พ่อบ้านเริ่มเล่าเรื่องที่ตนได้ยินและได้เห็นมาตลอดทั้งวันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เบเจอร์ทำงานในฐานะรักษาการตำแหน่งเจ้าตระกูลได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว
รูลลักคอยรับการรายงานจากโยฮันเกี่ยวกับงานของเบเจอร์อยู่ทุกวัน
ทุกสัปดาห์เบเจอร์จะต้องมารายงานกับรูลลักโดยตรงสัปดาห์ละครั้งอยู่แล้วก็จริง แต่โยฮันรายงานเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดในฐานะบุคคลที่สาม ไม่นำอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว
รายงานของทั้งสองคนแตกต่างกันมาก อันที่จริงก็ไม่น่าตกใจอะไรนัก
“…ว่าแล้วเชียว”
รูลลักยิ้มขมขื่น
ในตอนที่ฝากฝังให้เบเจอร์รับตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูล เขาเองก็คาดหวังอยู่เหมือนกัน
คาดหวังไว้ว่าเบเจอร์จะตระหนักได้ถึงความรับผิดชอบในฐานะเจ้าตระกูล แล้วแสดงภาพลักษณ์แบบอื่นออกมาให้เขาได้เห็นบ้างหรือเปล่า
อะไรเทือกนั้น
“อารมณ์ของเบเจอร์ล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“…ดูอารมณ์ดีมากเลยครับ”
“อืม…”
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า ไม่ได้ตระหนักเลยว่าตัวเองทำเรื่องผิดพลาดอะไรลงไปบ้างสินะ
“ถ้าเบเจอร์สังเกตเห็นข้อด้อยของตัวเองบ้างก็คงดี”
ควรได้เรียนรู้เสียบ้างว่า ตำแหน่งเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียนั้นเป็นตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบหน้าที่มากมาย และมีค่ามากขนาดไหน
เพราะฉะนั้นเขาถึงได้หวังว่าเบเจอร์จะยอมปล่อยวางความโลภพวกนั้นลง
“ข้าโลภเกินไปหรือ ที่หวังเรื่องเช่นนั้น…”
รูลลักถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่อาจเก็บซ่อนความรู้สึกเสียใจเอาไว้ได้
“คงต้องเลิกโง่ได้แล้วสินะ”
“ท่านเจ้าตระกูล…”
โยฮันเอ่ยเรียกรูลลักด้วยความเป็นห่วง
“อา ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องห่วง เพียงแค่รู้สึกผิดกับเหล่าเจ้าตระกูลทั้งหลายก็เท่านั้น”
รูลลักหัวเราะขมขื่นในขณะที่พูด
“ดังนั้นต้องรีบฟื้นฟูสุขภาพ จะได้รีบลุกขึ้นจากเตียง กลับมาประจำตำแหน่งไม่ใช่หรือครับ”
โยฮันยิ้มอ่อนโยน พูดเพื่อปลอบโยนเจ้าตระกูล
“นั่นสิ ขอบใจ ขอบใจเจ้ามาก”
รูลลักยังคงรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับเจ้าตระกูลคนถัดไปที่จะสืบทอดต่อจากเขา แต่ก็ยังพยายามฝืนยิ้มออกมา
“โล่งอกที่ตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ แค่ทานยาอย่างต่อเนื่อง พักเสียหน่อยก็น่าจะดีขึ้นแล้วละ”
“อา ค่อยโล่งอกหน่อยนะครับ! ”
“อันที่จริงเห็นอายุยังน้อยก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรนัก แต่ดอกเตอร์เอสทีร่า…”
ก๊อก ก๊อก
“ท่านปู่!”
จู่ๆ ก็มีเสียงใสกังวานดังขึ้น พร้อมกับประตูห้องที่ถูกเคาะ
“เทีย?”
ฟังแค่เสียงรูลลักก็รู้แล้วว่าเป็นใคร เขาเกือบจะลุกขึ้นจากเตียงเดินตรงไปยังประตูโดยไม่รู้ตัว
บนใบหน้าของโยฮันที่ห้ามปรามรูลลักเอาไว้ ก่อนจะเดินไปช่วยเปิดประตูให้แทน ก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ท่านปู่ ข้ามาแล้วค่ะ!”
“โฮ่ว เทียมา…หืม?”
รูลลักต้อนรับหลานสาวด้วยความดีใจ แต่แล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูที่ถูกเปิดออกไม่ได้มีเพียงแค่เทียคนเดียวเท่านั้น
ลาลาเน่กับเครนีย์ที่ยืนอยู่ข้างกาย และยังมีสองแฝดคอยยืนคุ้มครองพวกเขาอยู่ด้านหลังอย่างมั่นคงอีกด้วย
เด็กน้อยทั้งหลายที่ไม่ได้คล้ายคลึงกันแต่ก็มีส่วนที่คล้ายอยู่เช่นกัน พวกเขายืนออกันอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าสดใส
เทียยิ้มกว้าง พูดกับรูลลักที่กำลังตกใจ
“วันนี้ข้าไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมกันหมดเลยค่ะ ท่านปู่!”
* * *
“…อืม รีบเข้ามาสิ”
บนใบหน้าของท่านปู่เริ่มค่อยๆ มีรอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้น
มันเป็นรอยยิ้มจากใจจริงที่ไม่อาจเก็บซ่อนเอาไว้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...