ตอนที่ 134
“รถม้าพวกนั้นมันอะไรกันน่ะ”
เบเจอร์เปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว และกำลังจะขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางไปยังพระราชวัง เขาเอ่ยถามข้ารับใช้ด้วยความไม่พอใจ
“ระ รถม้าตระกูลเฮย์ลิ่งกับตระกูลดิลลาร์ด…”
“เรื่องนั้นข้ารู้!ข้าหมายถึงพวกนั้นมาทำอะไรกันที่คฤหาสน์ วันนี้ไม่ได้มีประชุมเจ้าตระกูลเสียหน่อย”
ข้ารับใช้ผู้ไม่ได้รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วยได้แต่ทำหน้าอยากจะร้องไห้ด้วยความโชคร้าย ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปเสียงแผ่ว
“มะ มาพบคุณหนูฟีเรนเทียครับ…”
“ว่าไงนะ”
คำถามเสียงห้วนของเบเจอร์ทำให้ข้ารับใช้สะดุ้งเฮือก
“ที่บอกว่ายุ่งอยู่นั่นโกหกทั้งหมดเลยสินะ!นังนั่นมันยิ่งใหญ่อะไรนักหนา ถึงได้มาพบถึงคฤหาสน์ด้วยตัวเองแบบนี้!”
เบเจอร์โมโหจนเดือดพล่าน
ข้ารับใช้จัดการเตรียมแท่นวางเท้าและเปิดประตูรถม้าเรียบร้อยจึงหยุดรออยู่ด้านข้างแต่ก็ยังเกรงว่าเจ้าตระกูลใต้บังคับบัญชาจะกลับออกมาขึ้นรถม้า แล้วต้องบังเอิญเจอเบเจอร์จนเกิดเรื่องเข้า
แต่โล่งอกที่ไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น
เพราะเป็นเซรัลที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้ปรากฏกายขึ้นด้วยชุดเดรสหรูหรางดงาม
“…พวกไร้หัวคิด ว่ามั้ยคะ ที่รัก”
มองแค่ปราดเดียวเซรัลก็ประเมินสถานการณ์ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง นางปลอบโยนเบเจอร์เสียงอ่อนหวาน
“พอเด็กตัวเล็กๆ เรียกตัวก็รีบวิ่งแจ้นมาหาทันที พวกนั้นก็น่าจะมีศักดิ์ศรีบ้างแท้ๆ นะคะ”
“หึ ทุกคนก็คงแค่มาเพราะอยากรู้ว่านังเด็กนั่นจะทำเรื่องอะไรแหละ”
เบเจอร์ก้าวเท้าเดินขึ้นรถม้า ขณะเดียวกันก็พร่ำบ่นด้วยความไม่พอใจ
ทั้งๆ ที่พูดเช่นนั้น แต่คำพูดกับท่าทางที่โมโหจนลุกเป็นไฟเมื่อครู่มันสวนทางกันลิบลับ
แต่เซรัลคุ้นเคยกับพฤติกรรมแบบนั้นดีแล้ว นางก้าวเท้าขึ้นรถม้าตามหลังสามี ปิดประตูรถม้า ก่อนจะพูดเสียงนิ่งสงบ
“วันดีๆ เดินทางเข้าวังด้วยเรื่องดี อย่าไปใส่ใจเรื่องพวกนั้นเลยค่ะ ที่รัก”
“อะแฮ่ม…”
เบเจอร์กระแอมไอเมื่อได้ยินคำพูดของภริยา เขาพยักหน้าลงอย่างว่าง่าย
“ใช่แล้ว ข้าแค่อ่อนไหวง่ายไปหน่อย ถึงยังไงกิจการนั่นก็มีแต่จะล้มเหลว จนทำให้ตัวเองต้องอับอายขายขี้หน้าอยู่แล้วนี่นะ”
“ถูกต้องแล้วค่ะ ยังไงจักรพรรดินีก็อนุญาตทางเราแล้วนะคะ พวกเราไปถวายของขวัญดีๆ แล้วใช้เวลาร่วมกับพระองค์ดีกว่าค่ะ”
เซรัลชี้ไปยังชุดน้ำชาที่ถูกห่อไว้อย่างงดงามซึ่งตั้งอยู่มุมหนึ่งของรถม้า
“ถ้าหากคนอื่นๆ ได้รู้ว่าที่รักทำอะไรเพื่อกิจการก่อสร้างลอมบาร์เดียบ้าง เผลอๆ หลายวันหลังจากนี้ทุกคนคงพูดถึงแต่ที่รักคนเดียวเลยนะคะ”
“ใช่แล้ว ไอ้กิจการเด็กเล่นนั่นคงได้ถูกฝังกลบด้วยเสียงหัวเราะจนหมดสิ้น”
เสียงเยาะเย้ยของเบเจอร์ดังขึ้นพร้อมกับรถม้าที่เคลื่อนตัวออกเดินทางมุ่งหน้าสู่พระราชวัง
รถม้าวิ่งไปบนถนนที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ในขณะที่ผ่านพ้นเขตประตูวังมาแล้ว จู่ๆ เซรัลก็เอ่ยถามขึ้น
“ว่าแต่ไม่ต้องแจ้งทางกิจการก่อสร้างลอมบาร์เดีย ไม่สิ ไม่ต้องแจ้งให้ทางตระกูลวิลเคย์ทราบก่อนเหรอคะ”
คำถามของเซรัลทำให้เบเจอร์แสยะยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบ
“ข้าใช้อำนาจของทายาทเจ้าตระกูล ย่อมไม่จำเป็นต้องแจ้งให้พวกนั้นรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วสิ ถ้าต้องดำเนินการโดยขอความเห็นชอบจากแต่ละคน มันจะเป็น ‘อำนาจ’ ได้ยังไงล่ะ”
“ก็จริง…”
เซรัลเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเบเจอร์
“ตายแล้ว องค์จักรพรรดินีเสด็จออกมารอพวกเราด้วยพระองค์เองเลยละค่ะ!”
ทันทีที่รถม้าเริ่มชะลอความเร็ว เซรัลก็มองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะตะโกนด้วยความดีใจ
เบเจอร์เองก็เหลือบไปเห็นเช่นกัน หลังจากแน่ใจแล้วว่าจักรพรรดินีราวีนี่กำลังรอเขาอยู่ที่หน้าประตูวังขององค์จักรพรรดินี เขาก็กระตุกยิ้มมุมปาก
ภาพของจักรพรรดินีแห่งอาณาจักรออกมารอต้อนรับด้วยตัวเอง ทำให้ไหล่ของเบเจอร์ยืดขึ้นโดยธรรมชาติ
“มาแล้วหรือคะ ท่านชายลอมบาร์เดีย เซรัลก็ด้วย เชิญค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...