เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

แปลกชะมัด

สำหรับท่านปู่แล้ว ปกติท่านเป็นคนไม่ถูกใจใครง่ายๆ ก็จริง แต่เธอไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมจะต้องตั้งแง่จะแทงมีดใส่เฟเรสแบบนั้นด้วย

หรือว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้

จะปล่อยให้เฟเรสมีอคติเกี่ยวกับลอมบาร์เดียไม่ได้นะ

หลังจากสิ้นสุดการต่อสู้ด้วยสายตาที่ถึงแม้จะเพียงแค่ครู่เดียว แต่ก็แสนจะดุเดือดนั่น ท่านปู่ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดจะขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย

“ข้ามีเรื่องต้องคุยกับหลานสาวของข้า เจ้าชายกลับเข้าไปในงานเลี้ยงเถอะ”

เป็นการไล่แขกอย่างเห็นได้ชัด

แน่นอนว่าที่นี่คือคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย ดังนั้นเฟเรสก็เป็นเพียงแค่แขกจริงๆ

แต่คนที่สามารถกล่าวเช่นนั้นต่อเจ้าชายของอาณาจักรได้ นอกจากท่านปู่ก็คงไม่มีใครกล้าอีกแล้ว

เธอชี้ไปยังมุมที่สองแฝดกับเครนีย์เดินหายไปเมื่อครู่พลางพูดกับเฟเรส

“สองแฝดกับเครนีย์อยู่ทางด้านโน้นแน่ะ เจ้าไปอยู่คุยกับพวกนั้นก่อนก็แล้วกัน”

“…เข้าใจแล้ว”

เฟเรสค้อมศีรษะให้ท่านปู่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินตรงไปยังทิศที่เธอบอก

“อะแฮ่ม”

ท่านปู่มองตามหลังเฟเรสไปจนสุดทางด้วยความไม่พอใจนัก แล้วจึงค่อยพาเธอเดินออกมายังระเบียงเงียบสงบไร้ผู้คนแถวนั้น

มันถูกกางคลุมไว้ด้วยผ้าใบผืนหนา มุมนี้จึงกลายเป็นสถานที่ที่พวกเราสามารถสนทนากันได้อย่างสบายใจ

ไม่นานหลังจากนั้น ข้ารับใช้ประจำคฤหาสน์ก็เดินถือถาดใส่แก้วสองใบกับขวดไวน์เดินเข้ามา

ท่านปู่รับแก้วมาถือไว้ ส่งใบหนึ่งให้เธอ

“เทีย ตอนนี้เจ้าเองก็บรรลุนิติภาวะแล้ว ดื่มกับปู่คนนี้สักแก้วได้หรือไม่”

ท่านปู่เผยรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ชอบกล

เธอขอบคุณก่อนจะรับแก้วไวน์มาถือไว้ แล้วจึงค่อยสูดกลิ่นไวน์เข้าจมูก

แต่กลิ่นหอมลึกล้ำนุ่มละมุนนี่มันไม่ธรรมดาเลย เธอจึงหันไปตรวจเช็กขวดไวน์โดยไม่ได้คิดอะไรมากนัก

“ว้าว วินเทจ มาร์สหรือคะเนี่ย กลิ่นหอมล้ำลึกที่เหลือค้างอยู่นี่ เป็นไวน์ที่หมักได้ดีมากเลยไม่ใช่เหรอคะ”

ราคาของมันเท่าไหร่กันนะ

“เปิดไวน์ดีๆ แบบนี้ในวันเกิดของข้า ขอบคุณค่ะ…”

สายตาในการมองไวน์พวกนี้ มันเป็นนิสัยที่ติดมาจากชีวิตก่อนของเธอที่มักจะชอบดื่มไวน์เป็นประจำ

ท่านปู่ที่กำลังเฝ้ามองเธออยู่ถามขึ้นในทันที

“…ดูเหมือนจะรู้เกี่ยวกับเหล้าดีทีเดียวนะ เทียของปู่”

“…”

อา ให้ตายเถอะ

ตอนนี้เธอเพิ่งบรรลุนิติภาวะนะ

“…เคยเห็นในหนังสือน่ะค่ะ ท่านปู่”

ท่านปู่หรี่ตาลงเล็กน้อย มองเธอด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินคำตอบของเธอ

“อืม ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้น ก็คงเป็นแบบนั้นนั่นแหละ”

“ฮ่าฮ่า…”

ท่านปู่กล่าวเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ชนแก้วของท่านเข้ากับแก้วของเธอเบาๆ

เสียงเคร้งกังวานดังก้องไปทั่วบรรยากาศอันเงียบสงบยามค่ำคืนของระเบียงกว้าง

เธอเหลือบมองสายตาของท่านปู่เล็กน้อยในขณะที่ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ

ว่าแล้วเชียว นี่แหละไวน์ของแพงละ

ถึงแม้จะเป็นแอลกอฮอล์ที่แฝงไปด้วยฤทธิ์ร้อนแรง แต่รสชาติของมันดีมากเสียจนทำให้อยากจะดื่มลงไปเรื่อยๆ ไม่หยุด

แลบลิ้นเลียริมฝีปากลิ้มรสชาติของไวน์ที่ยังคงเหลือค้างอยู่บนนั้น แต่แล้วท่านปู่ก็พูดกับเธอ

“ยังไม่ได้มอบของขวัญวันเกิดให้เจ้าเลย มีอะไรที่อยากได้บ้างหรือเปล่า”

แสงไฟส่องสว่างออกมาจากข้างในงานเลี้ยงก่อให้เกิดแสงและเฉดเงาพาดผ่านลงบนใบหน้าของท่านปู่

“หากมีสิ่งใดที่อยากได้ ก็บอกปู่ได้ทุกเรื่อง”

ไม่ได้แค่พูดออกมาเฉยๆ

ท่านปู่คือเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย

หากเป็นสิ่งที่เธอต้องการแล้วละก็ ท่านมีความสามารถมากพอที่จะหาให้เธอได้ทุกอย่างจริงๆ

เพราะอย่างนั้นบนใบหน้าของท่านปู่จึงเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง แม้แต่เงาบนใบหน้าก็ไม่อาจเก็บซ่อนมันไว้ได้

จะขออะไรดีล่ะ

ชั่วขณะเธอถึงกับเผลอไผลคิดขึ้นมาด้วยความเจ้าเล่ห์

ขอทองแท่งสักหีบดีมั้ย

หรือจะขอที่ดินเล็กๆ ในเขตแดนลอมบาร์เดียสักผืน ที่พอจะใช้กินอยู่ได้สบายดีล่ะ

บางทีไม่ว่าเธอจะขออะไร ท่านปู่ก็คงจะยอมให้เธอได้ทุกอย่างเป็นแน่

แต่สิ่งที่เธอต้องการมันไม่ใช่ของเล็กๆ พวกนั้นหรอก

เงินน่ะ เธอมีมากพอแล้ว ผืนดินที่จะเอาไว้ใช้ตั้งตัวปักหลักปักฐาน ก็มีเขตแดนเชซายูของท่านพ่ออยู่แล้วเหมือนกัน

สิ่งที่เธอต้องการ มีเพียงแค่สิ่งเดียวเท่านั้น

แค่ลอมบาร์เดีย

อีกอย่างท่านปู่น่ะ ถ้าหากเธอขอของทั่วไปเรียบง่ายเป็นของขวัญวันเกิดแล้วละก็ ท่านคงได้รู้สึกผิดหวังแหง

แววตาเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความสนอกสนใจของท่านปู่ที่กำลังมองเธออยู่ในยามนี้ มันกำลังบอกเช่นนั้น

ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องตอบรับความคาดหวังนั่นเสียหน่อย

เพราะเธอเป็นหลานสาวผู้แสนดียังไงล่ะ

เธอยกไวน์ขึ้นดื่มอีกหนึ่งจิบ ก่อนจะถามท่านปู่

“ตั้งแต่วันนี้ข้าก็ถือเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะคะ ท่านปู่”

“ใช่แล้วละ เจ้าอายุสิบแปดแล้ว”

ใบหน้าของท่านปู่ที่พยักหน้าตอบรับดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

จนกระทั่งเธอพูดประโยคถัดไป

“ถ้าอย่างนั้นข้าเองก็มีสิทธิเต็มตัวแล้วสินะคะเนี่ย”

“…สิทธิ?”

“ค่ะ สิทธิที่จะมีหน้าที่รับผิดชอบในฐานะทายาทของเจ้าตระกูล สิทธิในการบริหารจัดการกิจการของลอมบาร์เดียค่ะ”

จุดเริ่มต้นของทั้งชานาเนส ทั้งเบเจอร์ในวัยเยาว์ต่างก็เริ่มต้นเหมือนกันหมด

ใช้สิทธิในฐานะทายาท เริ่มก้าวเท้าเข้าสู่สายงานที่ตัวเองมีความสามารถและให้ความสนใจ

ดังนั้นหากผลลัพธ์ออกมาดี ก็ถือเป็นการพิสูจน์ความสามารถของตัวเองรูปแบบหนึ่ง

นั่นคือวิธีการที่ลอมบาร์เดียจะก้าวเท้าเปิดเผยตัวเองสู่โลกภายนอก

“…”

นัยน์ตาของท่านปู่ที่มองใบหน้าของเธอสั่นไหวไปครู่หนึ่ง

“ข้าไม่อยากได้สิ่งอื่นอีกแล้วค่ะ”

ข้าต้องการลอมบาร์เดียค่ะ

ตระกูลที่งดงามและยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

เพราะฉะนั้น

เธอฉีกยิ้มสงบนิ่งไปทางท่านปู่พลางพูดขึ้น

“แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ได้โปรดอนุญาตให้ข้าได้ใช้สิทธิของตัวเองด้วยเถอะนะคะ ท่านปู่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]