ภายในห้องเหลือเพียงความเงียบ
เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น แต่บางทีสำหรับเหล่าเจ้าตระกูลทั้งหลาย พวกเขาคงรู้สึกว่ามันไม่ต่างอะไรกับชั่วนิรันดร์
“ทุกคนคิดเช่นนั้นหรือ”
ท่านปู่ถามเสียงทุ้มต่ำ
“เจ้าตระกูลท่านอื่นๆ ที่ไม่อาจมาพร้อมหน้ากับพวกเรา ณ ที่แห่งนี้ได้ ต่างก็คิดเห็นเช่นเดียวกันครับ ท่านเจ้าตระกูล”
“หลังจากท่านเบเจอร์ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูล จำนวนงานที่ต้องจัดการก็เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ผลิมันเป็นช่วงที่ต้องเดินทางไปทั่วอาณาจักรด้วยแบบนี้ยิ่งมีแต่จะทำให้ทางจุดกระจายสินค้าของทางเราลำบากมากครับ ท่านเจ้าตระกูล”
“พวกเราวิลเคย์เองก็เหมือนกันครับ จู่ๆ ท่านเบเจอร์ก็สั่งให้พวกเราลองทบทวนดูว่ากิจการวิศวกรรมโยธาที่ดำเนินการได้อย่างราบรื่นเป็นอย่างดีอยู่แล้วในทางเหนือ สมควรที่จะย้ายไปทางตะวันตกได้แล้ว…”
บรรดาเจ้าตระกูลต่างก็พร่ำบ่นตามความเป็นจริง โดยที่ไม่คิดข้ามเส้นให้ดูไร้มารยาทมากเกินไป
ท่านปู่รับฟังเรื่องราวจากพวกเขาทุกคน ก่อนจะถามขึ้น
“แล้วต้องการให้ข้าทำเช่นไร”
“จนกว่าท่านเจ้าตระกูลจะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ พวกข้าจะจัดการกันเองครับ”
“แต่ละตระกูลจะบริหารจัดการงานกันเองอย่างนั้นหรือ”
“…แบบนั้นก็คงจะดีกว่าครับ”
คำพูดพวกนี้ หากไม่ได้เป็นเพราะไม่พอใจถึงขีดสุดจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เหล่าเจ้าตระกูลย่อมไม่มีทางพูดออกมาอยู่แล้ว
การที่บรรดาผู้คนซึ่งจงรักภักดีในลอมบาร์เดีย และใกล้ชิดกับท่านปู่ต่างพากันออกหน้าพูดเช่นนี้แล้ว ว่ากันตามตรงก็เห็นกันอยู่ชัดๆ
“เจ้าคิดเช่นไร ก็อดดริก”
“ข้า…”
ในระหว่างที่ก็อดดริก เบรย์จากธนาคารลอมบาร์เดียได้แต่อ้ำอึ้งเมื่อจู่ๆ ก็ถูกเรียกชื่อ ท่านปู่ก็ถามอีกคำถาม
“เพราะจัดการเรื่องเช็คปลอมได้อย่างไม่น่าพอใจนัก เจ้าเองก็คงจะลำบากใจมากไม่ใช่น้อย”
“ทราบด้วย…หรือครับ”
ก็อดดริกยอมรับตามตรง
“ใช่แล้วครับ อันที่จริงเพราะเรื่องนั้นข้าถึงได้แน่ใจครับ ท่านเบเจอร์ไม่มีความสามารถพอจะทำงานในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลได้เลย”
“…หากเป็นเจ้าจะแก้ไขปัญหาเช่นไรล่ะ”
“ถ้าหากข้ามีอำนาจในการตัดสินใจ…”
แต่แล้วในตอนที่เธอกำลังเอียงหูฟังคำตอบของก็อดดริก เบรย์
จึ๊ก จึ๊ก
ใครบางคนสะกิดไหล่เธอ ทำเอาเธอสะดุ้งรีบหันกลับไปมองด้วยความตกใจ
“ทำไมมาอยู่ข้างนอกล่ะ”
ชานาเนส
“อา คือว่า…”
เธอรีบผละห่างออกจากประตูพลางตอบอย่างรวดเร็ว
“พอดีเหล่าเจ้าตระกูลใต้บังคับบัญชามากันน่ะค่ะ กำลังคุยกันอยู่ด้านใน”
“อย่างนั้นนี่เอง”
ทั้งๆ ที่เห็นชัดๆ ว่าเธอแอบฟังบทสนทนาอยู่
ชานาเนสกลับไม่ตำหนิอะไรเธอสักคำ
“มะ มาพบท่านปู่เหรอคะ”
“มีเรื่องจะแจ้งท่านสักครู่น่ะ แต่เหล่าเจ้าตระกูลมาพบอย่างนั้นหรือเนี่ย…”
ชานาเนสเหลือบมองเข้าไปในห้องที่ยังคงได้ยินเสียงพูดคุยดังลอดออกมา เพียงไม่นานนางก็พูดราวกับตัดสินใจแล้ว
“บางทีเป็นแบบนี้อาจจะดีแล้วก็ได้”
ก๊อก ก๊อก
ชานาเนสเคาะประตู ในขณะเดียวกันเสียงที่เคยดังออกมานอกห้องก็เงียบลงในทันที
“ท่านพ่อ ข้าเองค่ะ”
“ชานาเนสหรือ เข้ามาสิ”
ถึงแม้จะน่าเสียดาย แต่เพราะยังไงเธอก็ไม่สามารถแทรกบทสนทนาของพวกผู้ใหญ่ได้ เธอจึงก้าวถอยหลังไปจากประตู
แต่ชานาเนสกลับหมุนตัวหันกลับมาหาเธอ แล้วพูดขึ้น
“เจ้าก็เข้ามาด้วยสิ”
“คะ ข้าเหรอคะ”
“ใช่ เจ้าเข้ามาฟังด้วยน่าจะมีประโยชน์มากกว่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...