เบเจอร์ได้แต่กวาดสายตามองปฏิกิริยาของทุกคนในห้อง ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่อาจหาคำพูดโต้แย้งออกไปได้เลย
ทั้งรูลลัก ทั้งบรรดาเจ้าตระกูลใต้บังคับบัญชาทั้งหลาย ทุกคนต่างก็กำลังมองเบเจอร์ด้วยนัยน์ตาเย็นชา
บรรยากาศกำลังหมุนไปในทิศทางที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อเขา
“ข้าไม่มีเวลามานั่งฟังเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอกนะครับ! แค่เวลาที่ต้องใช้จัดการงานของเจ้าตระกูลก็แทบจะไม่พออยู่แล้ว!”
เบเจอร์ตะโกนเสียงดัง เขาตั้งใจจะใช้จังหวะนี้รีบปลีกตัวหลบออกไปจากที่นี่
แต่เสียงแผ่วเบาไม่ได้ดังเท่าไหร่ ทว่ามันเป็นเสียงที่ไม่อาจเมินเฉยมองข้ามได้เด็ดขาด กลับตรึงรั้งข้อเท้าของเขาเอาไว้
“เบเจอร์”
รูลลักนั่นเอง
“ครั้งนี้ข้าขอเป็นฝ่ายถามก็แล้วกัน หลายวันที่ผ่านมาในระหว่างที่เจ้าได้เป็นเจ้าตระกูลแทนข้า งานใดคืองานที่เจ้าทุ่มแรงมากที่สุดล่ะ”
“นี่กระทั่งท่านพ่อก็ยังสงสัยในความสามารถของข้าหรือครับ”
เบเจอร์แสร้งทำเป็นใช้อารมณ์เรียกร้องความสงสาร แต่รูลลักกลับไม่หลงกล
“…เบเจอร์ เจ้าทำงานในฐานะรักษาการเจ้าตระกูล ย่อมหมายความว่าเจ้าต้องรับผิดชอบต่อผู้คนมากมายที่ช่วยขับเคลื่อนลอมบาร์เดีย รวมถึงเจ้าตระกูลอย่างข้าด้วยเช่นกัน ดังนั้นจงตอบมาเสีย ในฐานะเจ้าตระกูลชั่วคราว สิ่งใดคืองานที่เจ้าคิดจะทำให้มันเป็นจริงขึ้นมา”
“เรื่องนั้น…”
หลังจากรู้ตัวว่าไม่อาจปลีกตัวหลบได้อีกต่อไป เบเจอร์ก็พยายามใช้หัวสมองครุ่นคิดอย่างแข็งขัน
ถึงยังไงรูลลักก็ยังยอมให้โอกาสเขาได้ตอบ
ถ้าอย่างนั้นย่อมหมายความว่าเขายังมีโอกาสที่จะชนะได้อยู่
เบเจอร์รีบเอ่ยคำตอบที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ในหัวสมอง ด้วยคิดว่ามันเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว
“ตามความคิดของข้าแล้ว ลอมบาร์เดียมีเงินทองเยอะมากพอแล้วครับ แต่เพราะกิจการของตระกูลในแต่ละด้านเอาแต่ยึดติดเรื่องเพิ่มพูนทรัพย์สินของตัวเองมากเกินไปข้าจึงตั้งใจว่าจะลดทอนมันลงให้เป็นกลางมากขึ้นครับ”
“ทำตัวให้เป็นกลางที่เจ้าพูดถึงนั่น ไหนลองอธิบายมาอย่างละเอียดซิ”
“ลอมบาร์เดียมีศัตรูมากเกินไปครับ การจะทำให้ชนชั้นสูงสมกับเป็นชนชั้นสูงจริงๆ ข้าคิดว่าสิ่งที่สำคัญคือการมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับตระกูลอื่นๆ ครับ ดังนั้นข้าจึงตั้งใจจะทำให้ลอมบาร์เดียสมกับเป็นชนชั้นสูงให้มากยิ่งขึ้น”
“ดังนั้นเจ้าจึงสนใจอยู่กับการให้เงินกู้แก่ชนชั้นสูงที่เจ้าสนิทสนม มากกว่าเช็คปลอมอย่างนั้นหรือไง”
คำพูดของรูลลักทำให้นัยน์ตาคมปลาบของเบเจอร์หันไปจ้องก็อดดริก เบรย์ในทันที
“ตอบคำถามข้า เบเจอร์”
“…ครับ ใช่แล้วครับ และข้าก็ไม่ได้มองข้ามปัญหาเรื่องเช็คปลอมเสียทีเดียวนะครับ เพียงแต่ข้าพยายามจัดการทุกอย่างตามลำดับความสำคัญก็เท่านั้นเอง”
ลำดับความสำคัญ
รูลลักถอนหายใจเสียงแผ่ว
คนไม่รู้ยังพอสอนสั่งกันได้
คนโง่เขลาก็ยังพอจะปลุกกันได้
“ปัญหาเรื่องเช็คปลอม มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรเลยไม่ใช่หรือครับ!”
แต่คนที่ปักใจเชื่อมั่นในความเชื่อผิดๆ ไปแล้วนั่น ไม่มีหนทางใดแก้ไขได้เลย
รูลลักหันไปมองชานาเนสพลางถามขึ้น
“ถ้าเป็นเจ้า จะทำเช่นไร”
“ถ้าเป็นข้าจะสั่งให้หยุดจ่ายเช็คเดิมในทันที แล้วเริ่มผลิตเช็ครูปแบบใหม่ค่ะ ส่วนคนที่ครอบครองเช็ครูปแบบเดิม ก็จะรีบให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นเช็ครูปแบบใหม่โดยเร็วค่ะ”
“ตัวอย่างเช่น?”
“ให้มีการระบุยอดเงินไว้ล่วงหน้าบนเช็คก็น่าจะดีค่ะ”
“โอ้…”
เหล่าเจ้าตระกูลหลายๆ ท่านต่างส่งเสียงอุทานด้วยความชื่นชม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...