เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

“อืมม…”

เครย์ลีบันครางเสียงทุ้มต่ำหลังจากเห็นเช็คทั้งสองใบ เขาได้แต่ยกมือขึ้นกุมขมับ

“เหมือนกันขนาดนี้ได้ยังไงครับเนี่ย”

ไวโอเล็ตเองก็เบิกตากว้าง นางขยี้ตาตัวเองอยู่หลายรอบ

เธอเองก็เห็นด้วยกับคำพูดนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์

มันเหมือนกันมากจนมองจากภายนอกไม่อาจแยกออกได้เลยว่าใบไหนเป็นของจริง

ในชีวิตก่อนตอนที่เจอเหตุการณ์เช็คปลอมนี่ เธอถึงกับต้องขังตัวเองอยู่ในห้องด้วยความหดหู่ใจทีเดียว

ลองเหลียวหลังย้อนกลับไปนึกถึงอดีตในตอนที่เธอเคยช่วยเหลืองานของท่านปู่ เมื่อตอนนั้นช่วงเวลาประมาณนี้เธอเองก็แค่รู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเท่านั้น

ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเช็คปลอมด้วยสองตาของตัวเองแบบนี้

“ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ทำออกมาได้เหมือนเปี๊ยบเลยนะเนี่ย”

เธอจ้องเช็คใบนั้นในขณะที่พูดพึมพำ

ไม่มีทางพูดอย่างอื่นได้เลย

เพราะคนที่ทำเช็คใบนั้นเป็นคนที่คิดจะขโมยของไปจากลอมบาร์เดียอย่างเห็นได้ชัด

อีกอย่างทรัพย์สินของธนาคารคือ เครดิต

เล่นยิงเป้าโดยตรงมายังเครดิตกับเงินของธนาคารลอมบาร์เดียแบบนี้เนี่ยนะ

คนชั่ว

เธอจ้องไปยังเช็คที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามเบ๊ตที่นั่งเอนหลังพิงพนักโซฟาด้วยความผ่อนคลาย

“ว่าแต่ไปหาเช็คปลอมมาได้ยังไงคะเนี่ย ได้ยินว่าถูกปล่อยออกมาไม่เยอะ ไม่น่าหาได้ง่ายเลยนะคะ”

บางทีที่ผู้จัดการธนาคารลอมบาร์เดียคาดการณ์เอาไว้ ก็คงจะมีแค่ไม่กี่ใบด้วยซ้ำ

แต่เบ๊ตกลับหามาได้หนึ่งใบ

“…เรื่องนั้นเป็นความลับทางธุรกิจครับ”

เบ๊ตหลบสายตาเล็กน้อยในขณะที่ตอบแบบนั้น

“ก็จริงค่ะ”

เธอยอมถอยให้เขาเช่นกัน

การถามที่มาจากคนขายข่าวเป็นเรื่องไม่ควรอยู่แล้ว

“เสียมารยาทไปหน่อย”

แต่เบ๊ตกลับจ้องหน้าเธอตรงๆ

“ทำไมเหรอคะ เบ๊ต”

“ไม่ถามต่อหรือครับ”

“เบ๊ตก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอคะว่ามันเป็นความลับทางธุรกิจน่ะ แล้วจะให้ข้าถามต่อไปเพื่ออะไรล่ะคะ”

“แต่ยังไงท่านฟีเรนเทียก็เป็นผู้สนับสนุนคาราเมล อเวนิวของพวกข้า…”

หากต้องการแล้วละก็ แค่เขย่าเชือกเงินทุนนั่น ก็สามารถบีบบังคับให้เขาสารภาพความจริงออกมาได้แล้วไม่ใช่หรือไร

“ข้าเพียงแค่หวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับคาราเมล อเวนิว จะแข็งแรงมั่นคงไปอีกเนิ่นนานเท่านั้นเองค่ะ”

ถ้าข่มขู่เบ๊ตเพียงแค่เพราะต้องการฟังเรื่องนี้เรื่องเดียว มันก็ไม่ต่างอะไรกับผ่าท้องหงส์ที่ออกลูกเป็นไข่ทองคำนั่นแหละ

อีกอย่างในสถานการณ์อย่างตอนนี้ เบ๊ตจะต้องสูญเสียอะไรมากเกินไป หากเขาคิดทรยศเธอ

สิ่งที่เบ๊ตต้องการคือ ฐานะที่มั่นคงพอจะช่วยให้เขาสร้างกิลด์ข้อมูลขึ้นมาได้ ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยนิดที่สามารถไปขู่เรียกร้องจากนักปลอมแปลงอยู่แล้ว

“…ขอบคุณครับ”

เบ๊ตพยักหน้าขอบคุณ มุมปากของเขาคลายตัวคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน

“น่าทึ่งจริงๆ เลยนะคะเนี่ย! ”

ในระหว่างที่เธอกับเบ๊ตกำลังสนทนากันอยู่ ไวโอเล็ตที่นั่งส่องเช็คทั้งสองใบอยู่ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งชื่นชม

และเมื่อสังเกตเห็นสายตาของเธอ นางก็รีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว เพราะรู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว

“พะ เพราะฉะนั้น ข้าหมายถึง ความสามารถดีเกินกว่าจะเป็นพวกชอบปลอมแปลง…”

“ทราบค่ะ ข้ารู้ว่าไวโอเล็ตต้องการจะสื่ออะไร”

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ท่านฟีเรนเทีย”

ถึงแม้ไวโอเล็ตจะขอโทษขอโพยด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เธออารมณ์ดีขึ้นอยู่ดี

“ก็โกรธนิดหน่อยค่ะ”

“ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด ข้าก็จะจับอาชญากรที่ปลอมแปลงเช็คนี่ให้ได้ค่ะ”

“พวกชอบปลอมแปลง ก็เป็นพวกชอบทำของปลอมก็จริง แต่ว่า…”

สุดท้ายคราวนี้เบเจอร์ก็ไม่สามารถผ่านพ้นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ นี่ได้อยู่ดี

ในชีวิตก่อนพวกเขาไม่สามารถเรียกคืนเช็คปลอมนั่นได้ จนมันถูกปล่อยกระจายออกไปทั่ว

เพราะยอดเงินบนเช็คพวกนั้นมันมากมายมหาศาล ทำให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นเรียกได้ว่าครอบคลุมไปถึงจักรวาลเลยทีเดียว

ในตอนที่เบเจอร์ประเมินสถานการณ์ได้ และตั้งใจจะแก้ไขเรื่องราวทั้งหมด มันก็สายเกินไปแล้ว ท่านปู่ที่นอนพักติดเตียงคนไข้ สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจใช้มาตรการพิเศษ

‘จัดการผลิตเช็คดีไซน์ใหม่ในทันที เพื่อเอาไปเปลี่ยนกับเช็ครูปแบบเก่า ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเช็คปลอมพวกนั้นทางลอมบาร์เดียจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด’

เพราะในความเป็นจริงแล้ว การจะแยกเช็คปลอมมันเสียทันทีที่หน้าเคาน์เตอร์เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ทำให้ต้องใช้วิธีนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

“เจ้าโง่…”

การตัดสินใจหยุดจำหน่ายเช็ค ปรับเปลี่ยนดีไซน์เป็นรูปแบบใหม่ หรือคิดหาวิธีจัดการกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเช็คปลอมยังไงนั่น มันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนืออำนาจของก็อดดริก เบรย์

มันเป็นหน้าที่ของเจ้าตระกูลที่ต้องเป็นคนออกหน้าลงมือจัดการด้วยตัวเอง

ในตอนนั้นเองเบ๊ตก็พูดเสริมต่อขึ้นมา

“อา และยังมีอีกเรื่องครับ ก็อดดริก เบรย์ไปพบท่านชานาเนสด้วยครับ”

“ว่าแล้วเชียว”

ความคิดของทุกคนดูเหมือนจะคล้ายกันหมด

เบเจอร์กำลังดื่มด่ำกับตำแหน่งอย่างถึงที่สุด คนที่จะขัดขวางเขาได้ นอกจากชานาเนสก็ไม่เหลือใครอื่นอีกแล้ว

หากเป็นเมื่อชีวิตก่อน หลังจากหย่าร้างชานาเนสได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในเขตชานเมือง แต่ในชีวิตนี้นางกลับมาช่วยดูแลกิจการของตระกูลอย่างมั่นคง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในทิศทางนั้นแทน

เครย์ลีบันมองเช็คปลอมอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยพึมพำขึ้น

“หากทราบวิธีแยกของปลอมออกได้ละก็ คงจะดีมากจริงๆ นะครับ และถ้าแจ้งวิธีนั้นให้ท่านชานาเนสทราบ…”

“ลองส่องกับแสงดูสักครั้งมั้ยคะ”

ไวโอเล็ตยกเช็คทั้งสองใบขึ้นพลิกสำรวจไปมา แต่ก็ไม่อาจหาจุดแตกต่างได้อยู่ดี

“มันต้องมีจุดที่แตกต่างกันอยู่แน่ๆ …”

เครย์ลีบันขมวดคิ้วแน่น ตกอยู่ในภวังค์ความคิดเช่นกัน

และจู่ๆ ก็ถามเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“หรือจะเป็นคนในธนาคารลอมบาร์เดียหรือเปล่าครับ เหมือนกันมากขนาดนี้ บางทีอาจจะขโมยออกมาจากแหล่งผลิตเช็คที่เดียวกันก็ได้นะครับ”

เป็นสมมติฐานที่สมเหตุสมผล

“อาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ได้ค่ะ”

ทั้งไวโอเล็ต ทั้งเบ๊ตต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย

คนทรยศในลอมบาร์เดีย

อันที่จริงนั่นก็เป็นข้อสมมติฐานที่ทุกคนคิดว่าเป็นไปได้มากที่สุด ในตอนที่ทุกคนพยายามตามหาคนร้ายคดีเช็คปลอมให้เจอ

เพียงแต่มันไม่ใช่

คนร้ายเป็นเพียงแค่ช่างปลอมแปลงที่มีฝีมือเก่งกาจมากเท่านั้นเอง

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำยังไงดีล่ะคะ…”

ดูจากการที่ไวโอเล็ตเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาแบบนี้ เธอคงต้องเลิกเล่น แล้วบอกคำตอบที่แท้จริงให้พวกเขาได้แล้วละ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]