คฤหาสน์ลอมบาร์เดียตกอยู่ในสภาวะฉุกเฉิน
เพราะเจ้าตระกูลรูลลัก ลอมบาร์เดียล้มหมดสติไป
แถมเรื่องที่เกิดขึ้นก็ดันเกิดขึ้นบนบันได ทำให้บรรดาลูกจ้างต่างกระวนกระวายใจด้วยสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่หรือเปล่า
ณ ห้องนอนของเจ้าตระกูล
ผู้คนมากมายยืนรวมกันอยู่หน้าห้อง รวมถึงเหล่าอัศวินที่คอยเฝ้าอารักขาอยู่หน้าประตูด้วย พวกเขากำลังรอให้แพทย์ออกมาแจ้งข่าว โดยหวังว่ามันจะเป็นข่าวดีไม่ใช่ข่าวร้าย
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดังลั่นมาจากข้างในห้อง
“โอ๊ย ช่างเถอะ! ไม่ใช่ข้า ต้องไปตรวจเทียก่อนไม่ใช่หรือไง!”
รูลลักนั่งพิงหัวเตียง เขาตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห
“ดูเลือดนั่นสิ! ต้องดูแลเด็กก่อนข้าที่เป็นปกติดีไม่ใช่หรือ! ข้าเพียงแค่สะดุดเท่านั้นเอง!”
เอสทีร่ายืนอยู่ข้างเตียงนอนของรูลลัก นางพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น
“ท่านฟีเรนเทียมีคุณโอเลียช่วยรักษาให้อยู่…”
โอเลียคือลูกศิษย์ที่เอสทีร่าพาตัวมาจากอะคาเดมีหรืออีกแง่หนึ่งก็คือเป็นเพื่อนร่วมงานของนางนั่นเอง
“เจ้าเก่งกว่าไม่ใช่หรือ! ข้าปกติดี เจ้าไปดูเทียเถอะ ดอกเตอร์เอสทีร่า!”
ชานาเนสส่ายหน้าให้กับพฤติกรรมดื้อรั้นของรูลลัก แต่นางเองก็มองเทียด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน
ตอนที่พบตัว เด็กน้อยถูกร่างกายของรูลลักล้มทับอยู่ด้านบน เทียคงจะใช้ร่างกายเล็กๆ นั่นรองรับแรงกระแทกเอาไว้ทั้งหมด ไหล่ถึงได้หลุดออกจากข้อต่อ ผิวเนื้อที่แขนก็ฉีกขาดจนเดรสถูกย้อมด้วยเลือดกลายเป็นสีแดงเลยทีเดียว
แต่ทั้งๆ ที่อยู่ในสภาพนั้น เทียก็ยังเอาแต่ตะโกนเสียงดังว่า ท่านปู่หมดสติไป
ในตอนนั้นเอง เบเจอร์ที่ยืนกอดอกอยู่นิ่งๆ ก็พูดโต้ตอบกลับไป
“ท่านปู่เป็นเจ้าตระกูลย่อมสำคัญกว่าอยู่แล้ว เด็กแบบนั้นจะไปสำคัญอะไรครับ! เลิกดื้อรั้นแล้วรีบๆ …”
“เบเจอร์!”
รูลลักตวาดเสียงดังลั่น
โมโหรุนแรงมากเสียจนต้องเป็นห่วงว่าจะหมดสติไปอีกรอบหรือเปล่า
แต่แล้วในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงเล็กแผ่วเบา แต่กลับสงบนิ่งดังแทรกขึ้น
“ไม่หรอกค่ะ พูดถูกต้องแล้วค่ะ”
เจ้าของเสียงคือเทียที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามเตียงนั่นเอง
ไม่แม้แต่จะหันไปมองโอเลียที่ช่วยตรวจไหล่ที่บาดเจ็บให้ เทียนั่งยืดหลังตรงอย่างสง่างาม
“ท่านปู่ไม่ได้แค่สะดุดเฉยๆ ค่ะ ข้าเห็น อาจจะแค่ครู่เดียวเท่านั้น แต่ท่านปู่หมดสติจนล้มไปค่ะ”
“อะแฮ่ม…”
รูลลักกระแอมไอด้วยสีหน้าเหมือนคนถูกแทงใจดำ
“เพราะฉะนั้นเอสทีร่า ช่วยรีบตรวจท่านปู่ให้ทีนะ”
* * *
ในระหว่างที่เอสทีร่าใช้อุปกรณ์การแพทย์ที่หอบหิ้วมาพร้อมกระเป๋าพยาบาล ช่วยตรวจท่านปู่ให้อย่างละเอียด ไหล่ของเธอก็ถูกปฐมพยาบาลเบื้องต้นเสร็จเรียบร้อย
ที่เหลือต้องรอย้ายไปที่คลินิกก่อน เพราะต้องฉีดยาชาก่อนถึงจะเย็บบริเวณผิวเนื้อที่ฉีกขาดได้
และในที่สุดเอสทีร่าก็เปิดปากพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“รายละเอียดคงจะต้องใช้เวลาตรวจเช็กมากกว่านี้ถึงจะทราบ แต่ดูเหมือนที่คุณหนูฟีเรนเทียว่ามาจะถูกต้องแล้วละค่ะ มันไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา”
ว่าแล้วเชียว
ลางสังหรณ์ร้ายไม่เคยผิดพลาดเลยสักครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...