ตอนที่ 131
หลายวันต่อมา ณ สำนักงานของร้านค้าเพลเลส
เครย์ลีบันที่นั่งรายงานเรื่องต่างๆ ของร้านค้าให้เธอฟัง จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล
“ในบรรดาตระกูลใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดีย ตอนนี้ก็พูดกันไปมากมายเกี่ยวกับกิจการไปรษณีย์แล้วครับ ท่านฟีเรนเทีย”
“ทราบค่ะ มันเป็นการพลิกโฉมสุดๆ เลยนี่คะ”
ถึงขนาดที่ทั้งลาลาเน่ เครนีย์ และสองแฝดที่ได้ยินข่าว ต่างก็วิ่งมาถามเธอว่าข่าวลือนั่นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าเลยทีเดียว
“เรียกได้ว่าภายใต้การใช้สิทธิ์ของทายาทเจ้าตระกูลจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีใครเคยเป็นประเด็นร้อนแรงแบบนี้มาก่อนเลยละครับ”
“ก็คงเป็นเพราะข้ายังเด็กนั่นแหละค่ะ แต่ก็นะ นอกจากนี้อาจจะมีเหตุผลอื่นอีกก็ได้”
เธอยักไหล่ไม่ยี่หระกับคำพูดของเครย์ลีบัน เอ่ยตอบอย่างเอื่อยเฉื่อยไม่สนใจอะไรนัก
“ตอนนี้ยิ่งผู้คนพูดถึงกิจการคราวนี้มากเท่าไหร่ สิ่งที่จะได้รับหลังจากประสบความสำเร็จย่อมมากตามไปด้วยค่ะ ข้าเลยไม่ได้สนใจอะไรมาก”
ท่าทางผ่อนคลายเกินควรของเธอ ทำให้สุดท้ายเครย์ลีบันก็ยอมพยักหน้าโอนอ่อนตาม ก่อนจะข้ามไปยังประเด็นถัดไป
“ทางตระกูลอังเกนัสติดต่อเข้ามาครับ พวกเขาบอกว่าอยากจะขอซื้อต้นทรีบ้าที่พวกเราครอบครองอยู่”
“คงตั้งใจจะเร่งการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวภาคตะวันตกนั่นแหละค่ะ แค่จำนวนที่ทางตระกูลไอบันมอบให้ พวกนั้นต้องไม่พอใจอยู่แล้ว”
“ดูเหมือนพวกเขาจะกังวลมากเสียจนทำการสืบหมดแล้วละครับ ว่านอกจากที่ทางเราส่งไปยังเขตแดนเชซายูแล้ว ก็ยังเหลือไม้ทรีบ้าอีกเป็นจำนวนมาก”
“ใช่แล้วค่ะ ถึงแม้จะมีเงินทุนอยู่มาก แต่หากไม่มีวัสดุก็ไม่อาจเร่งการก่อสร้างได้นี่คะ”
“ต่อให้ขายราคาแพง พวกเขาก็คงจะยอมจ่ายเงินซื้อนะครับ”
“ใช่ค่ะ แต่พวกเราจะไม่ขายต้นทรีบ้าให้หรอกค่ะ”
คราวนี้เครย์ลีบันเองก็ตกใจอยู่บ้างเล็กน้อย
ทั้งๆ ที่มีคนติดต่อเข้ามาขอซื้อไม่ว่าจะขายราคาแพงแค่ไหนก็ตาม แต่เธอกลับไม่ยอมขายไม้ทรีบ้าที่กว้านซื้อเก็บไว้ เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เข้าใจ
เครย์ลีบันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างระมัดระวัง
“แต่ตระกูลไอบันก็ยังคงส่งไม้ให้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะอยู่แล้ว ส่วนกลุ่มการค้าโมนัคเองก็ครอบครองต้นทรีบ้าเป็นจำนวนมากแล้วไม่ใช่หรือครับ แบบนี้ต่อไปยังไงก็ต้องเป็นไปตามแผนการของอังเกนัส…”
“กลุ่มการค้าโมนัคน่ะ ต่อให้เฟเรสขายไม้ที่มีอยู่ทั้งหมดให้พวกอังเกนัส มันก็ยังไม่เพียงพอหรอกค่ะสุดท้ายพวกเขาก็คงจะเอาแต่ติดต่อพวกเราไม่ยอมเลิกรา เพราะตอนนี้จักรพรรดินีร้อนใจมากยังไงล่ะคะ”
และนั่นก็คือข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดของจักรพรรดินีราวีนี่
หากเป็นเมื่อชีวิตก่อน มันก็เป็นเพียงแค่การพัฒนาที่ยังอยู่ในระดับรากฐานเท่านั้น
เพราะพวกเขาไม่ได้รีบร้อนอะไรขนาดนั้น ต่อให้มี ‘เรื่องนั้น’ เกิดขึ้น ก็ยังสามารถสร้างแหล่งท่องเที่ยวได้เสร็จสมบูรณ์แต่หากคราวนี้รีบร้อนด่วนจัดการมันอย่างไม่ระมัดระวังให้ดีละก็…
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เครย์ลีบัน ต่อไปในอนาคตอังเกนัสก็จะยังคงเป็นเขตแดนที่มีผืนดินย่ำแย่ที่สุดในอาณาจักรเหมือนเดิมค่ะและจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกพักใหญ่เลยละค่ะ”
* * *
หลังจากประชุมกับเครย์ลีบันเสร็จ เธอก็มุ่งหน้ากลับมาที่คฤหาสน์ฤดูใบไม้ผลิผ่านพ้นไป ตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว อากาศจึงร้อนขึ้นเรื่อยๆ เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อและเดินตรงไปยังปีกคฤหาสน์
บรรยากาศของคฤหาสน์ดูวุ่นวายชอบกลข้ารับใช้หญิงสองคนกึ่งเดินกึ่งวิ่งผ่านหน้าเธอไป พวกนางโค้งศีรษะให้เธอเล็กน้อย แล้วเริ่มต้นวิ่งอีกครั้ง
ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็ตะโกนเรียกเธอเสียงดังจากไกลๆ เครนีย์กำลังวิ่งตรงมาหาเธอ
“ท่านพี่! ท่านพี่ฟีเรนเทีย!”
ดูเหมือนที่ผ่านมาจะสูงขึ้นอีกหรือเปล่าเนี่ย
พอเด็กหนุ่มตัวสูงเก้งก้างเหมือนต้นไม้วิ่งเสียงดังตึงตัง ฝุ่นก็ลอยคลุ้งตลบไปหมด
“มีเรื่องอะไรเหรอ เครนีย์”
“แฮกแฮก ไปไหนมาตั้งแต่เช้าครับเนี่ย!ไม่สิ ตอนนี้เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ…ฮู่ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...