เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

คิดจะใช้สถานการณ์รอบด้านกดดันเธออย่างนั้นเหรอ เรื่องนั้นอาจจะมีโอกาสเป็นไปได้สูงก็จริง แต่ไม่ใช่กับเธอ

เธอรีบกวาดสายตาหันไปมองรอบๆ อย่างรวดเร็ว

แล้วก็มองเห็นคนที่เธอกำลังตามหาอยู่ห่างออกไปไม่ไกลพอดี

ภายในงานเลี้ยงแห่งนี้ในตอนนี้ ไม่ได้มีแค่ท่านปู่เท่านั้นที่จักรพรรดินีต่อกรด้วยได้ยากหรอกนะ

เธอกระแอมไอเคลียลำคอเสียงดัง ‘ฮึ่ม ๆ ’ หลังจากนั้นก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงที่ดังเล็กน้อย

“ถวายบังคมเพคะ เจ้าชายลำดับที่สอง! ”

เธอส่งยิ้มกว้างไปทางเฟเรสที่มีปฏิกิริยากับเสียงของเธออย่างรวดเร็ว เขาหันหน้ามาทางนี้แล้ว เธอจึงยกมือขึ้นโบกให้เขา

คิดทำให้เธอยุ่งยากใจอย่างนั้นเหรอ

งั้นเธอจะทำให้ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยุ่งยากกว่าบ้างก็แล้วกัน จักรพรรดินีราวีนี่

ทัศนียภาพตรงหน้ากว้างขึ้นมาก เมื่อเฟเรสเริ่มเดินตรงเข้ามาหาเธอ

เพราะบรรดาชนชั้นสูงที่ยืนมุงกันอยู่ตรงกลางช่วยหลีกทางให้เฟเรสราวกับทะเลแหวกเป็นสองฝั่ง

ไม่ได้มีใครสั่งให้พวกนางถอยหรือหลีกทางให้ทั้งนั้น

พวกเขาเฝ้ามองเฟเรสตั้งแต่ที่อีกฝ่ายมาปรากฏตัวที่งานเลี้ยงอยู่ก่อนแล้ว จึงยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวกันด้วยตัวเอง

และปลายทางเดินที่เกิดขึ้นกลางงานเลี้ยงนั่น ก็มีเธอยืนอยู่

เฟเรสไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เขามองแต่เธอที่ยืนอยู่ปลายทางเดิน และสาวเท้าก้าวเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

ราวกับคนที่ไม่รู้สึกถึงสายตาของใครหน้าไหนทั้งสิ้น

ตึกๆ

เฟเรสเดินมาหยุดตรงหน้าเธอพร้อมกับเสียงส้นรองเท้าหนากระทบพื้น

และพูดเสียงทุ้มต่ำ

“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย”

“…ขอบพระทัยที่เสด็จมาร่วมงานวันเกิดของหม่อมฉันเพคะ”

อันที่จริงเธอเองก็ตกใจเล็กน้อยเหมือนกัน

ชั่วขณะ เธอเผลอนึกว่าเฟเรสจะพูดว่า ‘เทีย’ หรือไม่ก็ ‘อยู่ที่นี่เองเหรอ’ อะไรแบบนี้เสียอีก

ก็ปกติเขามีนิสัยไม่สนใจคนอื่นๆ เลยสักนิดไม่ใช่หรือไง

แต่น่าตกใจที่เฟเรสเรียกเธอว่า ‘คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย’

มันเป็นครั้งแรก

อีกทั้งยังเล่นละครออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนกับพวกเราเพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรกในรอบหกปีจริงๆ

น่าภูมิใจชะมัด

นี่คือความรู้สึกของอาจารย์ที่เฝ้ามองลูกศิษย์ที่เติบใหญ่เป็นอย่างดีหรือเปล่านะ

เธอยิ้มกว้างต้อนรับเฟเรส ไม่คิดหันไปมองทางด้านจักรพรรดินีราวีนี่เลยสักนิด แล้วพูดกับเขา

“ได้ยินว่าจบการศึกษาจากอะคาเดมีด้วยคะแนนยอดเยี่ยมมากๆ ทั้งยังจบการศึกษาจากทั้งทางด้านพลเรือนและด้านการทหารในเวลาแค่ห้าปีด้วย! น่าทึ่งมากเลยนะเพคะ!”

เธอจงใจพูดให้ฟังดูน่าตื่นเต้นมากขึ้น

เหล่าชนชั้นสูงรอบๆ เองก็พยักหน้ายิ้มๆ เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ

คนที่มีสีหน้าบึ้งตึงมีเพียงแค่จักรพรรดินีกับกลุ่มของนางเท่านั้น

“ก็แค่โชคดีน่ะครับ มันเป็นเพียงแค่ผลที่ได้จากการพยายามอย่างหนักเท่านั้นเอง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]