พอหันไปมองทางฝั่งต้นเสียง ก็พบว่าเบ๊ตกำลังสนทนากับใครบางคนด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
“ได้ยินแล้วไม่ใช่หรือไง ก็สั่งให้ย้ายร้านออกไปได้แล้วน่ะสิ จะอะไรได้อีกล่ะ”
ชายผอมแห้งวัยกลางคนดูจู้จี้มีสีหน้าเหมือนรำคาญที่จะสนทนาต่อเต็มทน
เขาเอาแต่แคะหูพลางเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะ
ในขณะเดียวกันนัยน์ตาของชายคนนั้นก็มองไปรอบๆ ภายในร้าน แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโลภ
“สัญญาถึงปีหน้าไม่ใช่หรือครับ! ตอนทำสัญญายังบอกอยู่เลยว่าจะให้เปิดร้านต่อไปได้เป็นสิบปีโดยไม่ต้องกังวล…”
“นั่นมันสัญญาที่ท่านพ่อของข้าพูดไว้ก่อนเสียชีวิตต่างหากล่ะ ข้าไม่เคยเห็นด้วยกับคำสัญญาพวกนั้นเสียหน่อย! ”
“แต่นี่มันเกินไป…”
เบ๊ตมักจะแย้มยิ้มขวยเขินอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขากลับซีดเผือด
“ข้าเพิ่งจะเปิดร้านมาได้ไม่ถึงสองปีเลยนะครับ แถมนี่ก็เพิ่งจะเริ่มเข้าที่เข้าทางจับตลาดได้ จู่ๆ มาทำแบบนี้จะให้ข้าทำเช่นไรล่ะครับ”
“อา ไม่รู้สิ ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของข้านี่นะ”
คนที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของตึกคนนี้ ไม่เคยคิดที่จะสนใจสถานการณ์ของเบ๊ตเลยแม้แต่น้อย
เธอคิดว่าชายคนนี้คงจะได้รับอาคารหลังนี้เป็นมรดก หลังจากที่บิดาเสียชีวิตละมั้ง เจ้าของคนใหม่คนนี้ถึงได้เอาแต่มองข้างในร้าน ทำตัวราวกับเป็นเจ้าของแบบนี้
“ท่านพ่อนี่ก็จริงๆ เลย ตึกดีๆ แบบนี้เอามาให้เช่าในราคาเหลือเชื่อแบบนี้ได้ยังไง…”
แม้พึมพำอยู่คนเดียว แต่มันเป็นเสียงพึมพำราวกับต้องการให้คนอื่นๆ ได้ยิน
ยิ่งเขาทำเช่นนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของเบ๊ตก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
แต่ดูว่าอย่างไรเขาก็คงจะยอมถอยไม่ได้ เบ๊ตจึงเดินเข้าไปคุยกับเจ้าของตึกอีกรอบ
“ข้าจะเพิ่มค่าเช่ารายเดือนให้นะครับ ช่วยคิดใหม่อีกครั้งเถอะนะครับ”
อย่าว่าแต่เจ้าของตึกจะยอมรับข้อเสนอของเบ๊ตเลย เขาถึงกับพ่นลมหายใจเสียงดังหึอย่างน่าทุเรศ แล้วกวาดสายตามองเบ๊ตตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าไปพลางในขณะที่พูดขึ้น
“เท่าที่ดูเจ้าก็อายุยังน้อยนะ จะมองว่าชีวิตคนเรามันราบรื่นไปได้สวยง่ายๆ มันไม่ได้หรอก”
“ระ…ราบรื่น…เหอะ”
เบ๊ตเสยผมที่ปรกหน้าไปข้างหลัง ได้แต่กลืนเสียงหัวเราะเยาะลงคอ
ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดออกไป แต่ก็ได้แต่อดกลั้นไม่อาจพูดออกไปได้
“ร้านขนมนี่มีชื่อเสียงมากเลยใช่มั้ยล่ะ ก็คิดอยู่ว่าเพราะอร่อยถึงได้ดังขนาดนั้นหรือยังไง แต่นี่ดูยังไงก็เป็นเพราะทำเลที่ตั้งดีสินะ”
ดูเหมือนคำพูดประโยคสุดท้ายของเจ้าของตึกจะทำให้ความอดทนของเบ๊ตถึงขีดสุดแล้วจริงๆ
“ตอนนี้ทางเรายังเปิดร้านอยู่ เอาไว้หลังหมดวันต่อสัญญารายเดือนค่อยมาคุยกันอีกครั้งก็แล้วกันครับ ข้าจะไปหาที่บ้านเองนะครับ”
“โอ๊ย ช่างเถอะ”
เจ้าของตึกยกมือข้างหนึ่งโบกไล่ด้วยความรำคาญ
“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความทั้งนั้นแหละ เตรียมตัวย้ายออกหลังหมดสัญญาเดือนนี้ก็พอ”
จากนั้นชายคนนั้นก็เดินออกไปจากร้าน
“เฮ้อ…”
เบ๊ตถอนหายใจเสียงดัง
ได้แต่ถอนหายใจแบบนั้นอยู่แล้วละ
ตอนนี้ร้านขนมคาราเมล อเวนิวเริ่มเป็นที่ติดปากผู้คน จึงเป็นช่วงเวลาที่เขาเพิ่งจะได้เงินส่วนที่ลงทุนกลับคืนมาแท้ๆ
จู่ๆ เจ้าของตึกก็โผล่มาสั่งให้ย้ายออก แน่นอนอยู่แล้วที่เขาจะรู้สึกหนักใจ
เบ๊ตขมวดคิ้วแน่นจนหน้าผากย่น เขาหมุนตัวหันหลังกลับมา จึงสบตาเข้ากับฟีเรนเทียพอดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...