เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

สรุปบท เล่ม 3 บทที่ 112.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

สรุปตอน เล่ม 3 บทที่ 112.1 – จากเรื่อง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

ตอน เล่ม 3 บทที่ 112.1 ของนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เฟเรสออกเดินทางไปยังอะคาเดมี

นั่นเป็นเรื่องเมื่อหลายวันก่อน

นอกจากไม่มีเหตุผลให้เธอต้องเดินทางเข้าวังอีกต่อไปแล้ว ชีวิตประจำวันของเธอก็แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป

คอยดูแลงานของร้านค้าเพลเลส บางครั้งก็แวะมายังห้องทำงานของท่านปู่ ตรวจเช็กให้แน่ใจว่าท่านกินยาเป็นประจำ บางครั้งก็ร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน วันเวลาแต่ละวันผ่านไปเช่นนั้น

ท่านพ่อออกเดินทางไปทางใต้เพื่อตรวจเช็กร้านสาขาที่เพิ่งเปิดเพิ่มที่นั่น จึงไม่อยู่ที่คฤหาสน์

ท่านพ่อไม่อยู่ สองแฝดเองก็ยุ่งอยู่กับการฝึกซ้อม

ช่วงเช้าเธอแวะไปที่ร้านค้าเพลเลสเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้จึงกำลังเดินไปยังห้องทำงานของท่านปู่ เพื่อจะได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน

ลาลาเน่เองก็ตัดสินใจที่จะแวะมากินอาหารด้วยกัน พวกเราจึงนัดพบกันที่ห้องอาหาร

อันที่จริงพอเฟเรสไม่อยู่ ก็รู้สึกเบื่ออยู่เหมือนกัน…

“อึก!”

จู่ๆ ก็ดันเผลอนึกถึงเรื่องเมื่อวันนั้นขึ้นมาเสียได้

“ไอ้เด็กน้อยมีดีแต่หน้าตาสวย!”

อา ไม่ใช่สิ

เฟเรสหัวดี ฟันดาบก็เก่ง นิสัยก็ดี

อย่างไรก็ตาม วันนั้นเธอตกใจมากจนไม่ทันได้ดุด่าอะไรเขา แล้วก็ส่งเขาจากไปแบบนั้นโดยไม่ทันได้พูดอะไร

“เจอกันคราวหน้าต้องจับตีก้นให้เข็ด”

ต้องดุให้หลาบจำ

ถ้าใบหน้างดงามนั่นดันมีนิสัยไม่ดีแบบนั้นติดตัวแล้วละก็ ทั่วทั้งอาณาจักรคงได้เกิดเรื่องวุ่นแน่

คิดแบบนั้นไปพลาง เดินไปเรื่อย ก็มาถึงหน้าห้องทำงานเสียแล้ว

ก๊อก ก๊อก

แปลกจัง ทั้งๆ ที่เคาะประตูแล้ว แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมา

ท่านปู่เองก็ทราบอยู่แล้วว่าเธอจะมาหานี่นา

ลองเคาะประตูอีกรอบ ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับอยู่ดี

หรือว่า

ชั่วขณะ รู้สึกราวกับหัวใจมันร่วงตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

“ท่านปู่!”

เธอรู้ว่านี่ถือเป็นเรื่องเสียมารยาทมาก แต่ก็เปิดประตูห้องทำงานออกทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับอนุญาต

และทันทีที่เข้าไปในห้องทำงาน ก็พบว่าท่านปู่กำลังนั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ

อา โล่งอกไปที

เธอลอบลูบอกด้วยความโล่งใจ

“ท่านปู่ ยุ่งอยู่เหรอคะ”

ท่านปู่สะดุ้งรีบละสายตาจากเอกสารเมื่อเธอเคาะประตูอีกครั้งตรงธรณีประตู

“โอ้ๆ เทียมาแล้วหรือเนี่ย ทำไมไม่เข้ามาล่ะ มัวทำอะไรอยู่ตรงนั้น มานี่สิ”

โล่งอกที่ท่านปู่ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ที่เธอเปิดประตูเข้ามาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับอนุญาต

“ยุ่งมากเลยเหรอคะ”

“อืม ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อยน่ะ”

ทั้งปู่ใช้นิ้วนวดเปลือกตาไปมาในขณะเดียวกันก็ตอบเธอยิ้มๆ

“ปวดตาเหรอคะ”

“หืม? ฮ่าฮ่า ไม่มีอะไรหรอก ปู่คนนี้พออายุมากขึ้นขนาดนี้ สายตาก็เริ่มฝ้าฟางแล้วกระมัง เทียยังเด็กอาจจะยังไม่รู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่”

ท่านปู่ลูบหัวของเธอไปพลางพูดเช่นนั้น

แต่เธอกำลังยุ่งอยู่กับการลอบสำรวจสีหน้าของท่านปู่อย่างละเอียด

ถ้าเป็นเพราะท่านเริ่มชราแล้วก็ค่อยโล่งอกหน่อย

แต่ในชีวิตก่อนท่านปู่ป่วยเป็นโรค ซึ่งผลข้างเคียงที่แสดงออกให้เห็นเป็นอาการแรกคือ สูญเสียการมองเห็น

เธอที่ทราบเรื่องนั้นดีจึงไม่อาจหัวเราะปล่อยเรื่องพวกนี้ผ่านไปเฉยๆ เหมือนท่านปู่ได้

“ท่านปู่ ทานมื้อเช้าหรือยังคะ”

“แน่นอน ทานแล้วสิ”

“ไม่ใช่แค่ทานลวกๆ แต่ทานจริงจังนะคะ”

“…”

ท่านปู่หลบสายตาของเธอในขณะที่แสร้งลูบเคราไปเรื่อย

“ถ้างั้นก็คงไม่ได้ทานยาบำรุงที่เอสทีร่าช่วยจัดให้ด้วยสินะคะเนี่ย”

“อันนั้นตั้งใจว่าจะทานหลังมื้อกลางวันยังไงล่ะ”

เฮ้อ

อยากจะถอนหายใจชะมัด

เวลาแบบนี้มีแต่เธอที่ดันรู้อนาคตอยู่คนเดียว มันช่างน่าอึดอัดใจจริงๆ

“เหรอ ค่อยยังชั่วหน่อย เจ้าก็ช่วยดูแลอย่าให้เครนีย์เหงา…”

มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเพียงแค่ชั่วพริบตา

ร่างกายของท่านปู่ที่กำลังเดินลงบันไดในขณะที่หัวเราะเสียงดังฮ่าๆ จู่ๆ ก็พลันเสียการทรงตัว จนโงนเงนและกำลังจะล้ม

ทรุดกายลงเหมือนคนที่จู่ๆ เข่าก็พลันหมดแรง เพียงไม่นานร่างกายก็เริ่มโน้มเอนไปข้างหน้า

“มะ ไม่นะ!”

พวกเรายืนอยู่บนบันได

ถ้าปล่อยให้ล้มลงไปแบบนี้ ท่านปู่จะกลิ้งตกลงไปตามขั้นบันไดจนบาดเจ็บหนัก

มือของเธอกับท่านปู่ยังคงจับกันอยู่ ดังนั้นเธอจึงดึงมือข้างนั้นเข้าหาตัวด้วยแรงทั้งหมดที่มี

ยอมละทิ้งศูนย์ถ่วงของตัวเอง เอนกายทิ้งตัวไปข้างหลังสุดแรง เพื่อดึงร่างของท่านปู่ให้เบี่ยงทิศมาทางเธอแทน

โล่งอกที่มันได้ผล

ร่างกายของท่านปู่ที่โน้มเอนไปข้างหน้า เปลี่ยนทิศทางการล้มมายังฝั่งของเธอแทน

แต่ร่างกายของเธอที่เพิ่งจะอายุได้แค่สิบสองปี ไม่มีทางที่จะรองรับน้ำหนักมากขนาดนั้นได้ไหวอยู่แล้ว

แน่นอนว่าร่างของท่านปู่ล้มทับตัวเธอ ทำให้เธอโดนกระแทกและถูกทับอยู่ข้างใต้

“อึก!”

รู้สึกได้ว่าไหล่กับแขนที่พลิกตัวไปตามสัญชาตญาณกระแทกเข้ากับขอบบันไดแหลมคม ความเจ็บปวดเสียวปลาบร้าวขึ้นมาทันที

ตึง!

เสียงหนักดังขึ้นพร้อมกับเธอที่ดึงรั้งร่างของท่านปู่ที่หมดสติไปแล้ว ถลาลงไปบนขั้นบันไดถึงสองขั้นทั้งแบบนั้น กว่าจะสามารถหยุดรั้งตัวเองไม่ให้ร่วงลงไปมากกว่านั้น

เธอตรวจเช็กให้แน่ใจว่าจะไม่ลื่นไถลลงไปมากกว่านี้แล้วก่อนจะรีบสำรวจท่านปู่อย่างรวดเร็ว

“ท่านปู่! ท่านปู่!”

แต่ท่านปู่กลับหลับตานิ่งไม่ตอบอะไรกลับมา

อยากจะเขย่าไหล่ตรวจดูว่าท่านยังมีสติอยู่มั้ย

แต่แขนของเธอยังคงถูกทับเพราะกอดท่านปู่เอาไว้ ทำให้ไม่อาจเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

“ช่วยด้วย!”

เธอกรีดร้องเสียงแหลม

เสียงร้องคร่ำครวญของเธอดังผ่านกำแพงก้องไปทั่วคฤหาสน์หลังใหญ่

“ใครก็ได้ ใครก็ได้ ช่วยที!”

* * *

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]