั่นกระตุก

“นำสารจากองค์จักรพรรดินีมาให้เพคะ พระองค์มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าที่วังจักรพรรดินีตอนนี้เลย ไปพร้อมกันกับหม่อมฉันเพคะ”

ทำตัวราวกับตัวเองเป็นจักรพรรดินีเสียเองท่วงท่าดูเย่อหยิ่งไม่มีใครเทียม

เฟเรสใช้ผ้าเช็ดปากอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะพูดขึ้น

“ตอนนี้คงไปไม่ได้หรอก”

“…เพคะ”

คุณหญิงถามกลับ นางไม่อาจเก็บซ่อนสีหน้าตื่นตระหนกไว้ได้

“จักรพรรดินีสั่งให้เชิญตัวไปเดี๋ยวนี้…”

“พอดีข้าไม่สบายนิดหน่อย”

เฟเรสหลุบตาลงซุกซ่อนแววตาไว้ใต้แพขนตายาว

“แจ้งไปว่า ข้าป่วยจึงไม่อาจไปพบได้”

“ป่วยตรงไหนกัน…”

“ป่วย”

เฟเรสพูดแทรกตัดท้ายประโยคของคุณหญิงนางนี้

“ข้าป่วย จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก”

“เรื่องนั้น…”

คุณหญิงพูดอะไรไม่ออก

ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ในเมื่อเจ้าชายของอาณาจักรปฏิเสธคำเชิญโดยบอกว่าป่วย นั่นย่อมหมายความว่านางไม่อาจใช้กำลังบีบบังคับอีกฝ่ายได้

“คาอิลรัส ส่งแขกด้วย”

เฟเรสเบือนหน้าหนีคุณหญิง เขาหันกลับแล้วลงมือรับประทานอาหารต่อทันที

หลังจากที่คาอิลรัสพาตัวคุณหญิงคนนั้นออกไป แคทเธอรีนก็เดินเข้ามาตรวจเช็กสีหน้าของเฟเรสเงียบๆ

นางอยากจะดูให้แน่ใจเผื่อว่าเฟเรสอาจจะป่วยจริงๆ ก็ได้

แต่เฟเรสกลับพูดกับนาง

“นั่นคงไม่ใช่แขกคนสุดท้ายของวันนี้ ยังไงก็ให้คนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูเสียหน่อย น่าจะสะดวกกว่านะ”

และคำพูดประโยคนั้นก็ถูกต้องจริงๆ

ผ่านไปได้แค่หนึ่งชั่วโมง จักรพรรดินีก็ส่งคนมาใหม่

ตอนแรกก็ส่งตัวคุณหญิงคนสนิทมา หลังจากนั้นก็ส่งเจ้าหน้าที่ราชการจากตระกูลอังเกนัสมาอีก

แต่ทุกครั้งที่เป็นเช่นนั้น เฟเรสก็พูดเหมือนเดิม แล้วส่งตัวพวกเขากลับไป

ข้าป่วย ถ้ามีเรื่องจะพูด ก็ให้จักรพรรดินีเสด็จมาเองก็แล้วกัน

บรรดาผู้ส่งสารเองก็ไม่คิดว่าเฟเรสจะใช้วิธีตรงๆ แบบนี้ ทุกคนต่างกลับไปด้วยความตื่นตระหนก

และสุดท้ายเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าเริ่มมืดสนิท

แคทเธอรีนวางซองหลากสีสันหลายขนาดลงตรงหน้าเฟเรสที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับรอง

“นี่คือบัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงกับงานพบปะที่ถูกส่งมาหาเจ้าชายตลอดวันเพคะ”

“วันนี้วันเดียว…?”

เฟเรสมองซองจดหมายปึกหนาที่หนาเสียจนเขาไม่อาจถือไว้ได้ทั้งหมดในมือเดียว

แม้จะคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว แต่กระแสตอบรับช่างร้อนแรงจริงๆ

เขาจงใจเดินไปทั่วงานเลี้ยง ปฏิบัติตัวต่อพวกขุนนางชั้นสูงทั้งหลายที่เข้ามาชวนคุยด้วยอย่างเหมาะสม ให้ผู้คนได้เห็นหน้าค่าตาเขาบ้าง

ในตอนนั้นเอง

“ดะ เดี๋ยวก่อนพ่ะย่ะค่ะ ทำเช่นนั้น…! ”

ได้ยินเสียงคาอิลรัสตะโกนด้วยความตกใจ

และถัดจากเสียงโหวกเหวกสั้นๆ นั่น ประตูห้องรับรองก็เปิดออกพรวด

“…มาแล้วสินะ แขก”

เฟเรสพึมพำในขณะที่มองแขกผู้ไร้มารยาทที่เขาเฝ้ารอมาตลอดทั้งวัน

“เจ้าชายลำดับที่สอง”

คนที่จับลูกบิดประตูท่าทางร้อนใจเป็นอย่างมากขนาดเดินทางมาด้วยตัวเองคนนี้ก็คือจักรพรรดินีราวีนี่นั่นเอง

“เจ้าต้องการอะไร”

“หมื่นเหรียญทอง”

“…เงิน?”

หมื่นเหรียญทองเป็นเงินจำนวนมากมหาศาล

แม้แต่ตระกูลอังเกนัสเองก็ตาม หากจะจัดหาเงินจำนวนมากขนาดนั้น พวกเขายังต้องขายเขตแดนทิ้งหลายเขตทีเดียว

แต่ถ้าหากเงินจำนวนนั้นทำให้นางสามารถส่งตัวเฟเรสไปยังอะคาเดมีได้แล้วละก็ อาสทาน่าก็จะไม่มีอุปสรรคอะไรขวางกั้นอีก

เจ้าชายลำดับที่สองที่แสนจะโง่เง่านี่ พูดเช่นนี้ก็เหมือนกับบอกว่าจะยอมแพ้ในอำนาจทุกอย่าง เพียงเพื่อเงินจำนวนหมื่นเหรียญทอง

จักรพรรดินีหรี่ตาจ้องเฟเรสเขม็ง ก่อนจะพ่นลมหายใจเสียงดังหึ

“สิ่งที่ต้องการมีแค่เงินเท่านั้นหรือ สมแล้วที่มีสายเลือดชั้นต่ำ”

จักรพรรดินีมองเฟเรสด้วยสายตาดูถูก แต่เฟเรสยังคงยืนยันหนักแน่น

หากเขาต้องการที่จะเดินไปบนหนทางที่ตนเองวางแผนเอาไว้ เขาจำเป็นต้องใช้เงิน

แต่นอกจากเบี้ยเลี้ยงที่เฟเรสได้รับเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว เขาไม่มีตระกูลฝั่งมารดาที่จะคอยช่วยสนับสนุนให้เขาสร้างอำนาจได้

“ได้ ข้าจะให้”

น้ำเสียงราวกับทำทานบริจาคสงเคราะห์ขอทานคนหนึ่ง

“แต่ห้ามเจ้าชายกลับมายังพระราชวังจนกว่าจะเรียนจบ”

“…ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ถึงยังไงมันก็เป็นหนทางที่ขรุขระอยู่แล้ว

หกปีในอะคาเดมีอาจจะกลายเป็นโอกาสสำหรับอาสทาน่าก็จริง แต่มันก็เป็นโอกาสสำหรับเฟเรสด้วยเช่นกัน

เขาไม่คิดจะใช้เวลาช่วงปิดภาคเรียนไปอย่างไร้ประโยชน์อยู่แล้ว

และจักรพรรดินีเองก็กล่าวชัดเจนเช่นนั้นเหมือนกัน

‘จนกว่าจะเรียนจบ’

อะคาเดมีอาจจะมี 6 ปีการศึกษาก็จริง แต่มันมีระบบจบการศึกษาล่วงหน้าเพื่อนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมอยู่ด้วย

เมื่อได้รับคำยืนยันจากเฟเรส จักรพรรดินีก็ลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีคล้ายกับไม่มีธุระอะไรให้ต้องพูดมากความอีก

เฟเรสพูดขึ้นตามหลังจักรพรรดินีที่หมุนตัวเดินจากไป

“ข้าจะไม่ออกเดินทางจนกว่าจะได้รับเงิน เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะขับไสไล่ส่งข้าไปไวๆ ก็คงต้องรีบหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”

ดูเหมือนว่าจักรพรรดินีคงจะต้องไปเรี่ยไรขอยืมเงินจากชนชั้นสูงที่พอจะสนิทสนมด้วยหลายคนหน่อยเสียแล้ว นางจ้องเฟเรสเขม็งเป็นการทิ้งท้าย แล้วเดินออกไปจากวังโฟอิรัค

แคทเธอรีนกับคาอิลรัสรีบเดินเข้ามาหา แต่เฟเรสเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีพระจันทร์และดวงดาวส่องสว่างอยู่บนนั้นเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ

* * *

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]