เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

ตอนที่ 130

ปริบ ปริบ

นัยน์ตาของคลังก์ เดวอนเจ้าของร่างสูงหนากะพริบอย่างเชื่องช้า

พรินท์ที่นั่งฟังบทสนทนาระหว่างเธอกับคลังก์ เดวอนอยู่ข้างๆ ก็ตกใจจนร่างกายแข็งทื่อ

“อ๊ะ…”

คลังก์ เดวอน ได้แต่อ้าปากค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนเสียงดังไปทางพรินท์

“น้ำ! พรินท์ ไปเอาน้ำมาที!”

“สักครู่นะครับ ท่านพี่!”

พรินท์เองก็เผลอตะโกนตอบกลับไปด้วยเสียงที่ดังไม่ต่างกัน เขารีบไปเทน้ำใส่แก้วใบใหญ่มาให้ผู้เป็นพี่ชาย

อึก อึก

คลังก์ เดวอนดื่มน้ำลงคอจนหมดแก้ว เขาใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำที่ไหลลงมาจากมุมปากอย่างลวกๆ ส่วนเธอก็นั่งมองภาพนั้นอยู่เงียบๆ ด้วยความผ่อนคลาย

“ตั้งสติ…ได้แล้วครับ คราวนี้ก็มาคุยกันเถอะครับ คุณหนู”

แววตาของคลังก์ เดวอนเปลี่ยนกลับมาจริงจังเหมือนปกติแล้ว

“ข้าคิดมาตลอดเลยค่ะว่า ศักยภาพด้านการคมนาคมของลอมบาร์เดียนั้นสูงมาก และการที่ศักยภาพที่ว่านั่นไม่อาจเปล่งประกายได้อย่างเหมาะสม ข้าคิดว่ามันน่าเสียดายมากจริงๆ ค่ะ”

“…ขอบคุณครับ”

ความซาบซึ้งใจและความรู้สึกเขินอายที่ได้รับคำชมพาดผ่านขึ้นมาบนใบหน้าของคลังก์ เดวอน

คงจะนึกถึงเสียงร้องคร่ำครวญที่ตัวเองพูดไปเรื่อยจนถึงเมื่อครู่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นั่นแหละ

“ไม่มีอะไรต้องอายหรอกค่ะ หากไม่ได้รับการยอมรับอย่างเหมาะสมทั้งๆ ที่พยายามทำงานอย่างหนัก ไม่ว่าใครก็ต้องเศร้าหรือโกรธเคืองกันทั้งนั้นอยู่แล้วนี่คะ”

คำพูดของเธอทำให้คลังก์ เดวอนมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า

“ทำไมมองแบบนั้นล่ะคะ”

“คุณหนูเติบโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…”

พอเห็นว่าเธอมองเขาโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษ คลังก์ เดวอนก็โค้งศีรษะลง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ขออภัยครับ ข้าเสียมารยาทแล้ว คุณหนู”

“ไม่หรอกค่ะ ตอนนี้ข้ากำลังเสนอธุรกิจให้กับเจ้าตระกูลเดวอน เพราะฉะนั้นก็เป็นไปได้อยู่แล้วละค่ะที่จะคิดเรื่องอายุของข้า ไม่สิ ต้องใส่ใจเรื่องนั้นอยู่แล้วนี่คะ”

“…ขอบคุณที่เข้าใจครับ”

“แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าการันตีได้ก็คือ ในบรรดาคนที่ใช้สกุลลอมบาร์เดีย ไม่มีใครเข้าใจข้อได้เปรียบของกิจการคมนาคมของตระกูลเดวอนได้ดีกว่าข้าคนนี้อีกแล้วค่ะ”

คลังก์ เดวอนพยักหน้าลงเงียบๆ ให้กับคำพูดของเธอ

และเอ่ยถามขึ้น

“เช่นนั้นหมายความว่าจะใช้อำนาจในฐานะทายาทของเจ้าตระกูลใช่มั้ยครับ”

“ค่ะ แต่ถ้าหากเจ้าตระกูลเดวอนไม่ต้องการ ข้าก็ไม่คิดจะบีบบังคับกันโดยใช้ฐานะของทายาทหรอกนะคะ”

“เหตุใดถึงได้ยอมเลือกหนทางลำบากเช่นนั้นล่ะครับ”

“เพราะว่า…ข้ายังมีวิธีอีกมากมายที่จะช่วยพัฒนาลอมบาร์เดียค่ะ และข้าก็ไม่ใช่คนที่ใจดีขนาดจะช่วยทำให้คนที่ปฏิเสธไม่อยากทำ ได้ประสบความสำเร็จไปพร้อมกันด้วยหรอกนะคะ ข้าน่ะ”

“ฮ่าฮ่า…”

คลังก์ เดวอนหัวเราะ

มันเป็นเสียงหัวเราะที่ผ่อนคลายจากความตึงเครียดและมีความตื่นเต้นเข้ามาแทนที่

“เช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนขอให้ช่วยอธิบายแล้วละครับ”

คลังก์ เดวอนกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะส่งสายตาให้พรินท์ตอนนี้คลังก์ เดวอนไม่ใช่พี่ชายของพรินท์ แต่เป็นเจ้าตระกูลเดวอนพรินท์จึงพาลอรีลกับเมริลลีนออกไปจากห้องรับรองที่นี่จึงเหลือเพียงแค่เธอและคลังก์เดวอนสองคนเท่านั้น

เธอเปิดปากพูดขึ้นต่อหน้าเจ้าตระกูลเดวอนที่กำลังมองมาด้วยนัยน์ตาจริงจัง

“อันที่จริงก็ไม่ใช่กิจการที่เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายขนาดนั้นหรอกค่ะ เพียงแค่สิ่งที่ตระกูลเดวอนครอบครองอยู่ในปัจจุบัน ก็มากพอแล้วที่จะจัดการงานที่ว่าได้ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครคิดถึงมันเท่านั้นเอง”

“เปลี่ยนมุมมองความคิดหรือ…”

“ในขณะเดียวกันมันก็เป็นงานที่มีแต่พวกเราลอมบาร์เดียเท่านั้น ที่จะสามารถทำได้ละมั้งคะ”

ความคาดหวังปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของคลังก์ เดวอน

“ลองจินตนาการดูนะคะ”

เธอเอ่ยเสียงแผ่ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]