ในที่สุดเอสทีร่าที่กลับไปยังอะคาเดมีเพื่อทำการวิจัยและศึกษาให้จบ ก็เดินทางกลับมายังลอมบาร์เดียอีกครั้ง ดอกเตอร์โอมัลลี่ถูกไล่ออก ที่ผ่านมานางได้กลายเป็นแพทย์ประจำตระกูลลอมบาร์เดียอย่างเป็นทางการและตารางงานแรกของเอสทีร่าเมื่อยามรุ่งสางมาเยือนก็คือ การตรวจสุขภาพของท่านปู่นั่นเอง
“เอสทีร่า สุขภาพของท่านปู่เป็นยังไงบ้าง”
ทันทีที่การตรวจสุขภาพเสร็จสิ้น เธอก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องทำงานของท่านปู่ แล้วถามขึ้นด้วยไม่อาจอดใจรอได้
“เป็นไปอย่างที่คาดไว้ค่ะ”
“อย่างที่คาด?”
“เพราะโหมงานหนักมาโดยตลอด สภาพร่างกายโดยรวมจึงไม่ดีเท่าไหร่ค่ะ ในระหว่างที่ไม่มีแพทย์ประจำดูเหมือนว่าจะเมินเฉยไม่รักษาสุขภาพเท่าที่ควร…”
ว่าแล้วเชียว
การโหมงานไม่ดูแลสุขภาพร่างกายตัวเอง เป็นนิสัยที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ของท่านปู่
เธอเดินเข้าไปหาท่านปู่ที่กำลังติดกระดุมเสื้อ ทำสีหน้าราวกับจะร้องไห้ในขณะที่พูดกับท่าน
“ท่านปู่บอกว่าจะทานยาบำรุงที่ข้าเอามาให้อย่างสม่ำเสมอไม่ใช่เหรอคะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เทียเป็นห่วงปู่คนนี้หรือ…”
ท่านปู่ลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยน
ท่าทางคงจะรู้สึกดีที่หลานสาวเป็นห่วงสุขภาพของท่าน
“ไม่ได้ล้อเล่นสักหน่อย…ไม่ได้การแล้วค่ะ สงสัยยาบำรุงคงต้องฝากไว้ที่พ่อบ้านโยฮัน ให้เขาช่วยเอาให้ท่านปู่ทานทุกวันเสียแล้วสิ พวกของมึนเมาก็ลดลงด้วยนะคะ”
ถ้าสั่งให้ท่านปู่ทำงานน้อยลง มันคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
“ได้ เข้าใจแล้วๆ เด็กคนนี้นี่นะ”
“ต้องทำจริงๆ นะคะ ท่านปู่ ท่านพ่อกับท่านปู่ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีหน่อยค่ะ”
“เทีย…”
พอเธออ้างเหมารวมท่านพ่อด้วย ท่านปู่จึงยอมตอบรับคำพูดของเธออย่างจริงจัง
“ได้ ปู่คนนี้สัญญา”
“เกี่ยวก้อยกันค่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ได้ๆ”
ท่านปู่เกี่ยวนิ้วก้อยของตัวเองเข้ากับนิ้วก้อยของเธอที่ยื่นออกไปหาพลางหัวเราะเสียงดัง
เพราะท่านปู่ยังมีตารางงานอื่นต่อจากนี้อีก เธอกับเอสทีร่าจึงปลีกตัวออกมาข้างนอกพร้อมกัน
“ฝากด้วยนะคะ เอสทีร่า”
“ค่ะ ท่านฟีเรนเทีย”
หลังจากที่เดินออกมาทางปีกคฤหาสน์ ก็มองออกไปเห็นรถม้าที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจอดอยู่
ไม่มีสัญลักษณ์ประจำตระกูลติดเอาไว้ แต่มันเป็นรถม้าที่ดูมีราคาแพงมาก
และเฟเรสก็ก้าวเท้าลงมาจากรถม้าคันนั้น
“เทีย”
“มีธุระอะไรเนี่ย เฟเรส”
“วันนี้มีธุระอะไรหรือเปล่า”
“วันนี้? เปล่า ไม่มีอะไรสำคัญเท่าไหร่ ทำไมเหรอ”
ยังไงวันนี้เธอก็ไม่มีแพลนอะไร ตั้งใจว่าจะนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องเฉยๆ อยู่แล้ว
ทันทีที่ได้ยินเธอตอบแบบนั้น เฟเรสก็ยิ้มจาง แล้วถามเธอ
“ถ้างั้นวันนี้ ไปเที่ยวกับข้าได้หรือเปล่า”
เธอเดินตามหลังเฟเรสไปขึ้นรถม้าของเขาที่จอดรออยู่ ออกเดินทางไปจากคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย
“นี่พวกเรากำลังจะไปไหนเหรอ”
เหมือนจะออกมาจากเขตเมืองลอมบาร์เดียแล้วด้วย
“กลับไปเมืองหลวงน่ะ พอดีมีของที่ต้องไปเอา”
“อื้อ โอเค”
ปกติเฟเรสไม่ค่อยได้ออกมานอกพระราชวังเท่าไหร่
เพราะฉะนั้นได้ออกมาครั้งหนึ่งก็คงคิดที่จะจัดการธุระที่ต้องทำให้เสร็จทั้งหมดละมั้ง
เธอคิดเช่นนั้นในขณะที่เปิดหน้าต่างรถม้าออกเพื่อชมวิวด้านนอก
สายลมที่พัดผ่านเข้ามาเย็นสบายดีเหลือเกิน
เส้นผมพันกันยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่ช่างมันเถอะ
แต่แล้วในตอนที่เธอหลับตาดื่มด่ำกับความผ่อนคลาย
เธอเผยอตาข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองไปข้างหน้า
“เฟเรส”
“อื้อ”
“หน้าข้าจะทะลุอยู่แล้ว”
เฟเรสที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังมองเธอด้วยสายตาร้อนแรง เขาจ้องเสียจนขนาดเธอหลับตาก็ยังรู้สึกได้เลย
“มีอะไรจะพูดหรือไง”
“เปล่า ยังหรอก”
“ยัง?”
หมายความว่ามีเรื่องจะพูด แต่ยังไม่ถึงเวลางั้นเหรอ
เธอยักไหล่ไม่สนใจอะไรนัก
ก็นะ คนเราใช้ชีวิตมานาน มันก็ต้องมีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ้างอยู่แล้ว
“ได้ งั้นข้าจะรอ แต่ต้องบอกในวันนี้นะ”
ตอนนี้เพิ่งจะอยู่ในช่วงเช้า วันนี้จึงยังเหลืออีกยาวไกลนัก
“ขอบใจ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...