ตอนที่ 130
ปริบ ปริบ
นัยน์ตาของคลังก์ เดวอนเจ้าของร่างสูงหนากะพริบอย่างเชื่องช้า
พรินท์ที่นั่งฟังบทสนทนาระหว่างเธอกับคลังก์ เดวอนอยู่ข้างๆ ก็ตกใจจนร่างกายแข็งทื่อ
“อ๊ะ…”
คลังก์ เดวอน ได้แต่อ้าปากค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนเสียงดังไปทางพรินท์
“น้ำ! พรินท์ ไปเอาน้ำมาที!”
“สักครู่นะครับ ท่านพี่!”
พรินท์เองก็เผลอตะโกนตอบกลับไปด้วยเสียงที่ดังไม่ต่างกัน เขารีบไปเทน้ำใส่แก้วใบใหญ่มาให้ผู้เป็นพี่ชาย
อึก อึก
คลังก์ เดวอนดื่มน้ำลงคอจนหมดแก้ว เขาใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำที่ไหลลงมาจากมุมปากอย่างลวกๆ ส่วนเธอก็นั่งมองภาพนั้นอยู่เงียบๆ ด้วยความผ่อนคลาย
“ตั้งสติ…ได้แล้วครับ คราวนี้ก็มาคุยกันเถอะครับ คุณหนู”
แววตาของคลังก์ เดวอนเปลี่ยนกลับมาจริงจังเหมือนปกติแล้ว
“ข้าคิดมาตลอดเลยค่ะว่า ศักยภาพด้านการคมนาคมของลอมบาร์เดียนั้นสูงมาก และการที่ศักยภาพที่ว่านั่นไม่อาจเปล่งประกายได้อย่างเหมาะสม ข้าคิดว่ามันน่าเสียดายมากจริงๆ ค่ะ”
“…ขอบคุณครับ”
ความซาบซึ้งใจและความรู้สึกเขินอายที่ได้รับคำชมพาดผ่านขึ้นมาบนใบหน้าของคลังก์ เดวอน
คงจะนึกถึงเสียงร้องคร่ำครวญที่ตัวเองพูดไปเรื่อยจนถึงเมื่อครู่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นั่นแหละ
“ไม่มีอะไรต้องอายหรอกค่ะ หากไม่ได้รับการยอมรับอย่างเหมาะสมทั้งๆ ที่พยายามทำงานอย่างหนัก ไม่ว่าใครก็ต้องเศร้าหรือโกรธเคืองกันทั้งนั้นอยู่แล้วนี่คะ”
คำพูดของเธอทำให้คลังก์ เดวอนมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า
“ทำไมมองแบบนั้นล่ะคะ”
“คุณหนูเติบโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…”
พอเห็นว่าเธอมองเขาโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษ คลังก์ เดวอนก็โค้งศีรษะลง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“ขออภัยครับ ข้าเสียมารยาทแล้ว คุณหนู”
“ไม่หรอกค่ะ ตอนนี้ข้ากำลังเสนอธุรกิจให้กับเจ้าตระกูลเดวอน เพราะฉะนั้นก็เป็นไปได้อยู่แล้วละค่ะที่จะคิดเรื่องอายุของข้า ไม่สิ ต้องใส่ใจเรื่องนั้นอยู่แล้วนี่คะ”
“…ขอบคุณที่เข้าใจครับ”
“แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าการันตีได้ก็คือ ในบรรดาคนที่ใช้สกุลลอมบาร์เดีย ไม่มีใครเข้าใจข้อได้เปรียบของกิจการคมนาคมของตระกูลเดวอนได้ดีกว่าข้าคนนี้อีกแล้วค่ะ”
คลังก์ เดวอนพยักหน้าลงเงียบๆ ให้กับคำพูดของเธอ
และเอ่ยถามขึ้น
“เช่นนั้นหมายความว่าจะใช้อำนาจในฐานะทายาทของเจ้าตระกูลใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ แต่ถ้าหากเจ้าตระกูลเดวอนไม่ต้องการ ข้าก็ไม่คิดจะบีบบังคับกันโดยใช้ฐานะของทายาทหรอกนะคะ”
“เหตุใดถึงได้ยอมเลือกหนทางลำบากเช่นนั้นล่ะครับ”
“เพราะว่า…ข้ายังมีวิธีอีกมากมายที่จะช่วยพัฒนาลอมบาร์เดียค่ะ และข้าก็ไม่ใช่คนที่ใจดีขนาดจะช่วยทำให้คนที่ปฏิเสธไม่อยากทำ ได้ประสบความสำเร็จไปพร้อมกันด้วยหรอกนะคะ ข้าน่ะ”
“ฮ่าฮ่า…”
คลังก์ เดวอนหัวเราะ
มันเป็นเสียงหัวเราะที่ผ่อนคลายจากความตึงเครียดและมีความตื่นเต้นเข้ามาแทนที่
“เช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนขอให้ช่วยอธิบายแล้วละครับ”
คลังก์ เดวอนกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะส่งสายตาให้พรินท์ตอนนี้คลังก์ เดวอนไม่ใช่พี่ชายของพรินท์ แต่เป็นเจ้าตระกูลเดวอนพรินท์จึงพาลอรีลกับเมริลลีนออกไปจากห้องรับรองที่นี่จึงเหลือเพียงแค่เธอและคลังก์เดวอนสองคนเท่านั้น
เธอเปิดปากพูดขึ้นต่อหน้าเจ้าตระกูลเดวอนที่กำลังมองมาด้วยนัยน์ตาจริงจัง
“อันที่จริงก็ไม่ใช่กิจการที่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายขนาดนั้นหรอกค่ะ เพียงแค่สิ่งที่ตระกูลเดวอนครอบครองอยู่ในปัจจุบัน ก็มากพอแล้วที่จะจัดการงานที่ว่าได้ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครคิดถึงมันเท่านั้นเอง”
“เปลี่ยนมุมมองความคิดหรือ…”
“ในขณะเดียวกันมันก็เป็นงานที่มีแต่พวกเราลอมบาร์เดียเท่านั้น ที่จะสามารถทำได้ละมั้งคะ”
ความคาดหวังปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของคลังก์ เดวอน
“ลองจินตนาการดูนะคะ”
เธอเอ่ยเสียงแผ่ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...