เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

[…ไหล่ของเทียดีขึ้นมากทุกวัน ไม่ต้องกังวลมากไป เอสทีร่าเป็นคนรักษาโรคร้ายของเจ้าด้วยไม่ใช่หรือไงถ้าเจ้าเดินทางกลับมาทั้งๆ ที่ยังจัดการเรื่องสำคัญที่อุตส่าห์เดินทางไปทางใต้ด้วยตัวเองไม่สำเร็จเพราะนาง เทียคงเสียใจมากเป็นแน่ ดังนั้นอย่าได้บอกว่าจะกลับมายังลอมบาร์เดียในทันที…]

หลังจากใช้เวลาช่วงเช้าไปอย่างยุ่งวุ่นวายกับการทำงานที่กิจการขุดเจาะเหมืองแร่ ทันทีที่กลับมาถึงคฤหาสน์ ชานาเนสก็นั่งเขียนจดหมายที่จะส่งไปหาแคลอฮัน

ก๊อก ก๊อก

“ท่านชานาเนส อยู่มั้ยครับ

เสียงไม่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกเคาะก็เกิดขึ้นในตอนนั้นเช่นกัน

“ใครกัน”

ชานาเนสเอียงคอด้วยความงุนงง นางวางปากกาลง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้านให้ด้วยตัวเอง

“สวัสดีครับ ท่านชานาเนส ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ ข้าก็อดดริก เบรย์ครับ”

ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้านิ่งขรึมติดจะบึ้งตึงเล็กน้อยรีบถอดหมวกออก ในขณะที่กล่าวทักทายด้วยความสุภาพ

“ค่ะ ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ คุณชายก็อดดริก เชิญเข้ามาสิคะ”

ชานาเนสช่วยเปิดประตูให้กว้างขึ้น นำทางก็อดดริกไปยังห้องรับรอง

“เช่นนั้นขอรบกวนด้วยนะครับ”

“รับชามั้ยคะ ชอบเครื่องดื่มแบบไหนคะ”

“อะ อะไรก็ได้ครับ”

ก็อดดริกที่กำลังจะนั่งลงบนโซฟาในห้องรับรอง รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้งเพราะคำพูดของชานาเนส ในขณะเดียวกันก็รีบตอบกลับไปอย่างมีมารยาท

“ชงชาให้ด้วยตัวเองเช่นนี้…”

ก็อดดริกมองชานาเนสเดินถือถ้วยชากลับเข้ามา เขาพูดอย่างกระอักกระอ่วน

“เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถทำเองได้ ข้าชอบทำมันด้วยมือของตัวเองน่ะค่ะ แปลกใช่มั้ยคะ”

ใบหน้าของชานาเนสยามกล่าวเช่นนั้นดูนิ่งสงบเป็นอย่างมาก

ไม่มีใครไม่ทราบว่า เวสติน ชูลส์ ได้หลอกลวงชานาเนสเอาไว้มากแค่ไหน

แต่ก็อดดริกกลับคิดว่า สีหน้าของชานาเนสที่เขาได้พบในวันนี้ดูดีกว่าแต่ก่อนเสียอีก

“งานที่ธนาคารน่าจะยุ่งแท้ๆ วันนี้มาถึงนี่มีธุระอะไรหรือคะ คุณชายก็อดดริก”

“อา คือเรื่องนั้น…”

ก็อดดริกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาหยิบเอาของที่ตนนำมาด้วยวางเรียงลงบนโต๊ะ

“เช็คของธนาคารลอมบาร์เดียเหรอคะ”

“ครับ ใช่แล้วละครับ”

“ว่าแต่เช็คนี่ทำไม…หรือนี่จะให้ข้า…”

เสียงของชานาเนสเย็นชาขึ้นอีกระดับ

บุตรหลานสายตรงของลอมบาร์เดียมักจะพบสถานการณ์เช่นนี้อยู่บ่อยๆ

มักจะมีคนนำเงินสดหรืออัญมณีมาให้เป็นสินบน เพื่อเป็นการตอบแทนให้ช่วยมองข้ามหรือหาลู่ทางช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ

ก็อดดริกสะดุ้งโหยง เพราะตระหนักได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เองก็สามารถมองเช่นนั้นได้เหมือนกัน

“ไม่ใช่นะครับ! ไม่ใช่แบบนั้นครับ! ข้า…”

ก็อดดริกใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเปิดปากอธิบาย

“หนึ่งในเช็คสองใบนี่ ใบหนึ่งเป็นของปลอมครับ”

“ของปลอมหรือคะ”

“มีใครบางคนลงทุนเป็นอย่างมากเพื่อผลิตเช็คปลอมขึ้นมาครับ”

“เรื่องแบบนั้น…”

ชานาเนสขมวดคิ้วแน่น

มันเหมือนกันมาก จนถ้าหากก็อดดริกไม่บอกให้รู้ นางเองก็คงไม่ทันได้สังเกตเลยทีเดียว

ลองยื่นมือออกไปลูบสัมผัสเช็คทั้งสองใบดูก็แล้ว

แต่สัมผัสที่ปลายนิ้วกลับไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย

“ตอนนี้พบเช็คแบบนี้กี่ใบแล้วคะ”

“นับถึงวันนี้ก็ทั้งหมดห้าใบครับ”

“ห้าใบอย่างนั้นหรือ คุณชายก็อดดริกก็น่าจะทราบดี เรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรงมากนะคะ”

“นั่นแหละครับที่ข้าต้องการจะบอก! ”

ก็อดดริกตะโกนเสียงดังออกไปโดยไม่รู้ตัวด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็ได้พบลอมบาร์เดียที่ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้เสียที

“อะแฮ่ม ข้าเองก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์นี้ดี ถึงได้พยายามหาวิธีด้วยกันกับพนักงานธนาคารหลายๆ คน ตอนนี้ก็กำลังพยายามหาวิธีแยกแยะอยู่ครับ แต่มันไม่ง่ายเลย”

“ดูแล้วก็คงจะยากมากจริงๆ ค่ะ”

เช็คปลอมที่เหมือนของจริงมากขนาดนี้

ชานาเนสมองเช็คตรงหน้าด้วยใบหน้านิ่งขรึมแล้วถามขึ้น

“แจ้งเรื่องนี้ให้เบเจอร์รู้หรือยังคะ”

“เมื่อครู่นี้เพิ่งไปแจ้งเป็นครั้งที่สองครับ”

“แต่ท่าทางจะไม่ได้ผลอะไรสินะคะ”

“…เพราะฉะนั้นข้าถึงได้ตัดสินใจมาพบท่านชานาเนสครับ”

นอกจากรูลลักแล้ว คนที่พอจะควบคุมเบเจอร์ผู้แสนดื้อรั้นได้ ก็เหลือแค่ชานาเนสคนเดียว

“ประเด็นเรื่องพวกนี้มันร้ายแรงมากข้าเองก็อยากแจ้งให้ท่านเจ้าตระกูลทราบนะครับ แต่ไม่มีหน้าไปพบ…”

ชานาเนสเข้าใจความรู้สึกของก็อดดริกเป็นอย่างดี

เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดียต่างก็เป็นคนที่จงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง

ความจริงที่ว่าเจ้าตระกูลผู้ชราของพวกเขาล้มป่วยหมดสติเพราะสุขภาพแย่ลง ย่อมเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกติดค้างเจ้าตระกูล ชานาเนสเองก็พอจะคาดเดาได้อยู่

“ก่อนอื่นลองมาช่วยกันหาวิธีกับข้าก็แล้วกันค่ะ”

“ฮู่ว”

คำพูดของชานาเนสทำให้ก็อดดริกถอนหายใจเฮือกใหญ่

มันไม่ใช่ลมหายใจที่ผสมความไม่พอใจแต่อย่างใด

แต่มันผสมความโล่งใจเสียมากกว่า

ไม่ใช่เรื่องอื่นใด แต่เพราะคำพูดของชานาเนสที่บอกว่า ‘มาช่วยกันหาวิธี’ ประโยคนั้น เขาไม่นึกเลยว่ามันจะช่วยปลอบใจเขาได้ขนาดนี้

อีกอย่างชานาเนสเองก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่ตรงนั้น

“เอาเป็นว่าจนกว่าจะหาวิธีแยกแยะของปลอมได้ ให้หยุดจำหน่ายเช็คเดิมก่อนนะคะ พวกเราคงต้องผลิตเช็ครูปแบบใหม่ออกมา…”

“แต่เรื่องนั้นเป็นอำนาจของเจ้าตระกูล…”

“เบเจอร์พูดอะไรบ้างเกี่ยวกับปัญหาเรื่องนี้เหรอคะ”

“…ถ้าพบเช็คปลอมสิบใบ ค่อยมาบอก…”

“เฮ้อ…”

สุดท้ายชานาเนสเองก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

ถึงจะน่าอึดอัดใจ แต่ยังไงรักษาการเจ้าตระกูลคนปัจจุบันก็เป็นเบเจอร์

“ไว้ข้าจะลองพูดกับเบเจอร์เองค่ะ ระหว่างนั้นคุณชายก็อดดริกลองศึกษาหาวิธีแยกเช็คปลอมไปก่อนนะคะ”

“ครับ ทราบแล้วครับ”

เมื่อได้รับคำชี้แนะจากชานาเนส ก็อดดริกถึงได้หยิบเอาถ้วยชาขึ้นมาดื่มด้วยใบหน้าที่ดูสดใสขึ้นระดับหนึ่ง

แต่นัยน์ตาที่เคร่งเครียดของชานาเนสกลับไม่อาจละห่างออกไปจากเช็คสองใบที่วางอยู่ข้างกันบนโต๊ะได้เลย

* * *

ณ ห้องทำงานของร้านค้าเพลเลส

นานแล้วที่เธอ เครย์ลีบัน ไวโอเล็ต และเบ๊ตไม่ได้มานั่งรวมตัวกันแบบนี้

“หามาได้มั้ยคะ เบ๊ต”

เธอนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย ก่อนจะถามเบ๊ตทันที

วันนี้เบ๊ตยังใช้ข้ออ้างมาส่งเค้กที่ร้านเหมือนเคย เขาวางกล่องลงในขณะที่พยักหน้าลง

“อยู่นี่ครับ”

กล่องเค้กใบใหญ่ถูกวางทิ้งไว้บนพื้น กระดาษแผ่นยาวสองใบถูกวางข้างกันบนโต๊ะว่างเปล่า

มันเป็นเช็คบัญชีเงินฝากที่ประทับตราลอมบาร์เดียไว้บนนั้น

“ใบหนึ่งเป็นเช็คจากธนาคารลอมบาร์เดีย อีกใบเป็นเช็คปลอมครับ ลองทายดูสักครั้งมั้ยครับว่าอันไหนเป็นของปลอม”

เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรอยู่แล้ว

เพราะเธอเป็นคนที่รู้วิธีแยกมันยังไงล่ะ

แต่สำหรับคนอื่นๆ มันเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]