เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

แค่เฉพาะสัปดาห์นี้สัปดาห์เดียวฟีเรนเทียก็แวะมายังร้านขนมหวานคาราเมล อเวนิว เป็นครั้งที่สามแล้ว

วันนี้เป็นวันที่เครย์ลีบันนัดพบกับเวสตินอีกครั้ง ระหว่างที่รอเธอจึงตั้งใจแวะมากินของหวานแสนอร่อยเสียหน่อย

ฟีเรนเทียเชื่อว่าเครย์ลีบันจะต้องจัดการงานตามที่เธอสั่งได้ดีแน่นอน ฝีเท้าที่ย่างกรายเข้ามายังร้านขนมหวานจึงเบาโหยงไร้กังวล

เธอเลือกเค้กประมาณสองชิ้นขึ้นไปกินบนชั้นสอง ไม่ได้ซื้อกลับบ้านเฉยๆ เหมือนอย่างที่มักจะทำเป็นประจำในช่วงนี้

“อื้ม! อร่อยจัง!”

ใช้ส้อมตักเค้กชิ้นพูนขึ้นมายัดใส่ปากคำโต สัมผัสได้ถึงรสหอมหวานของเนื้อครีมอ่อนนุ่ม จนต้องกระทืบเท้าไปมาด้วยความปลื้มปริ่ม

เสียงแกรกดังขึ้นพร้อมกับจานใส่ขนมหวานอีกชิ้นถูกวางลงตรงหน้าเธอ เบ๊ต พนักงานร้านขนมฉีกยิ้มหวาน

“ดูเหมือนจะชอบเค้กของร้านเรามากจริงๆ นะครับเนี่ย”

“ก็มันอร่อยนี่คะ! อีกอย่างไม่รู้ทำไม พอมาที่นี่ถึงได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาน่ะค่ะ”

“สบายใจหรือครับ”

“ค่ะ! อืม รู้สึกเหมือนได้มายังที่หลบภัยของข้าที่ไม่มีใครรู้จักละมั้ง”

คำพูดของเธอทำให้การเคลื่อนไหวของเบ๊ตหยุดชะงักในทันที ก่อนที่เขาจะหันมาจ้องหน้าเธอนิ่ง

นัยน์ตาสีอำพันน่าพิศวงคู่นั้นให้ความรู้สึกแปลกพิลึก เหมือนกำลังมองอัญมณีชนิดหนึ่งอยู่จริงๆ

“แค่พูดเฉยๆ น่ะค่ะ”

เธอหลบสายตาคู่นั้น ขณะเดียวกันก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุย

“วันนี้รบกวนช่วยห่อขนมหวานที่พวกผู้ใหญ่น่าจะชอบให้สองกล่องทีนะคะ จะเอาไปเป็นของขวัญน่ะค่ะ”

“ของหวานที่พวกผู้ใหญ่ชอบ…”

เธอตั้งใจจะเอาไปให้ชานาเนสที่มีสีหน้าหม่นหมองลงเป็นอย่างมากหลังจากสร้อยคอหายไป

“กล่องหนึ่งช่วยส่งไปที่ร้านค้าเพลเลสทีนะคะ”

ส่วนทางนี้เป็นของขวัญสำหรับไวโอเล็ตกับเครย์ลีบันที่ช่วงนี้ขยันทำงานกันอย่างหนัก

“ครับ ทราบแล้วครับ รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวไปเอามาให้”

เบ๊ตพยักหน้าตอบรับอย่างสุภาพ ก่อนที่จะเดินกลับลงไปชั้นล่าง

เมื่อได้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง เธอก็ลองตักขนมหวานชิ้นใหม่ที่เบ๊ตเพิ่งเอามาวางให้เมื่อครู่ด้วยความเลื่อมใส

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

“คุณหนูตลกจังเลยนะ! ”

กลุ่มสาวๆ ที่นั่งอยู่อีกฝั่งของชั้นสองจู่ๆ ก็พลันระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น

เธอไม่ได้รู้สึกไม่พอใจพวกเขา

แค่หันไปมองเพราะจู่ๆ ก็มีเสียงดังเกิดขึ้นเท่านั้น

แต่แล้วก็พลันสบตาเข้ากับหนึ่งในนั้น

มาเรีย แพทโทรนกำลังหัวเราะโดยใช้พัดบังใบหน้าจนเหลือให้เห็นแต่นัยน์ตา

“โอ๊ย ทำเอาหมดอร่อยเลยจริงๆ”

ความรู้สึกสุขใจเหมือนได้ลอยขึ้นสวรรค์จนถึงเมื่อครู่นี้ เพียงชั่วพริบตามันก็หายวับไปในทันที

ทำไมต้องมาเจอหน้าผู้หญิงคนนี้ที่นี่ด้วยเนี่ย

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น มาเรีย แพทโทรนยังกระซิบกระซาบอะไรกับคนรอบๆ อยู่หลายคำ แล้วลุกเดินตรงมาทางนี้อีกด้วย

“จะมาทำไมเนี่ย ไม่ต้องมานะ…”

“สวัสดีค่ะ คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียใช่มั้ยคะ”

สุดท้ายก็มาชวนเธอคุยจนได้

“ค่ะ ใช่แล้วค่ะ”

แค่การที่เธออดกลั้นเอาไว้ได้ไม่ยื่นมือออกไปกระชากหัวผู้หญิงคนนี้ ปีนี้เธอก็สมควรจะได้รับรางวัลนักแสดงเด็กหน้าใหม่แล้วด้วยซ้ำ

เธอมีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าชิงเลยละ

“คะ…ครั้งก่อนเคยพบกันที่งานเลี้ยงของร้านค้าเพลเลส…”

ปฏิกิริยาตอบรับอันแสนเย็นชาของเธอทำให้มาเรีย แพทโทรนตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามฝืนยิ้ม แสร้งทำเป็นสนิทสนมกับเธอ

“แล้วไงคะ”

“โฮะโฮะ สำหรับเด็กตัวเล็กๆ งานเลี้ยงในวันนั้นคงจะสนุกจนเพลินเลยสินะคะ ดูจากที่จำข้าไม่ได้…วันนั้นข้ายังไปทักทายท่านเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียอยู่เลย…”

มาเรีย แพทโทรนจงใจพูดให้พวกคุณหนูคนอื่นที่เดินเข้ามาพร้อมกันได้ยิน นางยืดไหล่ขึ้นขณะที่พูด

“อ้อ เมื่อตอนนั้น…”

พอเห็นเธอทำท่าเหมือนจะนึกออก มาเรีย แพทโทรนก็ยกยิ้มด้วยสีหน้า ‘มันต้องอย่างนั้นสิ’

“ชนชั้นสูงปลายแถวที่ไม่รู้จักเจียมตัว แต่กลับเดินเข้ามาทักท่านปู่”

“หึ”

พวกสาวๆ ระเบิดหัวเราะเสียงดัง ทำเอาใบหน้าของมาเรีย แพทโทรนขึ้นสีแดงก่ำด้วยความอับอาย

โง่ชะมัด

นึกว่าจะไม่มีตามองแค่เรื่องผู้ชายเสียอีก แต่นี่ยังไม่รู้จักมองคนอื่นเขาเสียบ้าง

ทั้งๆ ที่มองแค่ปราดเดียวก็ควรจะรู้ได้แล้วว่าต่อให้เธอยังเด็กแค่ไหน ก็ไม่ใช่คนที่จะมาปฏิบัติตัวแบบโง่ๆ ใส่เช่นนี้ได้

คนที่มีไหวพริบย่ำแย่ขนาดนั้น เข้ามาอยู่ในสังคมชั้นสูงอันแสนโหดร้ายของเมืองหลวง มีแต่จะกลายเป็นตัวตลกให้คนเขาหัวเราะเยาะเปล่าๆ

พวกคุณหนูที่หัวเราะเยาะมาเรีย แพทโทรนเองก็เป็นชนชั้นสูงประเภทเดียวกันพอดีเสียด้วย

คนประเภทที่ชอบพาชนชั้นสูงปลายแถวจากแถบชนบทเตร็ดเตร่ไปทั่ว ให้กลายเป็นตัวตลกของผู้คนแต่แล้วในตอนที่เธอกวาดสายตาไล่มองมาเรีย แพทโทรนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าด้วยความเย็นชาเป็นครั้งสุดท้าย

สายตาของเธอก็เห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะอยู่ที่นี่

มองผิดไปอย่างนั้นหรือ

ฟีเรนเทียกะพริบตาปริบๆ แต่ของสิ่งนั้นก็ยังไม่หายไป

“สร้อยเส้นนั้น…”

มันไม่ได้มีการประดับตกแต่งอะไรเป็นพิเศษ แต่สร้อยคอเส้นนี้มีแซปไฟร์เม็ดกลมซึ่งมีความบริสุทธิ์สูง ทั้งยังมีคัตติ้งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

นั่นมันสร้อยคอของชานาเนสชัดๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]