เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 3

ฟีเรนเทียตกใจมากทีเดียว

เธอได้แต่เหม่อมองสร้อยที่สวมอยู่บนคอของมาเรีย แพทโทรน

สร้อยคอของชานาเนสทำไมไปอยู่ตรงนั้นเสียได้ล่ะ

ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

“สร้อยเส้นนั้นทำไมถึง…”

มาเรีย แพทโทรนใช้ปลายนิ้วลูบไล้สร้อยคอของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงพึมพำของเธอ

ดูท่านางคงจะเข้าใจสายตาของเธอที่มองสร้อยเส้นนั้นจนแทบทะลุเสียแล้วละมั้ง บนริมฝีปากถึงได้ปรากฏรอยยิ้มเย่อหยิ่งเหมือนคนที่อยู่เหนือชั้นกว่าแบบนั้น

“เป็นสร้อยคอที่สวยมากเลยใช่ไหมคะวันนี้ก็ได้รับความสนใจมากมาย ขนาดพวกคุณหนูท่านอื่นๆ ยังชมกันยกใหญ่เลยทีเดียวค่ะ”

“…เป็นสร้อยที่งดงามดีนะคะ”

ผู้คนที่อยู่ด้วยกันกับมาเรีย แพทโทรนต่างก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย แต่สร้อยคอเส้นนั้นเป็นของที่ดูใช้ได้พอควร พวกนางจึงได้แต่ยอมรับ

ที่จริงมันก็เป็นสร้อยคอที่ ‘เรียบง่าย’ เกินกว่าจะเป็นของของชานาเนส เกินกว่าจะเคยเป็นของของท่านหญิงแห่งลอมบาร์เดียอยู่เหมือนกันแต่คุณค่าของมันไม่อาจบอกได้ว่าเป็นเพียงแค่ของทั่วไป

และในสายตาของพวกชนชั้นสูงทั่วๆ ไป มันก็ยังคงเป็นสร้อยคอที่มีคุณภาพหรูพอจะจับสายตาของพวกนางไว้ได้

มันมีค่าเกินกว่าจะถูกสวมไว้บนคอของผู้หญิงอย่างมาเรีย แพทโทรน

“ได้สร้อยคอเส้นนั้นมาจากที่ไหนเหรอคะ”

ฟีเรนเทียได้แต่อดกลั้นทั้งๆ ที่อยากจะกระชากผมของผู้หญิงคนนี้มาเขย่าๆ กรีดเสียงร้องสั่งให้นางส่งสร้อยของชานาเนสกลับคืนมา

เพราะอย่างนั้นเสียงของเธอยามที่พูดออกไปจึงสั่นเล็กน้อย

“แหม สร้อยคอเส้นนี้ไม่ใช่ของที่จะใช้เงินทองหาซื้อมาได้หรอกนะคะ”

มาเรีย แพทโทรนยกมือขึ้นบดบังสร้อยคอ ทำท่าราวกับว่าเธอปรารถนาอยากได้ของของนางมากเสียเต็มประดา

หญิงสาวชั้นสูงที่ยืนอยู่ข้างกายมาเรียจึงถามเพื่อยืนยันให้แน่ใจ

“เห็นว่าคนสำคัญของคุณหนูแพทโทรนมอบให้เป็นของขวัญใช่มั้ยคะ”

“ค่ะ เมื่อไม่นานมานี้ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดข้าน่ะค่ะ”

ฟีเรนเทียแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง

เมื่อครู่นี้เธอได้ยินว่าอะไรนะ

ใครเป็นคนให้สร้อยเส้นนั้นนะ

“หมายความว่าคนรักของคุณหนูแพทโทรนเป็นคนให้สร้อยคอเส้นนี้เป็นของขวัญเหรอคะ”

“ค่ะ”

ไอ้บ้านั่น

เวสติน ไอ้สุนัขเวรตะไล!

ไอ้คนชั่วช้าโสโครก แม้แต่มอนสเตอร์หิวโหยที่อาศัยอยู่ในป่าลึกถ้าได้กินคนอย่างเจ้า คงถ่มน้ำลายแล้วสบถเพราะเกรงจะติดโรคร้ายเสียเปล่าๆ

กล้าที่จะขโมยของดูต่างหน้ามารดาของภริยาแล้วแอบเอามาให้กับชู้รักของตัวเองอย่างนั้นหรือ

คนเรามันต้องเลวขนาดไหนถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอกัน

“เขาบอกว่าเป็นของที่พิเศษมาก มันตกทอดส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นในตระกูลของเขาน่ะค่ะ”

ในวินาทีที่มรดกของท่านหญิงแห่งลอมบาร์เดียถูกช่วงชิงไปเป็นสมบัติของตระกูลชูลส์ฟีเรนเทียก็รู้สึกได้ว่าตัวเองโมโหมากจนแทบจะคุมสติเอาไว้ไม่อยู่

ดูจากท่าทางของมาเรีย แพทโทรนแล้ว ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะไม่รู้จริงๆ ว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของแบบไหน

ถ้าหากนางรู้ว่ามันเป็นของชานาเนสและเป็นของดูต่างหน้าของท่านย่า นางจะต้องไม่แสดงท่าทางแบบนี้ออกมาแน่ๆ

ต่อให้โง่แค่ไหน ต่อให้ไร้หัวคิดขนาดไหนก็ตามก็คงไม่กล้าสวมสร้อยคอเส้นนั้นเดินตรงเข้ามาโอ้อวดต่อหน้าเธอที่อาจจะมองสร้อยคอเส้นนี้ออกได้ในทันทีอยู่แล้ว

ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า เวสตินเองก็โกหกมาเรีย แพทโทรนเรื่องที่มาของสร้อยเส้นนี้สินะ

ในตอนนั้นเองมาเรีย แพทโทรนก็พูดเสียงขวยเขิน

“ตอนนี้มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ต้องอยู่ห่างไกลกันบ่อยๆ แต่เขาก็เป็นคนที่มอบของขวัญพิเศษแบบนี้ให้ เพื่อให้ข้าได้รู้สึกว่ายังคงได้รับความรักจากเขาอยู่น่ะค่ะ”

เสแสร้งหน้าด้านๆ

จะพูดก็พูดให้มันถูกหน่อยสิ

ไอ้สถานการณ์ที่ว่านั่นคือเวสตินเป็นชายที่แต่งงานแล้ว ทั้งยังมีบุตรอีกสองคน มันไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงแค่การนอกใจ

และในตอนนี้มาเรีย แพทโทรนก็พูดพล่ามเรื่องบ้าบอพวกนั้น โดยคิดแค่ว่าเธอไม่มีทางรู้เรื่องนางกับเวสตินแอบคบหาเป็นชู้กัน

ต่อหน้าเธอที่เป็นหลานสาวของชานาเนส

ต่อหน้าเธอที่เป็นลอมบาร์เดียที่พวกมันยักยอกเงินไป

ต่อหน้าเธอ ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียคนนี้

ใช่แล้ว

คนที่สมควรได้รับโทษ ไม่ได้มีเพียงแค่เวสตินเท่านั้น

ฟีเรนเทียครุ่นคิดหาวิธีที่จะจัดการนังผู้หญิงหน้าด้านนี่อยู่พอดี

วันนี้เป็นโอกาสที่เหมาะสมจริงๆ

พอวางแผนเสร็จเรียบร้อย โทสะที่พลุ่งพล่านสูงปรี๊ดในหัวก็พลันสงบลงราวกับโกหก

เธอยกแก้วน้ำผลไม้ที่ดื่มค้างไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาถือไว้ และสาดมันใส่ชุดของมาเรีย แพทโทรน

ไม่คิดที่จะแสร้งทำเป็นพลาด

เพราะแค่นี้ก็ต้องหักห้ามใจที่อยากจะสาดใส่ใบหน้าด้านๆ นั่นเสียเต็มประดา

“นะ…นี่ทำอะไร…”

มาเรีย แพทโทรนตื่นตระหนก นางจับชุดเดรสของตัวเองที่มีน้ำผลไม้ไหลหยดลงมา พยายามที่จะตำหนิเธอ

ทว่าเธอกลับเผยยิ้มกว้างแทน

“โอ๊ะ! พลาดไปหน่อย”

และก็เอ่ยข้อเสนอที่มาเรีย แพทโทรนไม่มีวันปฏิเสธได้อย่างเด็ดขาด

“ในเมื่อชุดสกปรกเพราะข้าบังเอิญหลุดมือ ข้าจะชดเชยให้เองค่ะ”

“รู้มั้ยว่าชุดนี้ราคาเท่าไหร่…! ”

“พรีเมียมเดรสจากร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน”

ปากของมาเรีย แพทโทรนที่เคยตำหนิด้วยความไม่พอใจถึงกับหุบลงในทันที

“ข้าจะชดใช้ด้วยพรีเมียมเดรส เพราะฉะนั้นไปที่ร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮันกันเถอะค่ะ”

“ถะ…ถ้าอย่างนั้นก็…”

ฟีเรนเทียเป็นฝ่ายลุกขึ้นจากที่นั่งก่อน ส่วนพวกคุณหนูท่านอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างก็ถามเธอเป็นเชิงขออนุญาต

“พวกเราไปด้วยได้มั้ยคะ”

เธอพยักหน้าตอบ

“ค่ะ ตามมาสิคะ”

ยิ่งมีพยานช่วยปล่อยข่าวลือมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีอยู่แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]