เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

“…คะ”

เธอเพิ่งจะอายุแค่สิบสองปีเองนะ

นี่หูหนวกหรือเปล่า

เธอใช้นิ้วแคะหูหนึ่งครั้ง ในขณะที่ถามชานาเนสด้วยไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง

“ข้าจะช่วยยื้อเวลาให้จนกว่าเจ้าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นรีบๆ โตไวๆ แล้วขึ้นเป็นเจ้าตระกูลเสีย”

ชานาเนสพูดจากใจจริง

แค่มองนัยน์ตาคู่นั้น เธอก็รับรู้ได้ในทันที

“…ท่านป้าละก็ พูดอะไรแบบนั้น…”

เล่นพูดแทงตรงจุดขนาดนี้เลยนะคะ

เธอเอียงคอด้วยความงุนงง แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่านั่นมันหมายความว่ายังไง

“เจ้าช่างเป็นเด็กที่ชาญฉลาดเสียจริง”

แต่ชานาเนสกลับไม่สนใจในความพยายามเสแสร้งของเธอ นางยังคงพูดต่อไป

“เรื่องนี้ไม่ว่าใครในตระกูลลอมบาร์เดียต่างก็ทราบกันทั้งสิ้น ท่านพ่อน่ะ หากมีโอกาสทีไรก็มักจะชมเจ้าให้พวกขุนนางคนอื่น หรือไม่ก็กระทั่งจักรพรรดิโยบาเนสฟังอยู่เรื่อย”

ไม่สิ ท่านปู่ไปทำอะไรแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

“และเจ้าก็มีตามองคนมีความสามารถออกได้เป็นอย่างดี แค่กรณีดอกเตอร์เอสทีร่าก็รู้ได้แล้ว”

นัยน์ตาของชานาเนสที่มักจะจริงจังเข้มงวดอยู่เสมอ ปรากฏเป็นรอยยิ้มขึ้นมาแทน

“อีกทั้งยังรู้จักชักชวนคนอื่นๆ ให้อยู่ฝ่ายเจ้าอีกด้วย ไม่ใช่หรือไร”

คราวนี้ทำเอาเธอถึงกับผวาเฮือกโดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าเธอดึงคนมาเป็นพวกตัวเองไว้แล้วคนสองคนจริงๆ

“คนของข้า…เหรอคะ”

เห็นได้ชัดเลยว่าชานาเนสจะต้องสังเกตเห็นอะไรบ้างเป็นแน่

แต่เพราะไม่แน่ใจว่านางทราบมากแค่ไหน เธอจึงต้องแสร้งทำเป็นใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวไปก่อน

“ใช่แล้วละทั้งคิลลีวูกับเมโลน ทั้งลาลาเน่ ล่าสุดยังมีเครนีย์อีก เจ้าค่อยๆ ทำให้พวกลูกพี่ลูกน้องกลายเป็นคนของเจ้าทีละคนไม่ใช่หรือ”

“เรื่องนั้น ข้าก็แค่อยากให้ทุกคนสนิทสนมกันเท่านั้นเองค่ะ”

เธอก็พาลนึกไปว่าพูดถึงเครย์ลีบันกับเบ๊ตเสียอีก

ตกใจหมดเลย

เธอแอบลอบลูบอกด้วยความโล่งอกอยู่ในใจ ในขณะเดียวกันก็หยิบแก้วนมที่วางไว้ตรงหน้าขึ้นมาจิบ

“และคุณชายเพลเลสก็ด้วย”

“แค็ก! ”

สำลักจนนมเกือบจะถูกพ่นออกมาทางจมูกแล้ว

เธอสำลักจนไอค็อกแค็กเสียงดัง ชานาเนสยิ้มพลางช่วยลูบแผ่นหลังของเธอให้อย่างอ่อนโยน

“ดูเหมือนข้าจะคาดเดาได้ถูกสินะเนี่ย”

“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น… เครย์ลีบันน่ะ ไม่สิ คุณเครย์ลีบัน แบบว่า”

“ไม่เป็นไร เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดออกมาทั้งหมดหรอก”

รู้แค่ไหนกันแน่เนี่ย

ชานาเนสพูดราวกับตอบความสงสัยของเธอ

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าเจ้าเก็บซ่อนความลับอะไรอยู่ แต่ข้ารู้ดีว่าเจ้าเป็นเด็กที่พิเศษมาก และข้ายังรู้ดีด้วยว่าเจ้าเป็นเด็กที่รักในลอมบาร์เดียมากเหมือนกับข้า”

ชานาเนสลูบผมเธอ ดูเหมือนว่านางจะดีใจมากจริงๆ

“ดังนั้นเทีย เจ้าขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนต่อไปเถอะ”

“…แล้วท่านป้าล่ะคะ เจ้าตระกูลคนต่อไปไม่ใช่ข้า แต่ควรจะเป็นท่านป้าชานาเนสไม่ใช่เหรอคะ”

ชานาเนสเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของเธอ ก่อนจะหัวเราะเสียงค่อย

“ไม่รู้สิ ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกเช่นไร ยามได้ยินเจ้าบอกให้เป็นเจ้าตระกูลเช่นนี้”

ชานาเนสเหม่อมองสองแฝดที่กำลังใช้ดาบฟันกันอย่างหยอกล้ออยู่กลางสนาม

“แต่ข้าเพียงแค่หวังว่าบุตรชายของข้าจะไม่ต้องใช้ชีวิตเช่นเดียวกันกับข้าก็เท่านั้น”

“ชีวิตแบบเดียวกับท่านป้าเหรอคะ”

“ชีวิตที่ต้องหวาดระแวงเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน เพราะความโลภอยากเป็นผู้สืบทอดยังไงล่ะ”

ใบหน้าของชานาเนสยามกล่าวเช่นนั้นแฝงไปด้วยความโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง

นัยน์ตาสั่นไหวคล้ายกับนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาหนึ่งในอดีต

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าชนะแล้ว!”

“อีกรอบ! เอาใหม่อีกรอบ!”

ในตอนนั้นเองก็พลันได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นของสองแฝด

ชานาเนสจึงค่อยกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง สายตาของนางยังคงจับจ้องอยู่ที่ลานกว้าง

“ให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสดใส ซื่อตรง ได้ไล่ตามสิ่งที่ตัวเองปรารถนาก็พอ”

ชานาเนสกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะหันกลับมามองหน้าเธอด้วยนัยน์ตาสงบเยือกเย็น

“แต่ตำแหน่งเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย สำหรับคนที่ต้องการมัน ย่อมเป็นเป้าหมายที่ยั่วยวนใจเหนือสิ่งใด ใช่มั้ยล่ะ เทีย”

จุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของเธอคืออายุ

เพราะไม่มีใครในโลกนี้จะยอมฝากฝังตระกูลไว้กับเด็กอายุแค่สิบสองปีอยู่แล้ว

และสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดในตอนนี้ย่อมต้องเป็นเวลานั่นเอง

แต่ชานาเนสกลับบอกว่าจะช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดนั่นให้เธอ

ยื่นมือออกมาหาเธอ บอกว่าจะเป็นกองกำลังพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดให้แก่เธอ

“ดีค่ะ”

ไม่มีทางที่เธอจะไม่ยื่นมือออกไปจับมือข้างนั้นเอาไว้อยู่แล้ว

เหนือสิ่งอื่นใด ชานาเนสเป็นคนที่เชื่อถือได้

บางทีนอกจากท่านพ่อแล้ว นางอาจจะเป็นคนเพียงคนเดียวในลอมบาร์เดียแห่งนี้ ที่เธอสามารถไว้ใจได้อย่างสนิทใจก็ได้

เธอหยิบคุกกี้ขึ้นมากัดแทนนม เคี้ยวกลืนมันลงคอ แล้วพูดต่อ

“หากช่วยยื้อเวลาให้ข้า ข้าจะตอบแทนด้วยการเป็นเจ้าตระกูลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ลอมบาร์เดียเลยค่ะ”

“เจ้าตระกูลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์?”

“ค่ะ ข้าจะทำให้ตระกูลนี้ยิ่งใหญ่ เอาให้มากกว่าตอนนี้อีกค่ะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ”

ตกใจหมด

จู่ๆ ชานาเนสก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น

เธอเพิ่งเคยเห็นชานาเนสที่ปกติเพียงแค่ยิ้มจางเล็กน้อยอยู่ทุกวัน หัวเราะเสียงดังแบบนั้นเป็นครั้งแรก

“ดี เทีย หากเป็นเจ้าย่อมเป็นไปได้แน่ หากเป็นเจ้าแล้วละก็”

ชานาเนสลูบศีรษะเธอพลางพูดขึ้น

“ถ้างั้น ท่านป้า”

“หืม”

“ในเมื่อยอมเชื่อมั่นในตัวข้า ดังนั้นข้าก็จะมอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้ท่านป้าก็แล้วกันค่ะ”

คำพูดไม่มีปี่มีขลุ่ยของเธอทำเอาชานาเนสได้แต่เอียงคอด้วยความสงสัย

“ลอมบาร์เดีย เขต 8 บ้านสองชั้นหลังคาสีส้ม บรีเก้น”

“เขต 8 งั้นก็… หมายถึงเขตบ้านพักของสามัญชนหรือ ชื่อบรีเก้นที่อาศัยอยู่ที่นั่น”

“ค่ะ ใช่แล้วละค่ะ ชีวิตของคนคนนั้น ข้าขอมอบเป็นของขวัญให้ท่านป้าค่ะ”

“เทีย มนุษย์ไม่อาจมอบเป็นของขวัญ…”

“คนร้ายที่ปลอมแปลงเช็คค่ะ”

ชานาเนสหยุดพูดในทันที

“ท่านป้ามีสิทธิเลือกในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลค่ะ จะจับบรีเก้นส่งตัวให้ทหาร ให้เขาถูกลงโทษในฐานะคนร้าย หรือว่า…”

“หรือว่า?”

“จะให้เขาทำงานให้กับธนาคารลอมบาร์เดีย สร้างเช็คที่ไม่มีวันปลอมแปลงได้”

“อา…”

ชานาเนสมองเธอด้วยนัยน์ตาเหม่อลอย หลุดเสียงอุทานออกมาด้วยความชื่นชม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]