ตอน เล่ม 3 บทที่ 86.2 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
เล่ม 3 บทที่ 86.2 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เฟเรสที่กลับมาเป็นเหมือนปกติจึงเป็นฝ่ายถามคำถามเธอแทน
“ที่วันนี้อารมณ์ไม่ดี หรือจะเป็นเพราะเรื่องนี้”
“อื้อ พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”
“ผู้ชาย?”
เวสตินก็เป็นผู้ชายนี่เนอะ
เธอพยักหน้า
แต่เฟเรสก็ยังถามย้ำเป็นครั้งที่สอง
“…ผู้ชาย?”
โอ๊ย ก็บอกว่าใช่ไง ทำไมอีกล่ะ
เธอพยักหน้าอีกครั้ง
แต่บรรยากาศรอบตัวเฟเรสกลับแปลกไปมันให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก แต่ก็ให้ความรู้สึกร้อนเป็นไฟชอบกล กระทั่งสายลมที่พัดผ่านเข้ามาให้รู้สึกสดชื่นยังหยุดพัด บรรยากาศรอบด้านพลันหนักอึ้งขึ้นมา
“เทีย”
“หืม”
“มีคนรัก…เหรอ”
เด็กนี่พูดบ้าอะไรเนี่ย
“มีอะไรนะ”
“คนรัก”
“เปล่า ยังไม่มีสักหน่อย”
เธอเพิ่งจะอายุสิบเอ็ดเองนะ!
“งั้นที่พูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง”
“อ้อ ไม่ใช่ข้าหรอก คนรู้จักน่ะ”
ฟีเรนเทียหาข้ออ้างบอกไปคร่าวๆ เพราะเรื่องในตระกูลลอมบาร์เดียจะเอามาเล่าให้คนนอกฟังมันก็ยังไงๆ อยู่
“อา”
เฟเรสยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบหน้าลูบตา ก่อนที่จะยกนมขึ้นดื่มพรวดๆ
เธอมองเฟเรสที่ทำเช่นนั้นพลางถาม
“จะเห็นว่าตัวเองหล่อ เลยทำให้ผู้หญิงเจ็บปวดไม่ได้นะ เข้าใจใช่มั้ย เฟเรส”
สุดท้ายเฟเรสก็ดื่มนมจนหมดแก้ว เขาใช้หลังมือเช็ดปากลวกๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงบูดบึ้งเล็กน้อย
“ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องแบบนั้นก็ได้”
“รู้แล้วๆ ข้ารู้น่ะว่าเจ้าไม่ใช่คนเลวแบบนั้น”
ใช่ๆ
เอาไปเปรียบเทียบกับไอ้เวสตินนั่นไม่ได้หรอก
เธอรีบร้อนอธิบายก่อนที่เฟเรสจะเข้าใจผิด
“แต่…”
“แต่?”
“ข้าแค่แนะนำในฐานะเพื่อนเผื่อไว้น่ะ ก็ช่วงนี้เจ้าเล่นโตพรวดพราดเลย”
หากนึกถึงตอนที่พวกเราได้พบกันครั้งแรก เฟเรสเปลี่ยนไปมากเสียจนเชื่อได้ยากทีเดียวว่าเป็นเด็กคนเดียวกัน
จะบอกว่าตอนนี้เขาดูเป็นเจ้าชายเต็มตัวแล้วก็ได้
ไม่ได้เปลี่ยนไปแค่ส่วนสูงหรือรูปร่างหน้าตาเฉยๆ
“ที่งานเลี้ยงของร้านค้าเพลเลสครั้งนี้น่ะ ได้ยินคนพูดเกี่ยวกับเจ้าเยอะเลย”
เป็นเด็กแบบนี้ก็สะดวกดีเหมือนกัน
เทียบกับพวกผู้ใหญ่ในตระกูลลอมบาร์เดียที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนมอง เธอที่ยังเป็นเด็กอยู่ถือว่ามีอิสระกว่าเยอะ
เพราะอย่างนั้นถึงได้แอบฟังเวลาผู้คนจับกลุ่มคุยกันได้อย่างชัดเจน
สำหรับพวกชนชั้นสูง หัวข้อที่พวกเขามักจะสนทนากันอยู่บ่อยๆ ก็มีแต่เรื่องที่เกี่ยวกับอาสทาน่า หรือไม่ก็เฟเรส
“เพราะอาสทาน่าเองก็ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท คนส่วนใหญ่ก็เลยชื่นชอบเจ้ากันเยอะเหมือนกัน”
เธอถอนหายใจพร้อมกับพยักหน้ายอมรับอย่างว่าง่าย ก่อนจะพูดกับเฟเรส
“บางทีต่อไปก็คงจะเกิดเรื่องแบบนั้นบ่อยกว่าเดิม จนกว่าเจ้าจะยอมเดินทางไปยังอะคาเดมีด้วยตัวเองนั่นแหละ”
“แต่ข้าไม่อยากไปอะคาเดมี”
“อืม นั่นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าอยู่แล้ว ต่อให้เป็นจักรพรรดินีก็ไม่สามารถบังคับลากเจ้าไปอะคาเดมีได้หรอก”
มันเป็นกฎที่ตั้งขึ้นเพื่อขวางไม่ให้คนที่ถูกขับไสจากโครงสร้างของผู้สืบทอดตระกูล ต้องฝืนใจถูกบีบบังคับให้เข้าศึกษาที่อะคาเดมี
การเข้าศึกษาที่อะคาเดมีจะต้องขึ้นอยู่กับ ‘ความสมัครใจ’ ของเจ้าตัวเท่านั้น
หากไม่ใช่เพราะกฎที่ว่านั่น จักรพรรดินีก็คงจะโยนเฟเรสไปที่อะคาเดมีตั้งนานแล้ว
“เพราะฉะนั้นถึงได้พยายามเกลี้ยกล่อมเจ้าอย่างเต็มที่ยังไงล่ะ”
“….ถ้างั้นก็ช่างเถอะ”
เฟเรสตอบเสียงเรียบ
“เพราะตราบใดที่ไม่บังคับลากตัวข้าไป ข้าก็จะไม่มีวันเข้าศึกษาที่อะคาเดมีเด็ดขาด”
ท่าทางแข็งกร้าวไม่เหมือนเฟเรสเลยสักนิด
บทสนทนาของพวกเธอหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง
เฟเรสกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด ไม่รู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่
ฟีเรนเทียเองก็กำลังครุ่นคิดอยู่เหมือนกันว่าไม่มีวิธีอะไรดีๆ ที่จะช่วยให้เฟเรสมีกำลังใจมากขึ้นหน่อยเลยเหรอ แต่แล้วจู่ๆ ก็พลันนึกถึงของขวัญที่เธอเก็บไว้ในกระเป๋าขึ้นมาได้
มันเป็นของขวัญที่เธอตั้งใจเอามาให้เฟเรสโดยเฉพาะ
เธอหยิบกล่องสีดำใบเล็กขนาดเท่าฝ่ามือออกมาวางลงตรงหน้าเด็กหนุ่ม ก่อนจะยกนมขึ้นดื่มอย่างสงบ
“นี่…อะไรเหรอ”
เฟเรสถามด้วยความงุนงง
เธอตอบเหมือนมันไม่ได้สลักสำคัญอะไรนัก
“เอามาให้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...