เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

สรุปบท เล่ม 3 บทที่ 120.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เล่ม 3 บทที่ 120.2 – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอนนี้ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง เล่ม 3 บทที่ 120.2 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

“ผลิตเช็คปลอมที่เหมือนกันอย่างไร้ที่ติเช่นนั้นออกมาได้ ย่อมต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถด้านการปลอมแปลงอย่างแน่นอนไม่ใช่หรือคะ ความสามารถเช่นนั้นจะปล่อยให้ถูกขังไว้ในคุกใต้ดินอย่างเปล่าประโยชน์หลายปี ก็น่าเสียดายเกินไปหน่อย”

การรับโทษตามกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่ถ้าหากทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ให้แก่ลอมบาร์เดียได้แล้วละก็ การดึงตัวมาใช้งานให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุดก็เป็นวิธีการที่ดีเช่นกัน

“และหากทำเช่นนั้น ระบบความปลอดภัยของธนาคารลอมบาร์เดียก็จะพัฒนาขึ้นอีกระดับ คราวนี้ข้าคิดว่าท่านป้าก็จะได้รับการประเมินในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลสูงขึ้นไปอีกค่ะ”

เพราะเมื่อเคยมีเช็คปลอมถูกแจกจ่ายไปทั่วแล้วครั้งหนึ่ง การการันตีว่าจะไม่มีครั้งที่สองเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจทำได้ทั้งนั้น

“แน่นอนว่านี่ถือเป็นการว่าจ้างแทนการลงโทษ จะลดค่าจ้างลงเสียหน่อย เรื่องเสียประโยชน์แค่นี้ทางฝ่ายนั้นก็สมควรต้องยอมรับค่ะ”

อุตส่าห์ยอมละเว้นโทษให้ไม่ต้องถูกขังลืมในคุกใต้ดิน เรื่องแค่นี้ย่อมไม่ควรแสดงความไม่พอใจออกมา

“…ได้ ข้าจะใช้ของขวัญที่เจ้ามอบให้เป็นอย่างดี แต่ว่า เทีย”

“คะ”

“เจ้ารู้ตัวตนของคนร้ายได้ยังไงกัน”

ชานาเนสถามด้วยใบหน้าอยากรู้อย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ

แน่นอนว่าเธอมีคำตอบที่ถูกระบุเอาไว้อยู่แล้วสำหรับเวลาแบบนี้

“ความลับทางธุรกิจค่ะ”

“…หึ”

แต่ชานาเนสกลับยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ

“หัวเราะทำไมเหรอคะ”

เธอพูดอะไรน่าตลกหรือไง

“ไม่มีอะไรหรอก”

ชานาเนสตอบเช่นนั้น แต่ก็ไม่อาจหยุดหัวเราะได้เลย

ในตอนนั้นเอง

“เทีย! เทียยย!”

ใครบางคนก็ตะโกนเสียงดังเรียกเธอด้วยความกระวนกระวาย วิ่งตัดข้ามลานกว้างตรงเข้ามาหาเธอ

รีบร้อนมากเสียจนแม้แต่สองแฝดที่กำลังเล่นประลองดาบกันอยู่ยังตกใจจนถึงกับต้องหยุดชะงักเลยทีเดียว

“พ่อ?”

“เทีย! ”

เธอสะดุ้งรีบลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ

“พ่อ ทำไม…”

สภาพดูไม่ได้แบบนั้นล่ะคะ

ท่านพ่อซึ่งปกติแล้วจะเป็นคนสะอาดทั้งยังดูเนี้ยบอยู่เสมอ สภาพในตอนนี้มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคงไม่ได้อาบน้ำอาบท่ามาหลายวัน

ใบหน้าสกปรกไปหมด เสื้อผ้ายับย่น ไหนจะหนวดเคราที่ยาวเฟิ้มจนรกรุงรังนั่นอีก

แต่ท่านพ่อกลับไม่คิดสนใจเรื่องพวกนั้น ท่านวิ่งเข้ามาสวมกอดเธอไว้แน่น

แน่นอนว่ายังคงเอาใจใส่กันเหมือนเคยด้วยการหลบเลี่ยงบริเวณไหล่ข้างที่เธอได้รับบาดเจ็บ

“พ่อขอโทษนะที่มาช้า… มาช้าไปเพราะต้องทำงานให้เสร็จก่อนถึงจะเดินทางกลับมาได้ ขอโทษนะ เทีย”

“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”

เธอตบแผ่นหลังกว้างของท่านพ่อเบาๆ เป็นการปลอบโยน

“ลูกสาวพ่อเป็นอะไรมั้ย เจ็บมากหรือเปล่า”

ท่านพ่อกวาดสายตามองสำรวจใบหน้ากับร่างกายของเธออย่างช้าๆ ด้วยนัยน์ตาเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา

“อ๊ะ! ถ้าพูดถึงไหล่ละก็ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ! สัปดาห์ก่อนตัดไหมแล้วด้วยค่ะ! ”

“ตะ ตัดไหม…”

ท่านพ่อเสียการทรงตัวไปครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็พูดอย่างหนักแน่น

“อืม ตอนนี้พ่อมาแล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วนะ พ่อจะหาของบำรุงที่ดีต่อร่างกายลูกให้เยอะๆ เลย! ”

“ค่ะ พ่อ!”

ท่าทางคงจะเป็นห่วงเธอมากทีเดียว

ทันทีที่เสร็จงานทางใต้ ก็ไม่หลับไม่นอน นั่งรถม้าโดยสารกลับมายังคฤหาสน์โดยไม่หยุดพักแม้แต่วันเดียวสินะ

ท่านพ่อของเธอเป็นพวกห้ามไม่ฟังเสียด้วย

เธอมองสบตาท่านพ่อ หัวเราะเสียงดังแหะๆ

“เฮ้อ ตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกัน เทียของพ่อแก้มตอบลงไปเยอะเลย…”

นั่นไม่น่าจะใช่เธอ แต่พูดถึงตัวท่านพ่อเองมากกว่ามั้ยล่ะ

ในตอนนั้นเอง ชานาเนสที่เฝ้ามองการกลับมาพบหน้ากันอีกครั้งของพวกเราสองพ่อลูก ก็เอ่ยเรียกท่านพ่อ

“แคลอฮัน”

“ครับ ท่านพี่”

“ไปอาบน้ำก่อนเถอะ ถ้าไม่อยากให้เทียป่วยเป็นไข้ไปจริงๆ”

ชานาเนสกล่าวในขณะที่ดึงตัวเธอออกจากท่านพ่ออย่างอ่อนโยน

“ครับ อ๊ะ ทราบแล้วครับ!”

ท่านพ่อรีบก้าวเท้าถอยห่างจากเธออย่างรวดเร็ว ในทันทีที่ได้ยินคำพูดของชานาเนส

และผิดคาดที่เหมือนจะมีผู้คนเป็นมิตรกับข้ามากทีเดียว

บางทีข้าอาจจะได้เพื่อนที่ดีก็ได้ละมั้ง

เวลาล่วงเลยมาถึงป่านนี้แล้วหรือเนี่ย

ตอนนี้ถึงเวลาดับไฟแล้วละ

คงต้องเขียนจดหมายถึงแค่นี้

อย่าได้เจ็บป่วย ทานอาหารตรงเวลาด้วยนะ

ข้าจะรอการตอบกลับ

คิดถึง เฟเรส]

“ส่งจดหมายอะไรยาวขนาดนี้เนี่ย”

หนึ่ง สอง สาม…

ลองนับดู มันเป็นจดหมายที่กินความยาวถึงหกหน้าเต็มๆ

ภายในจดหมายเล่าเรื่องชีวิตประจำวันโดยละเอียดของเด็กหนุ่ม ซึ่งจากเรื่องราวพวกนั้นเธอสามารถแน่ใจได้เรื่องหนึ่ง

“ตื่นเต้นสินะ ตอนนี้”

เฟเรสกำลังปรับตัวเข้ากับอะคาเดมีได้เป็นอย่างดี

“ถ้าไม่เขียนตอบกลับไปทันทีคงได้งอนแน่”

เธอหยิบปากกา เริ่มเขียนจดหมายตอบกลับไป

[ถึง เฟเรส

โล่งอกไปที ดูเหมือนเจ้าจะปรับตัวเข้ากับอะคาเดมีได้ดีทีเดียว

ทุกวันของข้าก็ยังเหมือนเคย

ได้คบเพื่อนใหม่ๆ มากเลยใช่มั้ย

คอยเล่าเรื่องเพื่อนใหม่ของเจ้าให้ข้าฟังบ้างนะ

อยากรู้จังว่าเจ้าจะคบหากับผู้คนแบบไหน

และก็…]

เฟเรสกับเธอส่งจดหมายติดต่อหากันเป็นประจำ

เธอถึงกับต้องหากล่องใบใหญ่ใบหนึ่งเอาไว้เก็บรักษาจดหมายพวกนั้นเลยทีเดียว

แต่พอเอามาเก็บกระทั่งของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เฟเรสขยันหมั่นเพียรส่งมาให้ภายหลัง แค่ครู่เดียวกล่องก็เต็มแน่นไปทั้งใบแล้ว

จดหมายเริ่มกองพะเนินสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลาที่ค่อยๆ ดำเนินผ่านไปอย่างเชื่องช้าเช่นนั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]