เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

ภายในห้องเหลือเพียงความเงียบ

เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น แต่บางทีสำหรับเหล่าเจ้าตระกูลทั้งหลาย พวกเขาคงรู้สึกว่ามันไม่ต่างอะไรกับชั่วนิรันดร์

“ทุกคนคิดเช่นนั้นหรือ”

ท่านปู่ถามเสียงทุ้มต่ำ

“เจ้าตระกูลท่านอื่นๆ ที่ไม่อาจมาพร้อมหน้ากับพวกเรา ณ ที่แห่งนี้ได้ ต่างก็คิดเห็นเช่นเดียวกันครับ ท่านเจ้าตระกูล”

“หลังจากท่านเบเจอร์ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูล จำนวนงานที่ต้องจัดการก็เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ผลิมันเป็นช่วงที่ต้องเดินทางไปทั่วอาณาจักรด้วยแบบนี้ยิ่งมีแต่จะทำให้ทางจุดกระจายสินค้าของทางเราลำบากมากครับ ท่านเจ้าตระกูล”

“พวกเราวิลเคย์เองก็เหมือนกันครับ จู่ๆ ท่านเบเจอร์ก็สั่งให้พวกเราลองทบทวนดูว่ากิจการวิศวกรรมโยธาที่ดำเนินการได้อย่างราบรื่นเป็นอย่างดีอยู่แล้วในทางเหนือ สมควรที่จะย้ายไปทางตะวันตกได้แล้ว…”

บรรดาเจ้าตระกูลต่างก็พร่ำบ่นตามความเป็นจริง โดยที่ไม่คิดข้ามเส้นให้ดูไร้มารยาทมากเกินไป

ท่านปู่รับฟังเรื่องราวจากพวกเขาทุกคน ก่อนจะถามขึ้น

“แล้วต้องการให้ข้าทำเช่นไร”

“จนกว่าท่านเจ้าตระกูลจะฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ พวกข้าจะจัดการกันเองครับ”

“แต่ละตระกูลจะบริหารจัดการงานกันเองอย่างนั้นหรือ”

“…แบบนั้นก็คงจะดีกว่าครับ”

คำพูดพวกนี้ หากไม่ได้เป็นเพราะไม่พอใจถึงขีดสุดจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เหล่าเจ้าตระกูลย่อมไม่มีทางพูดออกมาอยู่แล้ว

การที่บรรดาผู้คนซึ่งจงรักภักดีในลอมบาร์เดีย และใกล้ชิดกับท่านปู่ต่างพากันออกหน้าพูดเช่นนี้แล้ว ว่ากันตามตรงก็เห็นกันอยู่ชัดๆ

“เจ้าคิดเช่นไร ก็อดดริก”

“ข้า…”

ในระหว่างที่ก็อดดริก เบรย์จากธนาคารลอมบาร์เดียได้แต่อ้ำอึ้งเมื่อจู่ๆ ก็ถูกเรียกชื่อ ท่านปู่ก็ถามอีกคำถาม

“เพราะจัดการเรื่องเช็คปลอมได้อย่างไม่น่าพอใจนัก เจ้าเองก็คงจะลำบากใจมากไม่ใช่น้อย”

“ทราบด้วย…หรือครับ”

ก็อดดริกยอมรับตามตรง

“ใช่แล้วครับ อันที่จริงเพราะเรื่องนั้นข้าถึงได้แน่ใจครับ ท่านเบเจอร์ไม่มีความสามารถพอจะทำงานในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลได้เลย”

“…หากเป็นเจ้าจะแก้ไขปัญหาเช่นไรล่ะ”

“ถ้าหากข้ามีอำนาจในการตัดสินใจ…”

แต่แล้วในตอนที่เธอกำลังเอียงหูฟังคำตอบของก็อดดริก เบรย์

จึ๊ก จึ๊ก

ใครบางคนสะกิดไหล่เธอ ทำเอาเธอสะดุ้งรีบหันกลับไปมองด้วยความตกใจ

“ทำไมมาอยู่ข้างนอกล่ะ”

ชานาเนส

“อา คือว่า…”

เธอรีบผละห่างออกจากประตูพลางตอบอย่างรวดเร็ว

“พอดีเหล่าเจ้าตระกูลใต้บังคับบัญชามากันน่ะค่ะ กำลังคุยกันอยู่ด้านใน”

“อย่างนั้นนี่เอง”

ทั้งๆ ที่เห็นชัดๆ ว่าเธอแอบฟังบทสนทนาอยู่

ชานาเนสกลับไม่ตำหนิอะไรเธอสักคำ

“มะ มาพบท่านปู่เหรอคะ”

“มีเรื่องจะแจ้งท่านสักครู่น่ะ แต่เหล่าเจ้าตระกูลมาพบอย่างนั้นหรือเนี่ย…”

ชานาเนสเหลือบมองเข้าไปในห้องที่ยังคงได้ยินเสียงพูดคุยดังลอดออกมา เพียงไม่นานนางก็พูดราวกับตัดสินใจแล้ว

“บางทีเป็นแบบนี้อาจจะดีแล้วก็ได้”

ก๊อก ก๊อก

ชานาเนสเคาะประตู ในขณะเดียวกันเสียงที่เคยดังออกมานอกห้องก็เงียบลงในทันที

“ท่านพ่อ ข้าเองค่ะ”

“ชานาเนสหรือ เข้ามาสิ”

ถึงแม้จะน่าเสียดาย แต่เพราะยังไงเธอก็ไม่สามารถแทรกบทสนทนาของพวกผู้ใหญ่ได้ เธอจึงก้าวถอยหลังไปจากประตู

แต่ชานาเนสกลับหมุนตัวหันกลับมาหาเธอ แล้วพูดขึ้น

“เจ้าก็เข้ามาด้วยสิ”

“คะ ข้าเหรอคะ”

“ใช่ เจ้าเข้ามาฟังด้วยน่าจะมีประโยชน์มากกว่า”

ชานาเนสกล่าวเช่นนั้น แล้วเดินหายเข้าไปข้างใน

ฟังไว้น่าจะมีประโยชน์อย่างนั้นเหรอ

นั่นหมายความว่ายังไงกันล่ะเนี่ย

เกิดคำถามหลายอย่างขึ้นในหัวสมอง แต่เธอก็สลัดมันทิ้งไปก่อน แล้วเดินตามหลังชานาเนสเข้าไปในห้องเงียบๆ

* * *

“มีคนมากมายมาเยี่ยมแต่เช้าตรู่แบบนี้ น่าดีใจจังเลยนะคะ ท่านพ่อ”

ชานาเนสเดินเข้าไปด้านในด้วยจังหวะฝีเท้านุ่มนวล นางพูดเบาสบาย

“ไม่ได้พบกันเสียนานนะครับ ท่านชานาเนส”

เจ้าตระกูลหลายท่านทักทายชานาเนสด้วยความยินดี

สีหน้าทะมึนจากการนึกถึงเบเจอร์จนถึงเมื่อครู่นี้ พลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาหนึ่งระดับเมื่อได้พบกับชานาเนส

แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่อาจควบคุมความรู้สึกเสียใจได้เลย

ถ้าหากคนที่นั่งตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูลไม่ใช่เบเจอร์ แต่เป็นชานาเนสแล้วละก็

พวกเขาก็คงไม่ต้องเหนื่อยใจแล้วเหนื่อยใจเล่า จนต้องทำเรื่องเสียมารยาท ดั้นด้นวิ่งโร่มารบกวนท่านเจ้าตระกูลที่กำลังนอนป่วยติดเตียงแบบนี้หรอก

“วันนี้ไม่ไปทำงานหรือ ชานาเนส”

“ค่ะ ทุกคนในกิจการขุดเจาะต่างก็เหนื่อยล้าจากการพยายามจนได้สิทธิสัมปทานเหมืองทางเหนือ วันนี้เลยให้หยุดพักกันได้หนึ่งวันค่ะ”

คำพูดของชานาเนสทำให้โรมาเชีย ดิลลาร์ดจากกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียถึงกับแสดงสีหน้าดีใจ ก่อนจะพูดขึ้น

“ได้ยินมาเหมือนกันครับ เห็นว่าครั้งนี้ได้รับสิทธิสัมปทานขุดเจาะเหมืองที่ใหญ่มากเลยใช่มั้ยครับ”

“หลังจากท่านชานาเนสกลับมาทำงานอีกครั้ง กิจการขุดเจาะก็เจริญขึ้นทุกวันเลยนะครับ คราวหลังช่วยบอกเคล็ดลับให้พวกข้าบ้างสิครับ! ”

ชานาเนสประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากราวกับนกติดปีก จนถึงขนาดรู้สึกเสียดายวันเวลาที่นางวางมือไม่ยุ่งกับกิจการตลอดเวลาที่ผ่านมาทีเดียว

“พอดีมีเรื่องอยากปรึกษาท่านพ่อ ก็เลยมาขอเข้าพบค่ะ”

“เรื่องปรึกษา?”

“ค่ะ แต่ก่อนหน้านั้น”

ชานาเนสมองสบตารูลลักตรงๆ ในขณะที่พูดขึ้น

“ช่วยเรียกเบเจอร์มาสักครู่ได้มั้ยคะ ท่านพ่อ”

“…เจ้าคงมีเหตุผลที่พูดเช่นนั้นสินะ ได้”

รูลลักส่งคนไปยังห้องทำงานเจ้าตระกูลในทันที ไม่นานหลังจากนั้น เบเจอร์ก็ลงมาถึงห้องนอน

“จู่ๆ เรียกข้ามามีเรื่องอะไร…”

ทันทีที่เข้ามาในห้องแล้วเห็นชานาเนสกับบรรดาเจ้าตระกูลทั้งหลายที่มารวมตัวกัน เบเจอร์ก็ขมวดคิ้วด้วยใบหน้าบึ้งตึง

“ก็ว่าทำไมทุกคนไม่มารายงานเสียที”

เบเจอร์หันไปมองใบหน้าของเจ้าตระกูลทั้งหลายที่ยืนอยู่เรียงตัว

“ท่านพี่มาทำอะไรที่นี่ครับ”

กระทั่งกับชานาเนสเอง ก็ยังพูดจาเสียดสีเหน็บแนมไม่หยุด

“เบเจอร์ ระวังคำพูดด้วย”

พฤติกรรมของบุตรชายคนโตที่ทำตัวเช่นนั้น ทำให้รูลลักถึงกับต้องยกมือขึ้นนวดขมับที่ปวดตุบๆ

แต่เบเจอร์ยังคงพูดพล่ามต่ออีกหลายประโยค

“วิ่งแจ้นมาฟ้องท่านพ่อหรือไง ว่าไม่ถูกใจงานที่ข้าทำ”

ในขณะเดียวกันบนใบหน้าของบรรดาเจ้าตระกูลก็ปรากฏความไม่พอใจวาบขึ้นมา โดยไม่อาจเก็บซ่อนเอาไว้ได้ แต่เบเจอร์กลับยิ่งกระตุกยิ้มเยาะ

“ถ้ามีเรื่องจะพูด ก็น่าจะมาพูดกับข้าตรงๆ แต่นี่กลับเมินอำนาจของข้าผู้เป็นรักษาการเจ้าตระกูลแบบนี้เนี่ย…”

“เบเจอร์ หยุดได้แล้ว! ”

สุดท้ายรูลลักก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป จนต้องตะโกนเสียงดังลั่น

“ชานาเนสมาพบข้าเพราะมีเรื่องอยากหารืออย่างเป็นทางการ นางต้องการให้เจ้าเข้าร่วมด้วย ข้าถึงได้ให้คนไปเรียกตัวเจ้ามา! เพราะฉะนั้นระวังคำพูดของเจ้าด้วย!”

เบเจอร์เบ้ปากด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะถามด้วยเสียงไม่พอใจเหมือนเดิม

“หารืออย่างเป็นทางการหรือครับ”

สายตาดุดันของเบเจอร์มุ่งตรงไปยังชานาเนสในทันที

แต่ชานาเนสไม่คิดสนใจอะไรพวกนั้น นางยังคงรักษาท่วงท่าสงบเยือกเย็นเอาไว้

นางหันหน้าไปมองทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ในห้อง แล้วจึงหันไปมองฟีเรนเทียเป็นคนสุดท้าย

หลานสาวตัวน้อยของนางซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของประตูอย่างชาญฉลาด และกำลังเฝ้ามองสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่

และหันไปมองรูลลักที่นั่งพิงหัวเตียง ในขณะที่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็นอันเป็นเอกลักษณ์ของนาง

“ข้าต้องการหารือเรื่องที่จะปลดเบเจอร์ออกจากตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูล และแต่งตั้งข้า ชานาเนส ลอมบาร์เดียขึ้นดำรงตำแหน่งแทน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]