การประชุมรวมตัวเหล่าสมาชิกสภาขุนนางที่นานๆ จะจัดขึ้นสักครั้งในวันนี้ค่อนข้างร้อนแรงมากทีเดียว
เพราะพวกเขานั่งมองหน้ากันและกัน แบ่งเป็นสองฝ่าย กำลังประชุมในหัวข้อที่หนักมากพอจะให้พวกเขาขึ้นเสียงสูงโต้เถียงกันเป็นไฟ
“การช่วยลดภาษีชั่วคราวให้กับพลเมืองที่อาศัยอยู่ในแถบแห้งแล้ง เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ! ”
“นั่นมันภาระของพวกประชาชนงั้นหรือ ภาระของชนชั้นสูงทางตะวันออกละสิ!”
เหล่าขุนนางซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของแต่ละฝ่ายสองคน ต่างก็ตะโกนขึ้นเสียงแข็งจนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนลำคอ
“พวกตะวันออกปีที่แล้วก็ได้รับการยกเว้นภาษีจากภัยแล้งแล้วไม่ใช่หรือไงกัน! ถ้าปีนี้ยังจะขอให้ทำเช่นนั้นอีก ก็โลภมากเกินไปแล้ว โลภ!”
“ปีนี้แล้งหนักกว่าปีก่อนอีกนะ ไม่อย่างนั้นจะให้ทำยังไงล่ะ!”
“พวกขุนนางตะวันออกก็ขายทรัพย์สินของตัวเอง หรือไม่ก็หาเงินเข้าสิ! ”
การโต้เถียงกินเวลาต่อไปสักพักอยู่แบบนั้น คราวนี้เป็นพวกขุนนางที่อาวุโสกว่าขุนนางชั้นนำเหล่านั้นเป็นฝ่ายออกหน้าบ้าง
“เพราะการยกเว้นภาษีของทางตะวันออก ท้องพระคลังถึงได้ร่อยหรอลงแบบนี้ ทางนั้นเองก็ไม่ใช่ไม่รู้ความจริงเรื่องนั้นไม่ใช่หรือไงกัน”
“เป็นเรื่องจริงอยู่หรอกที่เงินหลวงจะลดลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากถึงเพียงนั้นเสียหน่อยมันไม่ได้มากเท่ากับที่ทางตะวันออกต้องกรีดเลือดกรีดเนื้อเลยนะ”
“แต่ถ้าพวกขุนนางตะวันออกใช้ข้ออ้างเรื่องภัยแล้งแบบนี้อยู่เรื่อย เขตแดนอื่นก็ต้องลำบากเติมเต็มที่ว่างนั่นน่ะสิ แบบนี้พวกตะวันออกก็เห็นแก่ตัวกันเกินไปแล้ว เห็นแก่ตัว”
ท่ามกลางการโต้เถียงที่แต่ละคนต่างก็ขึ้นเสียงดังใส่กัน ลอมบาร์เดียกับอังเกนัสนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว
เจ้าตระกูลอังเกนัสนั่งฟังเสียงกระซิบกระซาบของผู้คนที่นั่งอยู่รอบตัว ส่วนรูลลักลอมบาร์เดียดูสงบนิ่งราวกับนั่งอยู่ในโลกส่วนตัว
พวกเขาเถียงกันอย่างดุเดือดเหมือนเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับความปลอดภัยของอาณาจักร แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงขนาดนั้น
ก็แค่เพราะภัยแล้งทางตะวันออก จะทำให้ปีนี้ต้องยกเว้นภาษีให้พวกนั้นหรือไม่
เรื่องทั้งหมดก็มีแค่นั้น
ความจริงแล้วในบรรดาสมาชิกสภาที่นั่งอยู่ในห้องนี้ มีเพียงขุนนางไม่กี่คนเท่านั้นที่มาจากตะวันออก
เหตุผลที่คนอื่นๆ ร่วมโต้เถียงด้วยความโมโหราวกับเป็นเรื่องของตัวเองเช่นนั้น มีเพียงเรื่องเดียว
ศักดิ์ศรี
มันก็เป็นแค่การต่อสู้ทางศักดิ์ศรีของพวกขุนนางที่แบ่งพรรคแบ่งฝ่ายระหว่างลอมบาร์เดียกับอังเกนัสเท่านั้นเอง
แต่แล้วในตอนที่สงครามน้ำลายอันแสนดุเดือดเริ่มเข้าสู่ภาวะสงบนิ่ง
เจ้าตระกูลอังเกนัสก็เปิดปากพูดขึ้นบ้าง
“หากมีเรื่องเกิดขึ้นแล้วต้องเว้นภาษีให้ทางตะวันออก จะให้ตระกูลที่คัดค้านไม่เห็นด้วยในที่นี้เพิ่มเงินจ่ายภาษีแทนไม่ได้เด็ดขาด แม้แต่เหรียญเดียวก็ห้าม”
“พูดอะไรแบบนั้นกัน…”
แน่นอนว่าถ้าหากภาษีของฝั่งหนึ่งถูกลดลง ภาระของฝ่ายที่เหลือย่อมเพิ่มสูงขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
การโจมตีของเจ้าตระกูลอังเกนัสที่นั่งนิ่งมาตลอด ก่อให้เกิดพายุลูกใหญ่พัดไปทั่วห้อง
แต่เจ้าตระกูลอังเกนัสก็ยอมรับคำพร่ำบ่นพวกนั้นอย่างเงียบสงบ
ในระหว่างนั้นเมื่อการโต้เถียงแผ่วเบาลง การโต้แย้งในเรื่องใหม่ก็จะถูกปลุกระดมขึ้นมา บรรยากาศจึงลุกโชนไปด้วยเปลวไฟไม่มีวันมอดดับต่อไปเช่นนั้น
‘ต้องยื้อเวลาดึงวาระประชุมเรื่องนี้ออกไปให้ได้นานที่สุด’
เฟรดริก อังเกนัสหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อ
เขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้ เพื่อให้วาระประชุมเรื่องถัดไปถูกเลื่อนไปถกเถียงกันในการประชุมครั้งหน้าแทนเพราะเรื่องทุกเรื่องจะยึดหลักการเสียงข้างมากในมติที่ประชุมสภาขุนนางเป็นตัวตัดสิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...