โต๊ะและเก้าอี้ถูกจัดวางเพิ่มเข้ามาในบริเวณที่เธอกับเฟเรสนั่งอยู่กลายเป็นที่นั่งที่ทั้งน่ากระอักกระอ่วน ทั้งยังน่าอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
อาสทาน่ากับเฟเรสที่นั่งตรงข้ามกันต่างไม่แม้แต่จะเหลือบตามองกันและกัน ส่วนจักรพรรดิเองก็ไม่แม้แต่จะสนใจบรรยากาศน่าอึดอัดนั่น พระองค์เอาแต่นั่งดื่มชาด้วยท่าทางผ่อนคลายเสียเต็มประดา
ขอแค่ตัวเองสบายใจก็พอ ไม่คิดสนใจว่าคนอื่นจะเป็นเช่นไร
ช่างเป็นจักรพรรดิที่น่ารังเกียจเสียจริง
และเธอก็สบตากับอาสทาน่าอีกครั้ง
หมอนั่นทำไมถึงได้เอาแต่มองเธอแบบนั้นอยู่เรื่อยเนี่ย
เป็นเวลาน้ำชาที่น่าอึดอัดชะมัด
เฮ้อ อยากรีบกลับบ้านชะมัด
จักรพรรดิถามเธอที่กำลังเสียใจว่ารู้แบบนี้น่าจะอยู่แต่ในวังโฟอิรัคตั้งแต่แรก ไม่น่าออกมาข้างนอกนี่เลย
“ตอนนี้แคลอฮันก็กลับมาแข็งแรงดีแล้วใช่มั้ย”
“เพคะ โล่งอกที่ยาได้ผล ตอนนี้ก็กำลังฟื้นตัวได้อย่างดีโดยไม่มีอาการข้างเคียงเพคะ”
“เรื่องนั้นช่างน่าโล่งใจจริงๆ นะคะ”
จักรพรรดินีเองก็ร่วมวงสนทนาด้วย
โล่งใจบ้าอะไรล่ะ
ตัวเองคิดที่จะแย่งชิงกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูปของท่านพ่อไปแท้ๆ
“แล้วก็เจ้าชายลำดับที่สอง”
จักรพรรดินีกล่าวเรียกเฟเรส
“…พ่ะย่ะค่ะ จักรพรรดินี”
ทันทีที่เฟเรสตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ นางก็พูดพร้อมกับยกยิ้มเย่อหยิ่ง
“ต่อไปต้อนรับแขกที่วังโฟอิรัคน่าจะดีกว่านะคะ อย่างไรที่นั่นก็เป็นพื้นที่ของเจ้าชายลำดับที่สองไม่ใช่หรือคะ”
พูดง่ายๆ ก็คือ อย่าเที่ยวออกมาเดินเพ่นพ่านข้างนอก จงอยู่แต่ในวังโฟอิรัคเสีย
ไม่สิ ทำไมล่ะ
เจ้ากับอาสทาน่ายังออกมาเดินเล่นได้ปกติเลยนะ
ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะนั่งดื่มชาอยู่เงียบๆ แล้วจากไปโดยไม่พูดมากแล้วแท้ๆ
เธอตอบแทนเฟเรส
“เป็นความผิดของข้าเองเพคะ องค์จักรพรรดินี”
ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะแสร้งทำหน้าราวกับจะร้องไห้ไปด้วย
“ข้าอยากเห็นสวนนี่ก็เลยรบเร้าเจ้าชายลำดับที่สองเพคะ ขอพระองค์ทรงตำหนิหม่อมฉันแทนเถอะเพคะ”
จักรพรรดินีตื่นตกใจไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกระแอมไอ
“อะแฮ่ม เอาเถอะ ถ้าคุณหนูลอมบาร์เดียกล่าวเช่นนั้น ครั้งนี้ข้าจะยอมหลับตา…”
“ได้ยินว่าบริเวณนี้เป็นสถานที่ที่แขกผู้มาเยี่ยมพระราชวังสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ เป็นความผิดของข้าเองเพคะที่เข้าใจผิดเสียได้…ขอประทานอภัยเพคะ ฝ่าบาท”
เธอเล็งลูกศรเปลี่ยนเป้าหมายไปยังองค์จักรพรรดิแทนในทันที
อันที่จริงทุกคนต่างก็ทราบกันทั้งนั้นว่าสวนแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ไม่ว่าใครก็สามารถใช้งานได้อย่างอิสระ
ตอนนี้จักรพรรดินีกำลังเรียกร้องในสิ่งที่ไม่สมควร
ในสถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่องค์จักรพรรดิจะพูดออกมาย่อมถูกกำหนดเอาไว้อยู่แล้ว
“…เจ้าไม่ได้รู้มาผิดหรอก สวนแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระจริงๆ”
“จริงหรือเพคะ ถ้าอย่างนั้นทุกครั้งที่มายังพระราชวัง ข้าขอแวะมาเที่ยวชมบ้างเป็นครั้งคราวได้มั้ยเพคะ ฝ่าบาท”
จักรพรรดิเหลือบมองจักรพรรดินี ก่อนจะพยักหน้าลงอย่างเชื่องช้า
“ว้าว ดีใจจังเลยเพคะ!”
ในเมื่อจักรพรรดิบอกว่าไม่มีปัญหา จักรพรรดินีก็ไม่สามารถพูดโต้แย้งอะไรได้อีก
เธอจงใจยิ้มอย่างใสซื่อในขณะที่พูดกับเฟเรส
“โล่งอกไปทีเนอะเพคะ ต่อไปก็สามารถมาเที่ยวชมสวนนี่ได้แล้ว ว่ามั้ยเพคะเจ้าชาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...