เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

“ข้ามาแล้วค่ะ”

เธอปลดฮู้ดที่คลุมศีรษะออกพลางพูดขึ้น

“มาแล้วหรือครับ ท่านฟีเรนเทีย”

เครย์ลีบันถอดแว่นตาออก กล่าวต้อนรับเธอด้วยความยินดี

ในปีนี้เครย์ลีบันได้ต้อนรับปีสุดท้ายของช่วงวัย 30 เขาทำให้เธอถึงกับคิดว่า ‘ผู้ชายที่ยิ่งอายุมากก็ยิ่งหล่อ คือแบบนี้นี่เอง’ เลยละ

ผมยาวที่เคยมัดรวบเป็นกระจุก พอเข้าปีนี้มันก็ถูกตัดจนสั้น และมักจะถูกหวีเสยไปด้านหลังอย่างเป็นระเบียบดูเรียบร้อย แววตาคู่นั้นยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งดูลึกล้ำอ่านออกได้ยากมากขึ้นทุกที

และเหนือสิ่งอื่นใด จุดที่มีเสน่ห์มากที่สุดของเครย์ลีบันก็คือร้านค้าเพลเลสแห่งนี้นี่แหละ

เขาไม่มีคนรัก ไม่เคยคบใครจนถูกเรียกว่าเป็น ‘ผู้ถือศีล’ อีกทั้งเครย์ลีบันผู้หล่อเหลาคนนี้อายุก็ถือว่ายังไม่มากนัก และยังเป็นถึงผู้ก่อตั้งร้านค้าเพลเลสอีกด้วย

“วันนี้ก็เสียงดังหนวกหูนิดหน่อยนะคะเนี่ย การก่อสร้างจะเสร็จเมื่อไหร่เหรอคะ”

“การก่อสร้างทางตะวันตกคาดว่าจะเสร็จในวันนี้ครับ แต่ทางใต้งานใหญ่ทีเดียว ท่าทางคงจะต้องปูถนนกันใหม่ คงจะกินเวลาไปอีกหลายสัปดาห์ครับ”

“ช่วยไม่ได้สินะคะ แต่ก็นะ ทุกคนเองก็ทำงานกันหนักเลยทีเดียว”

ถึงแม้ฝุ่นจะคลุ้งตลบ การก่อสร้างจะส่งเสียงดังหนวกหู แต่ยังไงก็ต้องคอยตามดูความคืบหน้างานของร้านค้าอยู่ดี

แต่เครย์ลีบันกลับส่ายหน้ายิ้มๆ

“อาคารในละแวกนี้กับที่ดินทั้งหมด พวกเราได้กว้านซื้อสร้างเป็นตึกของพวกเรา เรื่องแค่นี้ย่อมอดทนไหวอยู่แล้วละครับ”

เครย์ลีบันมีสีหน้าปลื้มปริ่มเหมือนคนที่ต่อให้ไม่กินข้าวก็ยังอิ่มทิพย์ได้

นับตั้งแต่วันที่ท่านปู่ล้มไปวันนั้น เวลาก็ผ่านมาได้ห้าปีครึ่งแล้ว

ตลอดระยะเวลาอันแสนยาวนาน ร้านค้าเพลเลสได้พัฒนาเติบโตขึ้นอย่างยิ่งใหญ่

อาคารของร้านค้าเพลเลสที่เธอซื้อให้เครย์ลีบันในตอนแรก เพียงไม่นานก็กลายเป็นเล็กเกินไป จนต้องกว้านซื้ออาคารในละแวกใกล้เคียงเพิ่มทีละหนึ่งคูหา สองคูหา

และก็สามารถรวมมันเป็นอาคารเดียวได้ในที่สุด

อีกอย่างนอกจากสถานที่แห่งนี้ที่ตั้งอยู่ในลอมบาร์เดียซึ่งอยู่ตอนกลางของอาณาจักรเป็นสำนักงานใหญ่แล้ว ก็ยังมีสาขาทางตะวันออกกับสาขาทางใต้สร้างเพิ่มขึ้นด้วย

ทางตะวันตกมีตระกูลอังเกนัสปกครองอยู่แต่อันที่จริงไม่ใช่เพราะสาเหตุนั้นเสียทีเดียว แต่เป็นเพราะมันเป็นเขตแดนที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรนัก ในปัจจุบันพวกเราจึงเล็งเป้าไปที่ทางเหนือเสียมากกว่า

“ไวโอเล็ตติดต่อมาหรือยังคะ”

“ครับ ตั้งใจว่าจะรายงานให้ทราบอยู่พอดีเลยครับ”

เครย์ลีบันหยิบเอารายงานที่พับครึ่งไว้เหมือนเพิ่งดึงออกมาจากซองสดๆ ร้อนๆ ส่งให้เธอ

เธอรับมันมาถือไว้ แล้วกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว

“…กลุ่มการค้าโมนัคอีกแล้วเหรอคะ”

“ละอายใจจริงๆ ครับ”

เครย์ลีบันตอบด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

“ตงิดใจตั้งแต่ครั้งก่อนแล้วนะ จริงๆ เลย”

ทางตอนเหนือนอกจากเหมืองแร่แล้ว ยังมีสินค้าพิเศษอยู่อีกชนิดหนึ่ง

มันคือต้นไม้ที่เติบโตขึ้นโดยอดทนกับสภาพภูมิอากาศอันแสนเลวร้ายของทางเหนือได้นั่นเอง

ในบรรดาต้นไม้เหล่านั้น มีต้นไม้ชนิดหนึ่งชื่อว่า ‘ทรีบ้า’ มันเป็นต้นไม้ที่เติบโตได้เร็วมาก อีกทั้งยังแข็งแรงทนทาน สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายตั้งแต่การก่อสร้างไปจนถึงทำเฟอร์นิเจอร์เลยทีเดียว

ร้านค้าเพลเลสเองก็วางแผนที่จะกว้านซื้อต้นทรีบ้าเอาไว้ เพื่อเพิ่มอำนาจในแถบทางเหนือให้สูงยิ่งขึ้น

แต่ ‘กลุ่มการค้าโมนัค’ ที่ปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน เอาแต่แทรกตัวเข้ามาขัดขาร้านค้าเพลเลสของพวกเรา และประมูลต้นทรีบ้าไปได้สำเร็จอยู่เรื่อย

สุดท้ายไวโอเล็ตก็อดทนต่อไปไม่ไหว นางจึงมุ่งหน้าเดินทางไปยังภาคเหนือด้วยตัวเอง

แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย

เป็นครั้งแรกที่ร้านค้าเพลเลสซึ่งดำเนินกิจการมาได้อย่างราบรื่นไม่เคยแพ้ใคร ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาเช่นนี้

“ไวโอเล็ตแพ้การประมูลอย่างนั้นเหรอ นี่อีกฝ่ายเป็นใครกันแน่คะเนี่ย”

“รบกวนให้คุณเบ๊ตช่วยสืบให้แล้วครับ แต่ดูเหมือนจะไม่ง่ายเลย เพราะนี่เป็นกลุ่มการค้าใหม่และเห็นว่าเป็นการเคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ เหมือนกับเก็บเป็นความลับน่ะครับ”

“ขนาดเบ๊ตยังพูดแบบนั้นเลยเหรอคะ”

ตอนนี้เธอเลิกสนใจเรื่องประมูลต้นไม้แล้ว แต่รู้สึกสงสัยอยากรู้ในตัวตนที่แท้จริงของกลุ่มการค้าโมนัคมากกว่า

“ต้นทรีบ้าเองก็ไม่ใช่ถูกๆ อีกอย่างทางนั้นยังซื้อไปในปริมาณมหาศาลเลยไม่ใช่เหรอคะ”

“ครับ เป็นเช่นนั้นเทียบกับปริมาณที่พวกเราได้ซื้อไว้ ตอนนี้พวกเขาไล่ตามมาได้ถึงครึ่งหนึ่งของพวกเราแล้วครับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]