เฟเรสกับเธอปลีกตัวเดินออกมายังอีกฟากของโถงจัดงานเลี้ยง
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ใกล้จนได้ยินบทสนทนาของพวกเราได้ เธอก็ถองสีข้างของเฟเรสพลางพูดขึ้น
“ทำได้ดีมากเลย เฟเรส”
คำพูดของเธอทำให้ริมฝีปากของเฟเรสยกยิ้มขึ้นเงียบๆ
“เทีย เจ้าดูลำบากใจ”
“สายตาว่องไวขึ้นด้วยเหรอเนี่ย เครนีย์เองปีหน้าก็จะเข้าเรียนที่อะคาเดมีแล้ว ถ้าเรียนรู้ได้ดีเหมือนอย่างเจ้าก็คงจะดี”
“เครนีย์? อา ที่ตัวเล็กๆ นั่น…”
“ตอนนี้ไม่เล็กแล้วนะ ตัวสูงกว่าข้าด้วยซ้ำมั้งนั่น วันนี้ก็ตื่นเต้นมากเลย บอกว่าอยากพบเจ้าให้ได้ คงมีเรื่องอยากถามเกี่ยวกับอะคาเดมีเยอะแยะน่าดู”
เธอกำลังพูดอยู่แบบนั้นแท้ๆ แต่เฟเรสกลับเอาแต่จ้องหน้าเธอ
“ทำไมมองแบบนั้น”
“…เหมือนเทียจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย”
“นี่ชมหรือด่ากันเนี่ย”
เฟเรสยิ้มจนตาหยีแทนคำตอบ
“ยังไงก็ช่างเถอะ เพราะเฟเรสเลยนะข้าถึงได้รู้สึกโล่งได้ขนาดนี้น่ะ หึ สมน้ำหน้า”
“กำลังคุยเรื่องอะไรกับจักรพรรดินีเหรอ สีหน้าเจ้าไม่ดีเลย”
“อ้อ เรื่องนั้นน่ะเหรอจู่ๆ ก็บอกว่าจะช่วยหาคู่ครองให้ข้าน่ะสิ เอาแต่พูดเรื่องแปลกๆ ทั้งยังจงใจพูดให้คนมากมายได้ยินอีก เพราะงั้นเลยยิ่งน่ารำคาญน่ะสิ”
ตอบกลับไปอย่างสมน้ำสมเนื้อ ตอนนี้เลยค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“…ว่าไงนะ”
เฟเรสถามกลับ
แต่ดูเหมือนไม่ได้ถามเพราะฟังไม่ได้ยินจริงๆ หรอก
เพราะเขากำลังจ้องเขม็งไปยังทางที่จักรพรรดินียืนอยู่ด้วยใบหน้าเย็นชาน่ะสิ
เธอลดเสียงลงให้แผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ พูดกับเขา
“วิธีการของจักรพรรดินีนั่นแหละ เพื่อที่จะรักษาอำนาจในแวดวงสังคมเอาไว้ เลยพยายามสานสัมพันธ์กับตระกูลที่เหมาะสมจะช่วยเกื้อกูลนางได้ยังไงล่ะ”
ตัวเองก็ไม่ใช่แม่สื่อที่มีหน้าที่คอยจัดหาคู่ครองให้คนอื่นเสียหน่อย
แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นวิธีการที่ให้ผลที่ดีมากจริงๆ
“แต่ไม่ต้องกังวลมากไปนะ การแต่งงานของเจ้าชายจำเป็นต้องได้รับคำอนุญาตจากฝ่าบาทเสียก่อน นางคงไม่คิดยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเจ้าหรอก”
แต่เธอคงต้องระมัดระวังตัวไม่ให้พบหน้าจักรพรรดินีไปอีกพักใหญ่
จักรพรรดินีราวีนี่ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้รามือไปง่ายๆ
ถ้าดันโชคไม่ดีต้องเผชิญหน้าตามลำพังในงานเลี้ยงงานอื่นอีกละก็ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดพล่ามเรื่องอะไรอีก
“คงไปงานเลี้ยงไม่ได้สักพัก…เฟเรส?”
เฟเรสดูแปลกไปเล็กน้อย
ปกติก็เป็นพวกไม่แสดงสีหน้าอยู่แล้ว แต่นี่ต้องบอกว่าดูเย็นชาแปลกๆ หรือเปล่านะ
เธอตบไหล่เฟเรสเบาๆ เป็นการปลอบโยน
“ไม่ต้องกังวลมากไปหรอก ในเมื่อเจ้าชายลำดับที่หนึ่งเองก็ยังไม่ได้ถูกกำหนดคู่ครองเลยด้วยซ้ำ จู่ๆ คงไม่ผูกมัดเจ้าเข้ากับผู้หญิงที่ไหนหรอกน่ะ”
“เทีย”
เฟเรสเอ่ยเรียกเธอ ในขณะเดียวกันก็คว้ามือของเธอที่วางอยู่บนไหล่ของตัวเองมากุมไว้
แต่มือหยาบกระด้างของเฟเรสกลับบีบมือเธอเอาไว้แน่น
“ทำไมเหรอเฟเรส”
“ถ้าจักรพรรดินีพูดอะไรแบบนั้นอีก ต้องบอกข้านะ”
อา เธอคิดผิดไปหรอกเหรอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...