สร้อยคอ?
มีใครทำสร้อยคอของชานาเนสหายอย่างนั้นเหรอ
หัวหน้าข้ารับใช้หญิงซึ่งไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้ในตอนนี้ นางทำงานรับใช้ในคฤหาสน์ลอมบาร์เดียมาได้หลายสิบปีแล้ว
นิสัยค่อนข้างเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ไม่น่าจะมีสีหน้าซีดเผือดขนาดนั้นเลยแท้ๆ
“หะ…หากลองสอบถามพวกเด็กๆ ที่เข้าไปทำความสะอาดห้องนอนเมื่อเช้าวันนี้…”
“ช่างเถอะ”
ชานาเนสพูดขึ้นทั้งๆ ที่ยังคงยืนหันหลังให้พวกนาง
น้ำเสียงราบเรียบไม่สูงไม่ต่ำ ราวกับมันเป็นเรื่องของคนอื่นแต่เสียงแผ่วเบานั่นก็ยังทำให้หัวหน้าข้ารับใช้ผวาเฮือกจนตัวเกร็ง
“ไม่ค่ะ ท่านชานาเนส ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด ข้าก็จะหาตัวคนร้าย…”
“เนลลี่”
ชานาเนสเรียกชื่อของหัวหน้าข้ารับใช้
“สร้อยคอน่ะ ข้าคงเป็นคนทำหายเอง”
“…คะ”
“พอมาลองคิดดูแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าสวมสร้อยคอเส้นนั้นออกไปข้างนอก สงสัยคงเผลอทำหายข้างนอกนั่นแน่ๆ เลย”
โกหก
ชานาเนสเก็บรักษาสร้อยคอเส้นนั้นที่เป็นของดูต่างหน้ามารดาของนางไว้อย่างหวงแหน
หากไม่ใช่วันพิเศษ นางย่อมไม่มีทางสวมสร้อยเส้นนั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ทุกคนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ ไม่ว่าใครต่างก็รู้ทั้งนั้น
หัวหน้าข้ารับใช้จึงไม่อาจนึกคำพูดที่สมควรพูดออกไปได้
“ตะ…แต่ว่า…”
“เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ทุกคนต้องลำบากเลย”
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะถูกปล่อยผ่านไปง่ายๆ
หากเป็นตระกูลชั้นสูงที่มีข้าวของล้ำค่าราคาแพงหูฉี่ที่เหล่าสามัญชนทั่วไปไม่อาจแม้แต่จะหาชมได้ ประดับอยู่ทั่วคฤหาสน์เหมือนอย่างตระกูลลอมบาร์เดีย พวกเขาจะต้องจัดการกับเรื่องนี้อย่างเข้มงวด
หากเกิดเหตุการณ์ที่ลูกจ้างกล้าแตะต้องข้าวของของนายจ้างแล้วละก็ พวกเขาจะรื้อค้นที่พักอาศัยของพวกคนงานในทันที
แต่หากทำเช่นนั้นแล้วยังหาของชิ้นนั้นไม่พบ พวกเขาก็จะลากตัวข้ารับใช้ที่น่าสงสัยออกมาสอบสวนให้สารภาพความจริง เป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำไปหากจะเกิดการทรมานเพื่อเค้นให้สารภาพ
บางทีหัวหน้าข้ารับใช้เองก็คงจะประเมินสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ นางถึงได้มีสีหน้าซีดเผือดขนาดนั้น
“เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่”
ชานาเนสถามเสียงเข้ม นางยังคงไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าให้อีกฝ่ายเห็นเหมือนเคย
“คะ…ค่ะ ท่านชานาเนส”
“ขะ…ขอบพระคุณค่ะ…! ”
ข้ารับใช้อีกคนที่เหมือนจะเป็นคนเข้าไปทำความสะอาดห้อง ตัวสั่นเทาเสียจนแทบจะทรงตัวไว้ไม่อยู่
“ออกไปได้”
หัวหน้าข้ารับใช้กับบรรดาลูกจ้างคนอื่นๆ พากันออกไปนอกห้องเมื่อได้ยินคำสั่งของชานาเนส
ฟีเรนเทียเองก็คิดอยู่ว่าควรจะออกไปด้วยดีมั้ยแต่ไม่รู้ทำไม เธอรู้สึกว่าการจะปล่อยชานาเนสทิ้งไว้คนเดียวในตอนนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
เสียงแกรกดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกปิดลง
ในวินาทีนั้นเอง
ร่างกายของชานาเนสที่ยืนตรงมาโดยตลอด ก็ทรุดตัวล้มฟุบลงไปในทันที
“…ฮึก!”
ภาพด้านหลังของชานาเนสที่ทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น ยกมือขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไห้ ช่างดูตัวเล็กเหลือเกิน
“ทะ…”
เครนีย์มองภาพตรงหน้า เด็กน้อยทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้ แต่เธอส่ายหน้า ไม่ยอมปล่อยมือเขา
“ท่านแม่…”
เพราะคิลลีวูกับเมโลนที่แอบดูสถานการณ์อยู่ในห้องได้เดินเข้าไปหาชานาเนสก่อนแล้ว
สองแฝดลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจับไหล่ของชานาเนสอย่างระมัดระวัง
ชานาเนสพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเมื่อเห็นบุตรชาย แต่มันไม่ง่ายเลย
“ฮึก…”
เครนีย์ที่ยังเล็กเพียงแค่เห็นภาพของชานาเนสกับพวกแฝด ก็เริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...