เฟเรสออกเดินทางไปยังอะคาเดมี
นั่นเป็นเรื่องเมื่อหลายวันก่อน
นอกจากไม่มีเหตุผลให้เธอต้องเดินทางเข้าวังอีกต่อไปแล้ว ชีวิตประจำวันของเธอก็แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
คอยดูแลงานของร้านค้าเพลเลส บางครั้งก็แวะมายังห้องทำงานของท่านปู่ ตรวจเช็กให้แน่ใจว่าท่านกินยาเป็นประจำ บางครั้งก็ร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน วันเวลาแต่ละวันผ่านไปเช่นนั้น
ท่านพ่อออกเดินทางไปทางใต้เพื่อตรวจเช็กร้านสาขาที่เพิ่งเปิดเพิ่มที่นั่น จึงไม่อยู่ที่คฤหาสน์
ท่านพ่อไม่อยู่ สองแฝดเองก็ยุ่งอยู่กับการฝึกซ้อม
ช่วงเช้าเธอแวะไปที่ร้านค้าเพลเลสเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้จึงกำลังเดินไปยังห้องทำงานของท่านปู่ เพื่อจะได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน
ลาลาเน่เองก็ตัดสินใจที่จะแวะมากินอาหารด้วยกัน พวกเราจึงนัดพบกันที่ห้องอาหาร
อันที่จริงพอเฟเรสไม่อยู่ ก็รู้สึกเบื่ออยู่เหมือนกัน…
“อึก!”
จู่ๆ ก็ดันเผลอนึกถึงเรื่องเมื่อวันนั้นขึ้นมาเสียได้
“ไอ้เด็กน้อยมีดีแต่หน้าตาสวย!”
อา ไม่ใช่สิ
เฟเรสหัวดี ฟันดาบก็เก่ง นิสัยก็ดี
อย่างไรก็ตาม วันนั้นเธอตกใจมากจนไม่ทันได้ดุด่าอะไรเขา แล้วก็ส่งเขาจากไปแบบนั้นโดยไม่ทันได้พูดอะไร
“เจอกันคราวหน้าต้องจับตีก้นให้เข็ด”
ต้องดุให้หลาบจำ
ถ้าใบหน้างดงามนั่นดันมีนิสัยไม่ดีแบบนั้นติดตัวแล้วละก็ ทั่วทั้งอาณาจักรคงได้เกิดเรื่องวุ่นแน่
คิดแบบนั้นไปพลาง เดินไปเรื่อย ก็มาถึงหน้าห้องทำงานเสียแล้ว
ก๊อก ก๊อก
แปลกจัง ทั้งๆ ที่เคาะประตูแล้ว แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
ท่านปู่เองก็ทราบอยู่แล้วว่าเธอจะมาหานี่นา
ลองเคาะประตูอีกรอบ ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับอยู่ดี
หรือว่า
ชั่วขณะ รู้สึกราวกับหัวใจมันร่วงตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“ท่านปู่!”
เธอรู้ว่านี่ถือเป็นเรื่องเสียมารยาทมาก แต่ก็เปิดประตูห้องทำงานออกทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับอนุญาต
และทันทีที่เข้าไปในห้องทำงาน ก็พบว่าท่านปู่กำลังนั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ
อา โล่งอกไปที
เธอลอบลูบอกด้วยความโล่งใจ
“ท่านปู่ ยุ่งอยู่เหรอคะ”
ท่านปู่สะดุ้งรีบละสายตาจากเอกสารเมื่อเธอเคาะประตูอีกครั้งตรงธรณีประตู
“โอ้ๆ เทียมาแล้วหรือเนี่ย ทำไมไม่เข้ามาล่ะ มัวทำอะไรอยู่ตรงนั้น มานี่สิ”
โล่งอกที่ท่านปู่ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ที่เธอเปิดประตูเข้ามาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับอนุญาต
“ยุ่งมากเลยเหรอคะ”
“อืม ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อยน่ะ”
ทั้งปู่ใช้นิ้วนวดเปลือกตาไปมาในขณะเดียวกันก็ตอบเธอยิ้มๆ
“ปวดตาเหรอคะ”
“หืม? ฮ่าฮ่า ไม่มีอะไรหรอก ปู่คนนี้พออายุมากขึ้นขนาดนี้ สายตาก็เริ่มฝ้าฟางแล้วกระมัง เทียยังเด็กอาจจะยังไม่รู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่”
ท่านปู่ลูบหัวของเธอไปพลางพูดเช่นนั้น
แต่เธอกำลังยุ่งอยู่กับการลอบสำรวจสีหน้าของท่านปู่อย่างละเอียด
ถ้าเป็นเพราะท่านเริ่มชราแล้วก็ค่อยโล่งอกหน่อย
แต่ในชีวิตก่อนท่านปู่ป่วยเป็นโรค ซึ่งผลข้างเคียงที่แสดงออกให้เห็นเป็นอาการแรกคือ สูญเสียการมองเห็น
เธอที่ทราบเรื่องนั้นดีจึงไม่อาจหัวเราะปล่อยเรื่องพวกนี้ผ่านไปเฉยๆ เหมือนท่านปู่ได้
“ท่านปู่ ทานมื้อเช้าหรือยังคะ”
“แน่นอน ทานแล้วสิ”
“ไม่ใช่แค่ทานลวกๆ แต่ทานจริงจังนะคะ”
“…”
ท่านปู่หลบสายตาของเธอในขณะที่แสร้งลูบเคราไปเรื่อย
“ถ้างั้นก็คงไม่ได้ทานยาบำรุงที่เอสทีร่าช่วยจัดให้ด้วยสินะคะเนี่ย”
“อันนั้นตั้งใจว่าจะทานหลังมื้อกลางวันยังไงล่ะ”
เฮ้อ
อยากจะถอนหายใจชะมัด
เวลาแบบนี้มีแต่เธอที่ดันรู้อนาคตอยู่คนเดียว มันช่างน่าอึดอัดใจจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...