ตอนที่ 132
เบเจอร์เป็นฝ่ายกระทืบเท้าเสียงดังตึงตังเดินเข้าไปด้านในห้องก่อน
ตุบ
ท่าทางยามกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงกลางเสียงดังราวกับจงใจนั่น ทำให้ชานาเนสได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความเอือมระอา
เก้าอี้ถูกจัดเตรียมไว้ทั้งหมดสี่ตัวก็จริง แต่คนที่มาเข้าร่วมการประชุมในวันนี้มีเพียงชานาเนสกับเบเจอร์แค่สองคนเท่านั้น
ชานาเนสนั่งลงบนเก้าอี้ที่เว้นห่างจากเบเจอร์ไปหนึ่งตัวเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยถาม
“วันนี้ลอเรนซ์ก็ไม่มาอีกแล้วหรือ”
“มาตอนนี้ก็ไม่ได้ดูดีขึ้นในสายตาท่านพ่ออยู่แล้ว จะให้ลอเรนซ์มาทำอะไรที่นี่ล่ะครับ”
“ไม่ใช่เพื่อให้ดูดีอย่างเดียวเสียหน่อย…เฮ้อ เอาเถอะ ถ้าเจ้าตัวไม่อยากมาก็ช่วยไม่ได้”
“แคลอฮันก็ไม่มาเหมือนกัน แล้วทำไมพูดถึงแต่ลอเรนซ์แบบนั้นล่ะครับ”
เบเจอร์ราดน้ำมันใส่บทสนทนาที่ควรจะปิดฉากลง
“แคลอฮันเดินทางลงไปยังเชซายูเพื่อดูแลเขตแดนของเขาไม่ใช่หรือไงแตกต่างจากคนที่อยู่ในคฤหาสน์แท้ๆ แต่กลับไม่มาเข้าร่วมการประชุมอย่างเห็นได้ชัดอยู่แล้วนะ เบเจอร์”
“ถ้ามีเขตแดนเป็นของตัวเอง ก็น่าจะเดินทางไปอาศัยที่นั่นไปเลยสิครับ ไม่ใช่เอาแต่ผลาญเงินทองของลอมบาร์เดีย ไม่ถูกหรือไงครับ”
แต่แล้วในจังหวะที่เบเจอร์ตั้งใจจะตวาดเสียงลั่นเถียงชานาเนสอย่างไร้เหตุผล
“เงินของลอมบาร์เดีย ไม่ใช่ธุระให้เจ้าต้องมานั่งกังวลหรอก”
“ท่านพ่อ”
รูลลักเดินเข้ามาในห้องทำงาน ก่อนจะจ้องเบเจอร์ด้วยนัยน์ตาคมกริบ
“เจ้าที่ทอดทิ้งลอมบาร์เดียอย่างไร้เหตุผลไปอยู่ที่อังเกนัสกว่าหนึ่งปีนั่น ข้าก็ยังยอมรับไม่ว่าอะไรไม่ใช่หรือไง”
เบเจอร์ไม่อาจโต้แย้งคำพูดของรูลลักได้สักคำ เขาได้แต่กัดฟันกรอด
รูลลักหันไปมองเบเจอร์ที่ทำตัวเช่นนั้นด้วยความไม่พอใจสักเท่าไหร่ แล้วหันกลับมาเริ่มเปิดการประชุม
การประชุมนี้จัดขึ้นเพื่อรับฟังความคิดเห็นของทั้งสองคน เกี่ยวกับเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในตระกูลตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์
การประชุมกินเวลาไม่นานนัก
และเมื่อการประชุมอันแสนสั้นสิ้นสุดลง รูลลักก็เอ่ยขึ้นว่า
“พวกเจ้าทั้งสองคนก็คงได้ยินเรื่องที่ฟีเรนเทียจะร่วมมือกับตระกูลเดวอน ช่วยกันเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนกิจการแล้วสินะ”
ในขณะเดียวกันเบเจอร์ก็พ่นลมหายใจทางจมูกเสียงดังหึด้วยความไม่พอใจ
“…มีอะไรอยากจะพูดงั้นหรือ เบเจอร์”
“ความเห็นของข้าจะไปสำคัญอะไรล่ะครับ แต่ไหนแต่ไรท่านพ่อก็เอาแต่เข้าข้างนัง…ไม่สิ เด็กคนนั้นอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็คงยอมปิดตามองผ่านไม่ใช่หรือไงครับ”
“ข้าเข้าข้างอย่างนั้นหรือ อืม ก็อาจจะใช่”
รอยยิ้มแต่งแต้มอยู่บนมุมปากของรูลลักยามพูดถึงฟีเรนเทีย
เบเจอร์ขมวดคิ้วมองภาพนั้น ก่อนจะเบือนสายตาไปด้านข้าง
“เบเจอร์ เจ้าคาดการณ์ได้ถูกต้องแล้ว ครั้งนี้ข้าก็คิดที่จะเชื่อมั่นในตัวเด็กคนนั้น”
เชื่อมั่นอย่างนั้นหรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...