ดูเหมือนเขาจะดีใจมากที่ได้พบหน้าเธอหลังจากไม่ได้พบกันเสียนาน รอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปากของเฟเรส และค้างอยู่บนนั้นไม่จางหายไปไหน
ร่างกายสูงใหญ่จนเธอต้องแหงนหน้าสุดคอ ใบหน้าคมเห็นสันกรามชัดเจน และเสียงทุ้มต่ำราวกับเป็นคนอื่นที่เธอไม่รู้จัก
มีอะไรหลายอย่างแตกต่างไปจากเดิม แต่เขาคือเฟเรสอย่างแน่นอน
“ใครคะ”
เฟเรสดูตื่นตระหนกเมื่อได้ยินคำพูดเย็นชาของเธอ
จะยังไงก็ช่าง
“ขอโทษนะคะ แต่คงทักคนผิดแล้วละค่ะ
แต่เธอก็ยังพูดเช่นนั้นในขณะที่หมุนตัวเดินหนี
“เทีย”
เด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าตื่นตระหนกคว้าไหล่ของเธอเอาไว้อย่างอ่อนโยน
“ข้าเอง เฟเรส”
“เฟเรส? จะว่าไปก็รู้สึกเหมือนเคยรู้จักคนแบบนั้นเหมือนกันนะ”
นัยน์ตาสีแดงยามมองใบหน้าเธอกำลังสั่นไหว
คงคิดว่าเธอลืมเขาไปแล้วจริงๆ สินะ
เธอจ้องเฟเรสเขม็ง แล้วพูดขึ้น
“อ๊ะ เฟเรสคนนั้นที่ไม่เคยเสนอหน้ามาให้เห็นตลอดหกปีเต็ม เอาแต่ส่งจดหมายมาแทนคนนั้นน่ะเหรอ”
“เรื่องนั้น…”
“หรือว่าจะพูดถึงเฟเรสคนที่จบการศึกษาจากอะคาเดมีในระยะเวลาแค่ห้าปี แล้วเก็บตัวเงียบกว่าครึ่งปี ไม่ยอมส่งข่าวคราวมาคนนั้น”
ตอนนี้คงเข้าใจความหมายของคำพูดของเธอแล้วสินะ
เฟเรสก้มศีรษะลงเล็กน้อยพลางพูดเสียงทุ้ม
“…ขอโทษ”
รู้จักขอโทษเป็นด้วยเหรอ
แต่ไม่รู้ทำไมพอได้ยินคำขอโทษจากเด็กหนุ่มโดยตรง มันกลับทำให้เธอยิ่งรู้สึกผิดหวัง ทั้งยังรู้สึกโมโหมากกว่าเดิม
เธอใช้กระเป๋าที่ถือไว้ในมือฟาดลงบนไหล่ของเฟเรสเต็มแรง
“คนเลว”
เขาเรียนเก่งติดอันดับท็อปของทั้งภาควิชาพลเรือนและวิชาการทหารเหมือนอย่างในชีวิตก่อนไม่มีผิด อีกทั้งเฟเรสยังจบการศึกษาเร็วกว่าคนอื่นหนึ่งปี เขาเรียนจบในระยะเวลาเพียงแค่ห้าปีเท่านั้น
แค่เธอฟาดลงบนแขนของเขาแบบนี้ ต่อให้หลับตาเขาก็ขวางเธอไม่ให้ทำได้แท้ๆ
แต่เฟเรสกลับเอาแต่ยืนนิ่งไม่ขยับ ยอมให้เธอตีเขาโดยไม่คิดต่อต้าน
“ต่อให้ที่อะคาเดมีจะยุ่งมากจนกระทั่งช่วงปิดภาคเรียนก็ยังกลับมาไม่ได้ก็เถอะ แต่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ติดต่อมาเลยว่ายังอยู่หรือตายเนี่ย จะอธิบายว่ายังไง”
“เรื่องนั้น…พอดีเรียนจบแล้วเดินทางไปหลายที่ในครึ่งปีนี้น่ะ ก็เลยรับส่งจดหมายไม่ได้”
เธอพอจะรู้มาบ้างว่า ทันทีที่เรียนจบ เขาก็ออกเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยกันกับเพื่อนๆ
แต่นั่นเป็นข้อมูลที่ได้รับผ่านเบ๊ต หลังจากที่เฟเรสขาดการติดต่อไป
และเธอเองก็ไม่ได้กังวลอะไรมากมาย
ยังไงเฟเรสก็ใช้ออร่าสีครามได้ตั้งแต่ตอนอายุแค่สิบสองปี
เด็กคนนั้นไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว เขาออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทวีปกับเพื่อนๆ ที่ได้พบที่อะคาเดมีจะไปมีเรื่องอันตรายเกิดขึ้นได้สักกี่เรื่องกันเชียว
แต่ว่า
“ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ส่งจดหมายกลับมาลอมบาร์เดียสักฉบับ บอกว่า ‘ข้ายังอยู่ดี’ ได้ไม่ใช่หรือไง! คนฉลาดจบการศึกษาจากอะคาเดมีด้วยอันดับท็อป เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้”
มันก็ยังอดที่จะรู้สึกเสียใจไม่ได้อยู่ดี
แต่ใบหน้าของเฟเรสยามมองเธอที่กำลังโมโหเดือดกลับดูแปลกพิกล
เหมือนจะหัวเราะ แต่ก็เหมือนจะขมวดคิ้วหน้ามุ่ย
เขาเหม่อมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นเพื่อยืนยันความคิดตัวเอง
“…เป็นห่วงข้าเหรอเทีย”
เด็กนี่ จริงๆ เลย
“งั้นจะไม่ให้เป็นห่วงหรือไง มันก็เหมือนกับจู่ๆ เพื่อนตัวเองหายสาบสูญ…!”
หมับ
“…ดีใจจัง”
กลายเป็นว่าเธอถูกกอดอยู่ในอ้อมกอดของเฟเรสเสียแล้ว
คลับคล้ายคลับคลาว่า ตอนที่เธอพาท่านปู่ไปช่วยเด็กหนุ่มถึงวังเล็กเมื่อตอนนั้น ก็เคยเกิดเรื่องคล้ายๆ แบบนี้อยู่เหมือนกัน
เฟเรสในตอนนี้สูงขึ้นมากจนเด็กตัวน้อยคนนั้นในอดีตเทียบไม่ติด
สูงใหญ่จนสามารถกักเธอเอาไว้ในอ้อมกอดของเขาได้จมมิดทั้งร่าง
เธอกะพริบตาปริบๆ ด้วยความตกใจ แล้วเอ่ยเรียกเฟเรส
“เฟเรส”
“อื้อ?”
“ปล่อย”
เฟเรสยอมคลายแขนที่โอบกอดเธอเอาไว้อย่างว่าง่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...