วันนี้เป็นวันที่นัดหมายไว้กับเบ๊ต
เธอออกเดินทางจากคฤหาสน์ลอมบาร์เดียยามบ่ายคล้อย เมื่อพระอาทิตย์เริ่มมืดสลัวก็จะเดินทางไปถึงคาราเมล อเวนิวพอดี
ร้านที่ผู้คนแวะเวียนกันมามากมายตลอดทั้งวันปิดไฟเงียบสนิท ไร้สัญญาณผู้คน
กริ๊ง
เธอเปิดประตูเข้าไป เสียงกระดิ่งที่ห้อยไว้ที่ประตูร้านส่งเสียงดังกังวานไปทั่วร้านค้าว่างเปล่า
พอเดินเข้าไปภายในร้านที่จัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ เบ๊ตก็เดินออกมาจากข้างในครัว
“สวัสดีค่ะ เบ๊ต”
“…”
แต่กลับไม่มีคำทักทายดังกลับมา
เบ๊ตเพียงแค่ช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งด้วยใบหน้านิ่ง
เป็นการกระทำที่หากเป็นชนชั้นสูงคนอื่นคงจะอารมณ์เสียมากพอตัว แต่เธอเพียงแค่ยักไหล่ไม่ยี่หระ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้น
แต่ในมือของเบ๊ตกลับว่างเปล่าเสียได้
“ไม่มีเอกสารอะไรเลยเหรอคะเนี่ย”
แค่ถามออกไปด้วยความอยากรู้เฉยๆ เท่านั้นเอง
เบ๊ตขมวดคิ้วจนหน้าผากย่น ดูเหมือนเธอจะเผลอทำให้เขารู้สึกเสียศักดิ์ศรีเข้าเสียแล้ว
“ข้ามีสมองมากพอที่จะเก็บข้อมูลเอาไว้ข้างในนี้ได้ครับ”
“อืม ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย…”
ให้ตายเถอะ พยศจริงๆ
แต่ยิ่งเขาเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกสนใจ
ถึงแม้จะสืบรู้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอไปมากมาย แต่เบ๊ตก็ยังไม่คิดที่จะประจบประแจงเธอแต่อย่างใด ภาพลักษณ์เช่นนี้ของเขาทำให้เธอถูกใจมากจริงๆ
“งั้นมาลองเริ่มกันเลยดีมั้ยคะ”
เธอปรบมือเสียงดังหนึ่งครั้งพลางพูดขึ้น
“ฮู่ว…”
เบ๊ตถอนหายใจเสียงแผ่ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตาเธอตรงๆ
“ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ปัจจุบันอายุ 11 ปี บุตรสาวคนเดียวของแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย ผู้เป็นบุตรชายคนที่สามของรูลลัก ลอมบาร์เดีย”
น้ำเสียงราบเรียบน่าเบื่อยามร่ายข้อมูลออกมานั้นราวกับเขาไม่ได้สืบเรื่องเกี่ยวกับตัวเธอที่นั่งอยู่ตรงหน้า แต่เป็นแค่เรื่องของใครสักคน
เหมือนกับวันนั้นที่เธอจ้างงานเขาเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับเฟเรส
“นอกจากเรื่องที่ชาติกำเนิดของมารดาเป็นเพียงคนเร่ร่อนจากแดนไกล ที่อยู่มาวันหนึ่งก็เดินทางเข้ามายังเขตแดนลอมบาร์เดีย ก็ไม่มีพื้นหลังในวัยเด็กอะไรเป็นพิเศษ ถึงแม้จะมีนิสัยทึ่มทื่อแตกต่างจากสายเลือดลอมบาร์เดียคนอื่นๆ ก็เถอะ”
ชั่วขณะ แววตาสีอำพันของเบ๊ตที่กำลังมองหน้าเธอเหมือนจะสว่างวาบเป็นประกายขึ้นมา
“เริ่มตั้งแต่ช่วงหลังวันเกิดอายุครบ 8 ขวบ ก็ได้รับการประเมินว่าเป็นอัจฉริยะของลอมบาร์เดีย ดูมีแววมากที่สุดในบรรดาทายาทรุ่น 3 และได้รับการชี้แนะจากเครย์ลีบัน เพลเลสซึ่งรับหน้าที่สอนหนังสือในตอนนั้นเป็นการส่วนตัว”
“อืม ใช่แล้วค่ะ”
ว่ากันตามตรง ข้อมูลจนถึงเรื่องนี้เธอไม่แปลกใจอะไรนัก
ข้อมูลระดับนี้แค่เค้นเอาจากลูกจ้างในลอมบาร์เดีย ไม่ว่าใครก็สามารถสืบรู้ได้ทั้งนั้นอยู่แล้ว
แน่นอนว่าผู้คนที่ทำงานในลอมบาร์เดียเป็นพวกปากหนัก การสืบข้อมูลคงจะไม่ง่ายนัก แต่ท่าทางเฉื่อยชาของเธอดูเหมือนจะไปกระตุ้นเบ๊ตเข้า
“และตั้งแต่ตอนนั้นฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียกับผู้คนรอบตัวก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าได้รับความรักจากเจ้าตระกูลอย่างรูลลักเป็นอย่างมาก ส่วนบิดาอย่างแคลอฮัน ลอมบาร์เดียเองก็เริ่มมีทิศทางการเดินที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง”
น้ำเสียงของเบ๊ตเริ่มกดต่ำลงเรื่อยๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...