เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

ดูเหมือนเขาจะดีใจมากที่ได้พบหน้าเธอหลังจากไม่ได้พบกันเสียนาน รอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปากของเฟเรส และค้างอยู่บนนั้นไม่จางหายไปไหน

ร่างกายสูงใหญ่จนเธอต้องแหงนหน้าสุดคอ ใบหน้าคมเห็นสันกรามชัดเจน และเสียงทุ้มต่ำราวกับเป็นคนอื่นที่เธอไม่รู้จัก

มีอะไรหลายอย่างแตกต่างไปจากเดิม แต่เขาคือเฟเรสอย่างแน่นอน

“ใครคะ”

เฟเรสดูตื่นตระหนกเมื่อได้ยินคำพูดเย็นชาของเธอ

จะยังไงก็ช่าง

“ขอโทษนะคะ แต่คงทักคนผิดแล้วละค่ะ

แต่เธอก็ยังพูดเช่นนั้นในขณะที่หมุนตัวเดินหนี

“เทีย”

เด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าตื่นตระหนกคว้าไหล่ของเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน

“ข้าเอง เฟเรส”

“เฟเรส? จะว่าไปก็รู้สึกเหมือนเคยรู้จักคนแบบนั้นเหมือนกันนะ”

นัยน์ตาสีแดงยามมองใบหน้าเธอกำลังสั่นไหว

คงคิดว่าเธอลืมเขาไปแล้วจริงๆ สินะ

เธอจ้องเฟเรสเขม็ง แล้วพูดขึ้น

“อ๊ะ เฟเรสคนนั้นที่ไม่เคยเสนอหน้ามาให้เห็นตลอดหกปีเต็ม เอาแต่ส่งจดหมายมาแทนคนนั้นน่ะเหรอ”

“เรื่องนั้น…”

“หรือว่าจะพูดถึงเฟเรสคนที่จบการศึกษาจากอะคาเดมีในระยะเวลาแค่ห้าปี แล้วเก็บตัวเงียบกว่าครึ่งปี ไม่ยอมส่งข่าวคราวมาคนนั้น”

ตอนนี้คงเข้าใจความหมายของคำพูดของเธอแล้วสินะ

เฟเรสก้มศีรษะลงเล็กน้อยพลางพูดเสียงทุ้ม

“…ขอโทษ”

รู้จักขอโทษเป็นด้วยเหรอ

แต่ไม่รู้ทำไมพอได้ยินคำขอโทษจากเด็กหนุ่มโดยตรง มันกลับทำให้เธอยิ่งรู้สึกผิดหวัง ทั้งยังรู้สึกโมโหมากกว่าเดิม

เธอใช้กระเป๋าที่ถือไว้ในมือฟาดลงบนไหล่ของเฟเรสเต็มแรง

“คนเลว”

เขาเรียนเก่งติดอันดับท็อปของทั้งภาควิชาพลเรือนและวิชาการทหารเหมือนอย่างในชีวิตก่อนไม่มีผิด อีกทั้งเฟเรสยังจบการศึกษาเร็วกว่าคนอื่นหนึ่งปี เขาเรียนจบในระยะเวลาเพียงแค่ห้าปีเท่านั้น

แค่เธอฟาดลงบนแขนของเขาแบบนี้ ต่อให้หลับตาเขาก็ขวางเธอไม่ให้ทำได้แท้ๆ

แต่เฟเรสกลับเอาแต่ยืนนิ่งไม่ขยับ ยอมให้เธอตีเขาโดยไม่คิดต่อต้าน

“ต่อให้ที่อะคาเดมีจะยุ่งมากจนกระทั่งช่วงปิดภาคเรียนก็ยังกลับมาไม่ได้ก็เถอะ แต่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ติดต่อมาเลยว่ายังอยู่หรือตายเนี่ย จะอธิบายว่ายังไง”

“เรื่องนั้น…พอดีเรียนจบแล้วเดินทางไปหลายที่ในครึ่งปีนี้น่ะ ก็เลยรับส่งจดหมายไม่ได้”

เธอพอจะรู้มาบ้างว่า ทันทีที่เรียนจบ เขาก็ออกเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยกันกับเพื่อนๆ

แต่นั่นเป็นข้อมูลที่ได้รับผ่านเบ๊ต หลังจากที่เฟเรสขาดการติดต่อไป

และเธอเองก็ไม่ได้กังวลอะไรมากมาย

ยังไงเฟเรสก็ใช้ออร่าสีครามได้ตั้งแต่ตอนอายุแค่สิบสองปี

เด็กคนนั้นไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว เขาออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทวีปกับเพื่อนๆ ที่ได้พบที่อะคาเดมีจะไปมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้นได้สักกี่เรื่องกันเชียว

แต่ว่า

“ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ส่งจดหมายกลับมาลอมบาร์เดียสักฉบับ บอกว่า ‘ข้ายังอยู่ดี’ ได้ไม่ใช่หรือไง! คนฉลาดจบการศึกษาจากอะคาเดมีด้วยอันดับท็อป เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้”

มันก็ยังอดที่จะรู้สึกเสียใจไม่ได้อยู่ดี

แต่ใบหน้าของเฟเรสยามมองเธอที่กำลังโมโหเดือดกลับดูแปลกพิกล

เหมือนจะหัวเราะ แต่ก็เหมือนจะขมวดคิ้วหน้ามุ่ย

เขาเหม่อมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นเพื่อยืนยันความคิดตัวเอง

“…เป็นห่วงข้าเหรอเทีย”

เด็กนี่ จริงๆ เลย

“งั้นจะไม่ให้เป็นห่วงหรือไง มันก็เหมือนกับจู่ๆ เพื่อนตัวเองหายสาบสูญ…!”

หมับ

“…ดีใจจัง”

กลายเป็นว่าเธอถูกกอดอยู่ในอ้อมกอดของเฟเรสเสียแล้ว

คลับคล้ายคลับคลาว่า ตอนที่เธอพาท่านปู่ไปช่วยเด็กหนุ่มถึงวังเล็กเมื่อตอนนั้น ก็เคยเกิดเรื่องคล้ายๆ แบบนี้อยู่เหมือนกัน

เฟเรสในตอนนี้สูงขึ้นมากจนเด็กตัวน้อยคนนั้นในอดีตเทียบไม่ติด

สูงใหญ่จนสามารถกักเธอเอาไว้ในอ้อมกอดของเขาได้จมมิดทั้งร่าง

เธอกะพริบตาปริบๆ ด้วยความตกใจ แล้วเอ่ยเรียกเฟเรส

“เฟเรส”

“อื้อ?”

“ปล่อย”

เฟเรสยอมคลายแขนที่โอบกอดเธอเอาไว้อย่างว่าง่าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]