แกรก
เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลงดังตามหลังมา โรมาเชียร์ก็หันไปมองรอบๆ เพื่อตรวจเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้ เขาจับไหล่เครย์ลีบันแล้วลากตัวบุตรชายไปยังมุมหนึ่ง
“จริงหรือ เป็นเรื่องจริงหรือ”
เสียงทุ้มต่ำแผ่วเบาราวกับกลัวคนด้านในจะได้ยินเข้า
“นี่ยังไม่เชื่อใจท่านฟีเรนเทียอีกหรือไงครับ”
เครย์ลีบันปัดมือที่จับไหล่ของตนออกด้วยความเย็นชากึ่งไม่พอใจนัก ก่อนจะเอ่ยถามกลับไป
พฤติกรรมที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจากบุตรชายที่ตัวเขาเองก็รู้ดีว่าเป็นคนเย็นชาแค่ไหน ทำให้หัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก
กลับกลายเป็นเครย์ลีบันเสียอีกที่เป็นฝ่ายพูดคล้ายกล่าวเตือน
“ท่านฟีเรนเทียยอมเปิดเผยความลับของตัวเอง ก็เพราะเชื่อใจในตัวท่านหัวหน้ากลุ่มการค้านะครับ อย่าได้คิดทำลายความไว้วางใจของคุณหนู”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดพยักหน้าลงอย่างเชื่องช้า
ตอนนี้เขาได้ทราบแล้วว่า บุตรสาวของแคลอฮันที่เพิ่งจะอายุได้แค่สิบแปดปีคนนั้น เป็นถึงเจ้าของร้านค้าเพลเลสตัวจริง
บอกคนอื่นไปแล้วยังไง ใครมันจะไปเชื่อเขากันล่ะ
“อีกเรื่องหนึ่ง คุณหนูทราบความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านหัวหน้ากลุ่มการค้าอยู่แล้วครับ”
“เจ้าเป็นคนบอกเองหรือ”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ดตกใจมากจริงๆ
เครย์ลีบันเก็บเรื่องที่ตัวเองเป็นบุตรนอกสมรสของเขาไว้เป็นความลับมาโดยตลอด ไม่เคยคิดที่จะเปิดเผยให้ใครได้รู้
ไม่ใช่เพราะเขาเป็นฝ่ายห้าม แต่เครย์ลีบันเป็นคนยืนกรานว่าต้องการเช่นนั้นเอง
แต่ถ้าหากถึงขนาดยอมเล่าเรื่องที่เป็นจุดอ่อนของตัวเองออกไปแบบนั้น แสดงว่าบุตรชายของเขาจะต้องให้ความไว้วางใจในตัวฟีเรนเทียสูงมาก
เจ้าตระกูลดิลลาร์ดพยักหน้ากับตัวเองเงียบๆ เมื่อได้ข้อสรุป
เขาพอจะเดาได้บ้างแล้วว่าความเชื่อใจในตัวกันและกันระหว่างเครย์ลีบันกับฟีเรนเทียมีมากในระดับใด
หลังจากนั้นเครย์ลีบันก็เดินออกไปส่งโรมาเชียร์ด้านนอกถึงรถม้า
ในระหว่างที่ข้ารับใช้ประจำคฤหาสน์กำลังเคลื่อนไหวอย่างแข็งขัน ปัดฝุ่นช่วยทำความสะอาดภายในรถม้า จู่ๆ เครย์ลีบันก็เปิดปากพูดขึ้น
“ท่านหัวหน้ากลุ่มการค้าเคยบอกข้าไม่ใช่หรือครับ วันที่ได้ทราบถึงความสามารถและความทะเยอทะยานของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียคนปัจจุบันในวัยเยาว์ เมื่อยามที่ท่านยังอยู่ในระหว่างการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอด”
คำพูดของเครย์ลีบันทำให้โรมาเชียร์หันหน้ากลับไปมองบุตรชาย
“ท่านหัวหน้ากลุ่มการค้าบอกข้าว่า ต่อให้ต้องอุทิศทุกสิ่ง ก็อยากจะร่วมก้าวไปด้วยกันกับคนคนนั้น”
“…ใช่ ใช่แล้ว”
“ในวันที่ได้ทราบว่าท่านฟีเรนเทียเป็นคนเช่นไร ข้าก็สามารถเข้าใจได้ในทันทีเลยละครับ ว่าในวันนั้นหัวหน้ากลุ่มการค้ารู้สึกยังไง”
รอยยิ้มจางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเครย์ลีบัน
“เพราะอย่างนั้นข้าถึงได้ใช้ข้ออ้างของการเป็นอาจารย์ คอยเกาะติดอยู่ข้างกายคุณหนู ไม่ยอมแยกห่างไปไหนครับ”
เสียงหัวเราะหลังพูดจบประโยคนั่น ทำให้ได้รู้ว่าเครย์ลีบันมีความสุขค่อนข้างมาก
โรมาเชียร์เบิกตากว้างเล็กน้อย เพราะเขาเพิ่งเคยเห็นภาพลักษณ์เช่นนี้ของเครย์ลีบันเป็นครั้งแรก
“ต่อไปในอนาคตท่านฟีเรนเทียจะทำให้ลอมบาร์เดียยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไปทีละก้าวครับ”
นัยน์ตาสีฟ้าของเครย์ลีบันยามกล่าวเช่นนั้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเหมือนกับฟีเรนเทียเมื่อครู่นี้
“ถ้าหากตระกูลดิลลาร์ดไม่อยากถูกคลื่นนั่นฝังกลบไปละก็ คว้าโอกาสนี้เอาไว้จะดีกว่านะครับ”
เครย์ลีบันพูดทิ้งท้ายเป็นการให้ข้อแนะนำ ก่อนจะก้าวถอยห่างไปหนึ่งก้าว แล้วกล่าวลาสั้นๆ
โรมาเชียร์เหม่อมองแผ่นหลังของบุตรชายที่เดินห่างออกไปอย่างไม่ลังเล บุตรชายของเขาที่ไม่เคยพึ่งพาโรมาเชียร์หรือตระกูลดิลลาร์ดคนนั้น รอยยิ้มก็พลันแต่งแต้มขึ้นที่มุมปากของโรมาเชียร์
“ใช่แล้ว ข้าเองก็เคยมีวันเช่นนั้นเหมือนกันนี่นะ”
โรมาเชียร์นึกถึงเรื่องในวันนั้นที่เครย์ลีบันพูดถึงขึ้นมา
ภาพของรูลลักยามบอกเป้าหมายและความฝันของลอมบาร์เดียที่ตัวเองโอบกอดเอาไว้ให้เขาฟังด้วยนัยน์ตาเป็นประกายเหมือนเด็กคนนั้น ยังคงเด่นชัดอยู่ตรงหน้าเขา
ใช่แล้ว นางช่างเหมือนกับท่านเจ้าตระกูลไม่มีผิด
โรมาเชียร์นึกถึงหลานสาวกับผู้เป็นปู่ที่ถอดแบบกันมาไม่มีผิดเพี้ยนราวกับพิมพ์เดียวกัน ก่อนจะพึมพำด้วยความรู้สึกสนุกขึ้นมาแล้ว
“โอกาสนี้คงต้องคว้าไว้ให้ได้แล้วสินะเนี่ย”
ราวกับความกระตือรือร้นของเครย์ลีบันเองก็ส่งต่อมาถึงเขาด้วย
หัวใจที่ไม่เคยส่งเสียงรบกวนให้ความรำคาญอีกต่อไปเมื่อโรมาเชียร์อายุเพิ่มมากขึ้น มันกลับกำลังเต้นกระหน่ำเสียงดังตึกตักชวนทำให้รู้สึกอารมณ์ดีเสียแล้ว
* * *
ไหนๆ ก็ได้มีเวลาว่างหลังจากงานยุ่งมาหลายวัน เธอเลยถือโอกาสนี้ใช้เวลาร่วมกันกับลาลาเน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...