เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าจงใจพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มงวด เพื่อเก็บซ่อนความเศร้าคะนึงหาเมื่อนึกถึงภาพสมัยอดีตขึ้นมา

“คนนอกไม่อาจเข้าไปในอะคาเดมีได้ก็จริง แต่เด็กส่งสารจากพระราชวังสามารถแวะเวียนเข้าไปได้เป็นครั้งคราวเพคะ หากขาดสิ่งใดก็ส่งสารแจ้งมาได้ทุกเมื่อ หญิงชราคนนี้จะจัดเตรียมไว้ให้เองเพคะ”

“…ได้ครับ ขอบคุณครับ”

ได้ยินเสียงม้าร้องดังแว่วมาจากไกลๆ

เฟเรสสวมถุงมือที่ยังให้ความรู้สึกแปลกใหม่ไม่คุ้นชินเล็กน้อย แล้วหยิบดาบขึ้นมาถือไว้

เพราะอากาศค่อนข้างเย็น เขาจึงสวมถุงมือช่วยมอบความอบอุ่นให้มือที่เย็นเฉียบ

เฟเรสหันไปมองหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องนอนของเขาอยู่เพียงลำพัง ก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็นการบอกลา

“รักษาสุขภาพด้วยนะเพคะ เจ้าชายลำดับที่สอง”

หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ากล่าวเช่นนั้นในขณะที่โค้งกายลงอย่างนอบน้อม

เฟเรสมองภาพนั้นอยู่เพียงครู่ แล้วจึงหันหลังเดินจากไป

ตึก ตึก

เดินออกมาจากวังโฟอิรัคด้วยฝีเท้าที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

เขาจะไม่ได้กลับมายังพระราชวังแห่งนี้อีกพักใหญ่

และเมื่อถึงวันที่เขากลับมาอีกครั้ง เฟเรสก็จะกลายเป็นอีกคนที่แตกต่างจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง

พอคิดแบบนั้นแล้ว ฝีเท้าที่หนักหน่วงก็พลันเบาสบายขึ้นในทันที

เจ้าชายออกเดินทางไปยังอะคาเดมีนอกจากหัวหน้านางกำนัลที่มาขอเข้าพบแล้ว ก็ไม่มีใครมาส่งเขาเลยสักคน พระราชวังยังคงเงียบสงัดไร้ซึ่งสัญญาณผู้คนเหมือนเคย

การออกเดินทางของเฟเรสจึงไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง

“อรุณสวัสดิ์ เฟเรส”

จนกระทั่งพบว่าฟีเรนเทียยืนรอเขาอยู่หน้ารถม้า

“รู้ได้…ยังไงกัน”

ตั้งใจเก็บเงียบไม่บอกใครแท้ๆ

คนที่ทราบล่วงหน้าว่าเฟเรสจะออกเดินทางวันนี้ มีเพียงแค่จักรพรรดิโยบาเนสพระองค์เดียวเท่านั้น

เพราะเขาจำเป็นต้องได้รับอนุญาต

แคทเธอรีนเองก็รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเฟเรสเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นนางจึงตั้งใจว่าจะส่งสารแจ้งไปยังเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียซึ่งเป็นผู้ปกครองของเขาเมื่อถึงยามบ่ายคล้อยแทน

แต่แล้วทำไมถึงได้

“ก็แค่”

เทียยิ้มพลางพูดขึ้น

“ถ้าเป็นข้าก็คงจะเลือกวันนี้น่ะ ยามรุ่งสาง ไม่ให้ใครรู้”

เสียงใสกังวานดังก้องไปทั่วบรรยากาศยามเช้าอันเงียบสงัด

เทียเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเฟเรสที่ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับฝังรากลึกอยู่ตรงนั้น ทุกย่างก้าวของนางเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ผ้าคลุมผืนหนาสีน้ำตาลพลิ้วไหวไปทุกจังหวะที่ก้าวเดิน

เฟเรสส่งยิ้มให้เทียที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา

“เพื่อนออกเดินทางไกลทั้งที ข้าก็ต้องมาส่งสิ”

เฟเรสหัวเราะเสียงแผ่วอย่างหมดเรี่ยวแรง

คราวนี้เขาก็ยังโดนนางอ่านออกหมดเหมือนเคย

เทียเป็นแบบนี้เสมอ

รู้จักเขามากกว่าที่ตัวเขารู้จักตัวเองเสียอีก

นัยน์ตากระจ่างใสคู่นั้น ทุกครั้งที่มันหยุดอยู่ตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกราวกับถูกล่วงรู้ความคิดความอ่านออกได้อย่างทะลุปรุโปร่งหมดทุกเรื่อง

“ครั้งนี้ก็ปรากฏตัวออกมาอีกแล้วสินะ เทีย”

ฮีโร่ตัวน้อยของเขาที่มักจะปรากฏตัวออกมาทุกครั้งที่ต้องการความช่วยเหลือ

เฟเรสหัวเราะขมขื่นในขณะที่เหม่อมองหน้าเทีย

“เจ้าออกเดินทางสู่โลกภายนอกเมืองหลวงเป็นครั้งแรกในชีวิต ถ้าต้องจากไปตามลำพัง มันคงเศร้าน่าดูเลยไม่ใช่เหรอ”

“…ขอบใจนะ”

“เพื่อนกันก็ต้องทำแบบนี้แหละ อ๊ะ และข้าก็ขนช็อกโกแลตกับลูกกวาดมากับรถม้าด้วย เอาไว้กินระหว่างทางนะ”

“…อื้อ”

ของหวานเป็นสิ่งที่เฟเรสชอบมาก

ทุกครั้งที่รสหวานแผ่ซ่านกระจายไปทั่วปาก มันทำให้เขานึกถึงเทีย

รสหวานเหมือนกับลูกกวาดที่ถูกยัดใส่ปากที่มีแต่รสขมฝาดของสมุนไพรในตอนนั้น

ชีวิตของเฟเรสที่เคยมืดมิดต้องอยู่ตามลำพังก็เช่นกัน เทียเข้ามาหาเขาเหมือนกับลูกกวาดเม็ดนั้น

ทุกครั้งที่ได้เคี้ยวของหวานในปาก มันทำให้เขานึกถึงใบหน้าขาวเนียนแก้มยุ้ยของเทียในวัยเยาว์

“อื้อ อยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ไม่สิ คิดว่าเจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”

เป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด

“และเจ้าน่ะ ข้าจะช่วยเอง”

เป็นมือที่ยื่นออกมาช่วยเหลือ

และเทียก็รักษาสัญญาจริงๆ

บางทีเรื่องที่ยากลำบากที่สุดตลอดระยะเวลาที่ต้องอยู่ในอะคาเดมี ก็คงเป็นเรื่องที่เขาไม่อาจพบหน้าเทียได้นี่แหละ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]