เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเดินกลับมาถึงบ้านของตน แต่ความโกรธแค้นของเบเจอร์กลับไม่มอดลงเลยแม้แต่น้อย

ทันทีที่เบเจอร์เปิดประตูเข้าไป เซรัลผู้เป็นภริยาก็เดินมาต้อนรับเขา

“กลับมาแล้วหรือคะ ที่รัก”

ในมือของเซรัลถือกระดาษจดหมายกับซองจดหมายสีม่วงอยู่ ดูเหมือนนางกำลังอ่านจดหมายและเซรัลก็อ่านอารมณ์ของเบเจอร์ออกได้อย่างง่ายดายเฉกเช่นทุกครา

“ข้างนอกมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือคะ”

เซรัลกล่าวเช่นนั้นพลางพาเบเจอร์เดินไปนั่งลงบนโซฟาอย่างนุ่มนวล

“เฮ้อ เรื่องนั้นน่ะ”

เบเจอร์เริ่มเล่าเรื่องไม่น่าพอใจที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ออกไปให้เซรัลฟังทั้งหมด

เซรัลเองก็ไม่ได้พูดอะไร นางเพียงแค่นั่งฟังเรื่องเล่าของเบเจอร์อยู่เงียบๆ จนจบ

“จริงๆ เลย ท่านพ่อก็แปลกนัก สงสัยเพราะอายุมากขึ้นกระมังถึงได้คิดอ่านไม่เหมือนแต่ก่อน ทั้งๆ ที่ควรจะเรียกนังเด็กชั้นต่ำนั่นมาตำหนิไม่ให้ทำอะไรบุ่มบ่ามเช่นนั้นแท้ๆ”

“นั่นน่ะสิ ฟังจากข่าวลือดูเหมือนจะทำกิจการส่งของอะไรเนี่ยแหละ”

“ส่งของเนี่ยนะ”

“อืม ที่จริงแล้วตระกูลเดวอนเองก็ไม่มีงานการอะไรให้ทำนอกจากขนส่งสินค้าอยู่แล้ว คงเพราะเป็นตระกูลแบบนั้นนั่นแหละ ถึงได้เห็นดีเห็นงามกับการเล่นสนุกของฟีเรนเทียแคลอฮันเองก็เอาแต่ค้าขายกับพวกสามัญชน ทำให้พวกเราต้องอับอายแท้ๆ”

เบเจอร์กัดฟันกรอด พร่ำบ่นไปเรื่อยด้วยความหงุดหงิด

ในขณะเดียวกันก็พยายามลืมความจริงที่ว่า การที่แคลอฮันกลายเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับทวีปในระยะเวลาอันแสนสั้น แท้จริงแล้วก็เพราะกิจการเสื้อผ้าสำเร็จรูป

“คนอื่นๆ คงพูดอะไรเกี่ยวกับลอมบาร์เดียอีกพักใหญ่เลย”

เซรัลถอนหายใจราวกับรู้สึกอับอายจากใจจริง จากนั้นก็ยื่นจดหมายที่วางอยู่มุมหนึ่งให้เบเจอร์

“องค์จักรพรรดินีส่งจดหมายมาน่ะค่ะ ลองอ่านดูสักครั้งมั้ยคะ ที่รัก”

เบเจอร์รับจดหมายมาอ่านอย่างว่าง่าย

ในจดหมายกล่าวทักทายถามไถ่สารทุกข์สุกดิบสั้นๆ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแผนการพัฒนาภาคตะวันตกที่จะเลื่อนเข้ามาให้เร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

“ว่าแล้วเชียว สมกับเป็นจักรพรรดินีจริงๆ ! ตัดสินใจได้เฉียบขาดมาก!”

“ตอนนี้ทางราชวงศ์เองก็วุ่นวายไปหมด เพราะเจ้าชายลำดับที่สองไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวนั่นไม่ใช่เหรอคะ คงตัดสินใจเช่นนั้น เพราะงานเร่งด่วนด้วยค่ะ”

“นั่นสิ ยังไงก็ต้องตัดรากถอนโคนก่อนที่จะมีคำพูดไร้สาระออกมา ถึงจะดีที่สุดอยู่แล้ว”

เบเจอร์ยกนิ้วโป้งสรรเสริญเยินยอว่า ‘สมกับเป็นจักรพรรดินี!’ อยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีสัญญาณว่าจะคิดอะไรไปมากกว่านั้นเลยแม้แต่น้อย

เซรัลลอบเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความไม่พอใจกับความโง่เขลาของเบเจอร์ที่ทำตัวเช่นนั้น นางฉีกยิ้มงดงามมากเท่ากับความรู้สึกหงุดหงิดในใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน

“เพราะฉะนั้นที่รักคะ ข้ามีความคิดอะไรดีๆ อยู่ค่ะ”

“ความคิดดีๆ?”

“ถ้าหากจะเร่งการก่อสร้างให้ไวขึ้น ใช้แค่คนงานของอังเกนัสอย่างเดียวคงไม่พอหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นที่รักเข้าไปช่วยงานด้วยจะเป็นยังไงคะ”

“ขะ ข้าหรือ”

เบเจอร์ตกใจจนตาเบิกกว้าง

“ค่ะ พูดให้ชัดเจนก็คือให้ที่รักใช้กิจการก่อสร้างลอมบาร์เดียไปเข้าร่วมการพัฒนาของอังเกนัสค่ะ”

“กิจการก่อสร้าง… ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้อำนาจของทายาท”

เบเจอร์ยังไม่อาจหาญกล้าลงมือทำถึงขนาดนั้น

‘อำนาจของทายาท’ มันอาจจะเป็นอำนาจที่สามารถเอาชนะตระกูลใต้บังคับบัญชาและอำนาจของผู้รับผิดชอบได้ทันทีในคราวเดียวก็จริง แต่หากเกิดข้อผิดพลาดหรือล้มเหลวขึ้นมาแล้วละก็ ความรับผิดชอบอันแสนใหญ่หลวงจะตามมาฝังกลบเขาให้จมดินหลังจากนั้นทันที

“ทำไมล่ะคะ ขนาดเด็กอย่างฟีเรนเทียยังใช้อำนาจนั่นได้เลย”

“กะ ก็จริง…”

“แล้วก็นี่คืออังเกนัสนะคะ เป็นงานที่จักรพรรดินีเป็นแกนนำผลักดันด้วยพระองค์เอง คิดว่ามันจะล้มเหลวได้หรือคะ”

เพียงครู่เดียวเบเจอร์ก็ถูกเกลี้ยกล่อมจนคล้อยตามเซรัลเสียแล้ว

“นี่เป็นโอกาสแล้วนะคะ ที่รัก ลองคิดดูสิคะ ถ้าที่รักร่วมมือกับอังเกนัสช่วยพัฒนาเขตแดนจนประสบความสำเร็จแล้วละก็ ทุกคนในลอมบาร์เดียจะมองที่รักเปลี่ยนไปมากขนาดไหน”

เบเจอร์ตกอยู่ในภวังค์ความคิด แต่เซรัลเพียงแค่เฝ้ารออย่างผ่อนคลาย

เพราะนางรู้ดีว่าก็แค่ต้องใช้เวลาเสียหน่อยเท่านั้นเอง อันที่จริงตอนนี้เบเจอร์ก็ตกหลุมพรางเชื่อถือในคำพูดของนางไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]