เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

สร้อยคอ?

มีใครทำสร้อยคอของชานาเนสหายอย่างนั้นเหรอ

หัวหน้าข้ารับใช้หญิงซึ่งไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้ในตอนนี้ นางทำงานรับใช้ในคฤหาสน์ลอมบาร์เดียมาได้หลายสิบปีแล้ว

นิสัยค่อนข้างเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ไม่น่าจะมีสีหน้าซีดเผือดขนาดนั้นเลยแท้ๆ

“หะ…หากลองสอบถามพวกเด็กๆ ที่เข้าไปทำความสะอาดห้องนอนเมื่อเช้าวันนี้…”

“ช่างเถอะ”

ชานาเนสพูดขึ้นทั้งๆ ที่ยังคงยืนหันหลังให้พวกนาง

น้ำเสียงราบเรียบไม่สูงไม่ต่ำ ราวกับมันเป็นเรื่องของคนอื่นแต่เสียงแผ่วเบานั่นก็ยังทำให้หัวหน้าข้ารับใช้ผวาเฮือกจนตัวเกร็ง

“ไม่ค่ะ ท่านชานาเนส ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด ข้าก็จะหาตัวคนร้าย…”

“เนลลี่”

ชานาเนสเรียกชื่อของหัวหน้าข้ารับใช้

“สร้อยคอน่ะ ข้าคงเป็นคนทำหายเอง”

“…คะ”

“พอมาลองคิดดูแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าสวมสร้อยคอเส้นนั้นออกไปข้างนอก สงสัยคงเผลอทำหายข้างนอกนั่นแน่ๆ เลย”

โกหก

ชานาเนสเก็บรักษาสร้อยคอเส้นนั้นที่เป็นของดูต่างหน้ามารดาของนางไว้อย่างหวงแหน

หากไม่ใช่วันพิเศษ นางย่อมไม่มีทางสวมสร้อยเส้นนั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ทุกคนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ ไม่ว่าใครต่างก็รู้ทั้งนั้น

หัวหน้าข้ารับใช้จึงไม่อาจนึกคำพูดที่สมควรพูดออกไปได้

“ตะ…แต่ว่า…”

“เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ทุกคนต้องลำบากเลย”

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะถูกปล่อยผ่านไปง่ายๆ

หากเป็นตระกูลชั้นสูงที่มีข้าวของล้ำค่าราคาแพงหูฉี่ที่เหล่าสามัญชนทั่วไปไม่อาจแม้แต่จะหาชมได้ ประดับอยู่ทั่วคฤหาสน์เหมือนอย่างตระกูลลอมบาร์เดีย พวกเขาจะต้องจัดการกับเรื่องนี้อย่างเข้มงวด

หากเกิดเหตุการณ์ที่ลูกจ้างกล้าแตะต้องข้าวของของนายจ้างแล้วละก็ พวกเขาจะรื้อค้นที่พักอาศัยของพวกคนงานในทันที

แต่หากทำเช่นนั้นแล้วยังหาของชิ้นนั้นไม่พบ พวกเขาก็จะลากตัวข้ารับใช้ที่น่าสงสัยออกมาสอบสวนให้สารภาพความจริง เป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำไปหากจะเกิดการทรมานเพื่อเค้นให้สารภาพ

บางทีหัวหน้าข้ารับใช้เองก็คงจะประเมินสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ นางถึงได้มีสีหน้าซีดเผือดขนาดนั้น

“เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่”

ชานาเนสถามเสียงเข้ม นางยังคงไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าให้อีกฝ่ายเห็นเหมือนเคย

“คะ…ค่ะ ท่านชานาเนส”

“ขะ…ขอบพระคุณค่ะ…! ”

ข้ารับใช้อีกคนที่เหมือนจะเป็นคนเข้าไปทำความสะอาดห้อง ตัวสั่นเทาเสียจนแทบจะทรงตัวไว้ไม่อยู่

“ออกไปได้”

หัวหน้าข้ารับใช้กับบรรดาลูกจ้างคนอื่นๆ พากันออกไปนอกห้องเมื่อได้ยินคำสั่งของชานาเนส

ฟีเรนเทียเองก็คิดอยู่ว่าควรจะออกไปด้วยดีมั้ยแต่ไม่รู้ทำไม เธอรู้สึกว่าการจะปล่อยชานาเนสทิ้งไว้คนเดียวในตอนนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

เสียงแกรกดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกปิดลง

ในวินาทีนั้นเอง

ร่างกายของชานาเนสที่ยืนตรงมาโดยตลอด ก็ทรุดตัวล้มฟุบลงไปในทันที

“…ฮึก!”

ภาพด้านหลังของชานาเนสที่ทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น ยกมือขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไห้ ช่างดูตัวเล็กเหลือเกิน

“ทะ…”

เครนีย์มองภาพตรงหน้า เด็กน้อยทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้ แต่เธอส่ายหน้า ไม่ยอมปล่อยมือเขา

“ท่านแม่…”

เพราะคิลลีวูกับเมโลนที่แอบดูสถานการณ์อยู่ในห้องได้เดินเข้าไปหาชานาเนสก่อนแล้ว

สองแฝดลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจับไหล่ของชานาเนสอย่างระมัดระวัง

ชานาเนสพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเมื่อเห็นบุตรชาย แต่มันไม่ง่ายเลย

“ฮึก…”

เครนีย์ที่ยังเล็กเพียงแค่เห็นภาพของชานาเนสกับพวกแฝด ก็เริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]