งานเลี้ยงมื้ออาหารถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่วังของจักรพรรดินี
ลอนเชนต์ ไอบัน ผู้เป็นแขกในวันนี้ เขาคือบุตรชายของเจ้าตระกูลไอบัน หรือก็คือตัวแทนของตระกูลนั่นเอง
ห้องครัวประจำวังจักรพรรดินีวุ่นวายกันตลอดทั้งวัน เพื่อจัดเตรียมงานเลี้ยงมื้ออาหารที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเมนูอาหารหลากหลายอย่างที่ลอนเชนต์ชื่นชอบ
ลอนเชนต์พยักหน้าลงสองสามครั้งด้วยความพอใจ ก่อนจะกล่าวทักทายผู้คนที่กำลังรอตนอยู่
“องค์จักรพรรดินี เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง ขอบพระทัยที่เชิญกระหม่อมมาพ่ะย่ะค่ะ”
อาสทาน่ายังคงเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง ส่วนจักรพรรดินีนั้นยิ้มกว้างต้อนรับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
“ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันเดินทางมาถึงเมืองหลวงทั้งที ทางวังจะไม่ดูแลแล้วส่งตัวกลับไปเฉยๆ ได้ยังไงกันล่ะคะ”
ลอนเชนต์มาเป็นตัวแทนของเจ้าตระกูลไอบัน ผู้ซึ่งแก่ชรามากแล้วจึงไม่สะดวกที่จะเดินทางไปกลับระหว่างเขตแดนไอบันกับเมืองหลวงเสียเท่าไหร่
คำว่า ‘ตัวแทนเจ้าตระกูล’ มันช่างถูกหูเขาจริงๆ
ลอนเชนต์กล่าวทักทายบุคคลที่นั่งตัวลีบจนแทบจะไร้ตัวตนอยู่เงียบๆ ในมุมหนึ่งด้วยเช่นกัน
“ท่านเจ้าตระกูลอังเกนัส ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ”
“นั่นสิ ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ”
เรื่องที่เฟรดริก อังเกนัส เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดของจักรพรรดินี เป็นความจริงที่ชนชั้นสูงในอาณาจักรต่างก็ทราบกันทั้งนั้น
คนที่ลอนเชนต์ต้องใส่ในใจวันนี้ ไม่ใช่ทั้งเจ้าตระกูลอังเกนัสที่ทำตัวเช่นนั้น และไม่ใช่เจ้าชายลำดับที่หนึ่งที่เอาแต่นั่งปิดปากเงียบ
“เชิญนั่งตามสบายค่ะ”
คนที่มีอำนาจมากที่สุดบนโต๊ะอาหารมื้อนี้คือ จักรพรรดินีราวีนี่
ลอนเชนต์ส่งยิ้มด้วยความสุภาพและเปี่ยมมารยาทไปทางจักรพรรดินี ก่อนจะเริ่มลงมือรับประทานอาหาร
และเมื่อมื้ออาหารกำลังจะจบลง จักรพรรดินีราวีนี่เหลือบมองลอนเชนต์ที่อารมณ์ดีจากอาหารรสเลิศถูกปาก นางใช้ผ้าเช็ดปากก่อนจะเปิดปากพูดขึ้น
“อีกไม่นานเจ้าชายลำดับที่หนึ่งกับสหายคนสนิทจะเดินทางไปล่าสัตว์ทางเหนือแล้ว ระหว่างทริปพวกเขาอยากจะแวะไปเยือนที่ตระกูลไอบันหน่อยน่ะค่ะ”
“โอ้ อย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“…พอดีได้ยินเรื่องล่าหมาป่า ไม่มีที่ไหนดีเท่าเขตแดนไอบันแล้วน่ะครับ”
อาสทาน่าตอบออกไปตามที่จักรพรรดินีสั่งให้เขาพูดก่อนที่งานเลี้ยงมื้ออาหารนี่จะเริ่มขึ้น แล้วจึงยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
พฤติกรรมของมารดาที่ทำเหมือนกับเขายังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่นางจะยัดเยียดอะไรใส่มือก็ได้นั้น ตอนนี้เขาเบื่อมันเต็มทนแล้ว
“ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ เพราะหมาป่าเขตเหนือทั้งร่างกายใหญ่โต ทั้งยังว่องไวเป็นอย่างมาก ทำให้การล่าได้อารมณ์ทีเดียว ประตูของเขตแดนไอบันเปิดรอต้อนรับเจ้าชายลำดับที่หนึ่งเสมอพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
จักรพรรดินีมองภาพตรงหน้าด้วยความพอใจ ก่อนจะเอ่ยกับอาสทาน่าเสียงอ่อนโยน
“ตระกูลไอบันเป็นตระกูลที่สูงส่ง ทั้งยังแข็งแกร่ง คอยช่วยปกป้องเขตแดนทางเหนือของอาณาจักรเราเอาไว้ อย่าลืมจุดนั้นเชียวนะคะ เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง”
“…พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”
“และตระกูลไอบันก็ยังเป็นตระกูลที่มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับอังเกนัสของพวกเราอีกด้วย ที่ข้าพูดถูกมั้ยคะ ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบัน”
“แน่นอนอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”
แผนการพัฒนาเขตแดนภาคตะวันตกที่ทางตระกูลอังเกนัสเป็นแกนนำในการผลักดันช่วงหลังมานี่ ตระกูลไอบันของลอนเชนต์เองก็มีส่วนให้ความช่วยเหลืออยู่มากเช่นกัน
ในขณะที่เขารู้สึกไม่ปลอดภัย เนื่องจากน้องชายที่อายุห่างกันเพียงแค่หนึ่งปีกำลังไล่ตามเขามาเรื่อยๆ นั่น ลอนเชนต์สามารถนำหน้าอีกฝ่ายในการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้สืบทอดได้ ก็เพราะสัญญาที่ตกลงเอาไว้กับตระกูลอังเกนัสทั้งสิ้น
“ไหนๆ วันนี้ก็อยู่กันพร้อมหน้ากันเช่นนี้แล้ว ข้ามีเรื่องอยากจะขอไหว้วานสักเรื่องค่ะ ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบัน”
ในที่สุดเรื่องที่ต้องพูดคุยก็มาถึงจนได้สินะ
เมื่อได้เห็นสีหน้าของจักรพรรดินีที่เปิดฉากพูดธุระสำคัญออกมา ลอนเชนต์ก็เอ่ยตอบกลับไปโดยเก็บความรู้สึกกังวลเอาไว้ในใจ
“เชิญตรัสได้เลยพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”
“การพัฒนาทางตะวันตกจำเป็นต้องดำเนินการให้เสร็จเร็วยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนว่าไม้ที่ทางตระกูลไอบันส่งมาให้จะมีปริมาณไม่เพียงพอค่ะ”
จักรพรรดินีตั้งใจจะยกระดับภาคตะวันตกให้สูงยิ่งขึ้น โดยพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อการนั้นนางจำเป็นต้องสร้างคฤหาสน์ชั้นยอดและถนนหนทางที่จัดการปูพื้นอย่างดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...