เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

“ไม่ใช่วันเกิดของใครที่ไหน แต่เป็นวันเกิดของฟีเรนเทีย บุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านชายแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย แล้วข้าจะพลาดวันพิเศษเช่นนี้ได้ยังไงล่ะคะ”

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จักรพรรดินีงานยุ่งมาก

นางฉวยโอกาสที่เฟเรสเดินทางไปยังอะคาเดมีรีบชักชวนขุนนางท่านอื่นๆ ให้มาเป็นพวกของนาง

โดยการใช้กลุ่มการค้าดิวรักของตระกูลอังเกนัส และอำนาจของนางที่มีอยู่แล้วในสังคมชั้นสูง ทำให้เหล่าขุนนางทั้งหลายยอมให้การสนับสนุนอาสทาน่าอย่างเต็มรูปแบบ

หลายตระกูลที่ได้รับความเมตตาและเป็นหนี้บุญคุณตระกูลอังเกนัสกับจักรพรรดินีในหลายๆ ด้าน ต่างได้แต่เกรงใจจนต้องเลือกยืนอยู่ฝ่ายนั้นอย่างช่วยไม่ได้

อีกอย่างท่านพ่อเองก็สนใจแต่เรื่องเขตแดนเชซายู นางคงคิดว่าท่านพ่อย่อมห่างไกลกับการลงสมัครแย่งชิงตำแหน่งเจ้าตระกูลเป็นแน่

นางถึงได้พยายามอยากจะสานสัมพันธ์ผูกมิตรกับเธอให้ได้ขนาดนี้

“แถมยังเป็นหลานสาวของเซรัล ลูกพี่ลูกน้องที่ข้าสนิทสนมรักใคร่ด้วยนี่คะ”

จักรพรรดินีราวีนี่กล่าวเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ชี้ไปยังเซรัลที่ยืนอยู่ด้านซ้ายมือ

เธอมองเห็นลาลาเน่ยื่นศีรษะออกมาจากด้านหลัง

ในเมื่อส่งเสียงพูดคุยกันไม่ได้ เธอเลยส่งสายตาให้ลาลาเน่เป็นการทักทายแทน ลาลาเน่เองก็ส่งสายตาทักทายกลับมาเงียบๆ อยู่ด้านหลังเซรัลเช่นเดียวกัน

“สุขสันต์วันเกิดนะคะ ฟีเรนเทีย”

คงกลัวคนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพวกอังเกนัสละมั้ง

ถึงแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มอยู่ แต่นัยน์ตากลับไม่ได้สื่อเช่นนั้น ช่างเหมือนกับจักรพรรดินีไม่มีผิดเพี้ยน

เซรัลไม่ได้คล้ายกับจักรพรรดินีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวหรอก

หลังจากขึ้นเป็นจักรพรรดินีของอาณาจักร ราวีนี่ อังเกนัสก็ยังคงทะเยอทะยาน คอยผลักดันตระกูลของตัวเอง

และไม่คิดเก็บซ่อนมันเลยแม้แต่น้อย

เซรัลเองก็เป็นเช่นเดียวกัน

“เบเจอร์งานยุ่งเลยมาไม่ได้ แต่ก็ย้ำข้าเสียตั้งหลายรอบ ให้มาบอกสุขสันต์วันเกิดฟีเรนเทียแทนเขาน่ะค่ะ”

หลังจากชานาเนสขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าตระกูล เบเจอร์ก็เดินทางไปพักร้อนที่เขตแดนอังเกนัส

และกระทั่งผ่านไปหนึ่งปีถึงได้เดินทางกลับมา แต่เบเจอร์กลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ไม่สิ ทั้งเซรัล ทั้งเบเจอร์ ต่างก็เปลี่ยนไปกันหมด

คล้ายกับโครงสร้างอำนาจระหว่างคู่สามีภริยาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไป เบเจอร์เริ่มเชื่อฟังคำพูดของเซรัลในทุกๆ เรื่อง

ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างไม่เที่ยวไปก่อเรื่องที่ไหนอีก หรือกระทั่งเรื่องใหญ่ๆ อย่างคำแนะนำทางธุรกิจ เขาก็ได้รับมันมาจากเซรัลทั้งสิ้น

เพราะอย่างนั้นกิจการทางด้านอสังหาริมทรัพย์ของลอมบาร์เดียที่เบเจอร์เป็นผู้รับผิดชอบ จึงได้เข้าไปพัวพันข้องเกี่ยวกับอังเกนัสในหลายๆ ด้าน

แต่เพราะเมื่อรวมอำนาจของสองตระกูลเข้าด้วยกัน มันก่อให้เกิดการเกื้อกูลเป็นอย่างมาก ทำให้ภายในลอมบาร์เดียเองก็ไม่ได้มีข้อคัดค้านแต่อย่างใด

“ข้านำของขวัญไปไว้ที่ห้องให้แล้ว เอาไว้ไปลองเปิดดูนะมันเป็นเซตเครื่องประดับมุกชั้นยอดที่ข้าตั้งใจหามา หวังว่าฟีเรนเทียจะชอบนะคะ”

เซรัลจงใจพูดเสียงดังให้ผู้คนที่ยืนอยู่รอบๆ ได้ยิน

และจักรพรรดินีก็เอ่ยเสริมต่อ

“ส่วนของขวัญของข้า ข้าตั้งใจว่าจะให้ยืมบ้านพักตากอากาศของอังเกนัสสักเดือนหนึ่งน่ะค่ะ คิดว่ายังไงบ้างคะ ฟีเรนเทีย”

“บ้านพักตากอากาศที่ว่า…”

“เกาะพีพอร์ทที่มีน้ำพุร้อนยังไงล่ะคะ”

สิ่งที่ทางเขตแดนอังเกนัสซึ่งไม่อาจเพาะปลูกได้ดี ทั้งยังไม่มีแร่ธาตุใดๆ ให้ขุดเจาะกำลังพยายามผลักดันอยู่ในช่วงนี้ ก็คือกิจการน้ำพุร้อนนั่นเอง

ถึงแม้จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง มีเพียงแค่ข่าวลือเล่ากันไปปากต่อปากเท่านั้น แต่หากผ่านไปไม่กี่ปี มันคงได้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนของพวกชนชั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ

หากอังเกนัสเริ่มต้นธุรกิจการท่องเที่ยวโดยการใช้รถม้าชั้นสูงของตระกูล พาเหล่าชนชั้นสูงเดินทางมายังเขตตะวันตกเพื่อเที่ยวชมน้ำพุร้อนได้สำเร็จ คาดว่าพวกเขาจะต้องกอบโกยเงินทองได้มากมายมหาศาลเป็นแน่

แต่มันก็เป็นเรื่องในอีกหลายปีให้หลังอยู่ดี

“อยากลองไปมากเลยเพคะ! ขอบพระทัยเพคะ องค์จักรพรรดินี”

ให้ตายเธอก็ไม่มีวันไปหรอก แต่ในเมื่อมีคนมองอยู่เยอะ คงต้องยอมรับมันเอาไว้ก่อน

พอเธอจับชายกระโปรงกล่าวขอบพระทัย นัยน์ตาสีฟ้าของจักรพรรดินีก็รีบกวาดสายตามองรอบด้านอย่างรวดเร็ว

คงคิดที่จะตรวจเช็กดูว่ามีคนมากมายกำลังฟังบทสนทนาของพวกเราอยู่หรือเปล่า

แน่นอนว่าในเมื่อนี่เป็นงานวันเกิดของเธอ แถมจักรพรรดินียังพาสหายสนิทล้อมรอบซ้ายขวาเดินมาแบบนี้ ความสนใจของทุกคนที่นี่ก็ย่อมพุ่งมาตรงด้านนี้อยู่แล้ว

อา โชคร้ายชะมัด

รู้สึกสังหรณ์ร้ายขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ

สายตาของคนจำนวนมากเกินไปมารวมกันที่ตรงจุดนี้

และราวีนี่ย่อมไม่มีทางยอมพลาดโอกาสนี้แน่

เธอพูดเพื่อปลีกตัวหลบออกไปจากที่นี่

“ขอให้วันนี้สนุกกับงานเลี้ยงนะเพคะ หม่อมฉันขอตัว…”

“ในเมื่อตอนนี้ฟีเรนเทียเองก็บรรลุนิติภาวะแล้ว คงได้เวลาหาคู่ครองที่เหมาะสมแล้วสินะคะ”

พูดพล่ามเรื่องอะไรอีกเนี่ย

เธอเงยหน้าจ้องจักรพรรดินีราวีนี่ที่กำลังพูดเรื่องไร้สาระด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

มันห่วยแตกมากเสียจนเธอเกือบลืมเก็บสีหน้าของตัวเอง

“หม่อมฉันยังไม่คิดเรื่องแบบนั้น…”

“ในเมื่อท่านแคลอฮันไม่ค่อยมีความสนใจด้านนั้นเสียเท่าไหร่ หากองค์จักรพรรดินีช่วยออกหน้าให้ คงเป็นเรื่องที่ดีต่อฟีเรนเทียมากทีเดียวนะคะ”

เฮ้ย

ราวกับตกลงกันไว้อยู่ก่อนแล้ว เซรัลรีบพูดเสริมขึ้นทันที

“อย่างนั้นเหรอคะฟีเรนเทียคิดยังไงบ้างล่ะคะ”

จักรพรรดินีราวีนี่ถามในขณะที่มองหน้าเธอ

นางไม่ได้คิดถามความเห็นของเธอจริงๆ หรอก

ท่านพ่อที่เป็นผู้ปกครองของเธอก็ไม่อยู่ตรงนี้ในตอนนี้ ต่อให้เธอบรรลุนิติภาวะแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าจะพ้นช่วงวัยแต่งงานไป

ขนาดลาลาเน่ที่อายุมากกว่าเธอสี่ปี ยังไม่ได้ถูกกำหนดคู่ครองเลยด้วยซ้ำ

แต่ถึงกระนั้นจักรพรรดินีราวีนี่ก็จงใจพูดเรื่องนี้ขึ้นมาต่อหน้าผู้คนมากมาย

เพื่อให้เธอไม่อาจพูดปฏิเสธออกไปได้

แถมอีกฝ่ายเป็นถึงจักรพรรดินี ต่อให้ภายหลังท่านพ่อกับท่านปู่ทราบเรื่องนี้เข้า ก็ยังหาหนทางแก้ไขยากอยู่ดี

นัยน์ตาของจักรพรรดินีส่องประกายระยิบระยับยามแย้มรอยยิ้มมองหน้าเธอ

ในเมื่อท่านปู่ที่พอจะต่อกรกับจักรพรรดินีได้ก็ไม่อยู่แถวนี้เสียด้วย นางคงคิดว่าเธอจะยอมพยักหน้าตกลงเพราะบรรยากาศรอบตัวกดดันสินะ

“เรื่องหาคู่ครองให้ฟีเรนเทีย มอบให้เป็นหน้าที่ข้าดีมั้ยคะ”

แต่นางยุ่งผิดคนแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]