เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

ตอนที่ 136

เขตแดนที่หิมะตกหนักในฤดูหนาวนั้น สภาพการคมนาคมจะย่ำแย่เป็นอย่างมาก

เพราะอย่างนั้นก่อนฤดูใบไม้ร่วงจะมาถึง ทุกคนถึงได้รีบเร่งเพื่อที่จะยกระดับความสำเร็จของกิจการไปรษณีย์กันอย่างยุ่งวุ่นวาย

ไม่ได้มีเพียงแค่ตระกูลเดวอนเท่านั้น บรรดาลูกจ้างกลุ่มธุรกิจคมนาคมลอมบาร์เดียทุกคน ต่างก็ลงมือเคลื่อนไหวกันอย่างขยันขันแข็ง ทำให้สามารถจัดงานเปิดตัวนำเสนอกิจการขึ้นได้ทันก่อนที่หน้าร้อนจะหมดไป

“ที่ผ่านมายุ่งมากเลยใช่มั้ยล่ะ”

ลาลาเน่ถามเธอ

“ยังไงก็เป็นงานที่หลายตระกูลจะเข้าร่วมน่ะ เลยต้องใส่ใจให้มากหน่อย”

กิจการไปรษณีย์เป็นธุรกิจขนาดยักษ์

กิจการที่เธอใช้อำนาจในฐานะทายาทลงมือเคลื่อนไหวเข้าไปยุ่งด้วยตัวเอง อาจจะมีแค่ตระกูลเดวอนที่เป็นผู้รับผิดชอบด้านการคมนาคมลอมบาร์เดียเท่านั้นก็จริง แต่คนที่ขับเคลื่อนกิจการไปรษณีย์ไม่ได้มีแค่พวกเขากลุ่มเดียวเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเฮย์ลิ่งผู้รับผิดชอบด้านองค์กรทุนการศึกษา ตระกูลดิลลาร์ดผู้ดูแลกลุ่มการค้า และตระกูลเบรย์ผู้ให้การสนับสนุนทางด้านเงินทุนผ่านธนาคาร ทุกตระกูลต่างก็ร่วมมือให้ความช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี

ถ้าลองชั่งน้ำหนักดูละก็ จะเห็นได้ทันทีว่านี่เป็นกิจการใหญ่ที่สี่ตระกูลถึงกับลงมือเคลื่อนไหวด้วยตัวเองพร้อมกันในคราวเดียว

“แต่เพราะทุกคนต่างก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เรื่องพรุ่งนี้เลยไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงน่ะ”

พูดตามตรงเธอรู้สึกลุ้นกับเรื่องพรุ่งนี้มากกว่าที่จะรู้สึกเป็นกังวลเสียอีก

“น่าทึ่งมากเลย เทีย”

“ก็แค่วิ่งพุ่งตรงไปข้างหน้าเท่านั้นเอง แหม”

เธอถือช่อดอกไม้ที่ลาลาเน่มอบให้ไว้ในมือก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง

“ข้าคงต้องไปแล้วละ ลาลาเน่ ดอกลิลี่นี่ข้าจะเอาไปปักในแจกันที่บ้านอย่างดีเลย”

แต่แล้วในตอนที่เธอบอกลา ตั้งใจจะเดินออกไปจากที่นั่น

“ช่วงเวลาที่ควรจะยุ่งที่สุดเพราะต้องเตรียมการให้พร้อม กลับมานั่งพูดคุยอย่างสบายใจที่นี่เสียได้ คงไม่ใช่ว่ายอมแพ้แล้วหรอกนะ”

คนที่เดินเข้ามาพูดจาเหน็บแนมกันถึงในเรือนกระจกคือเบเจอร์นั่นเอง

บนใบหน้าเย่อหยิ่งอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มน่ารังเกียจ

อารมณ์เบิกบานเพราะลาลาเน่กับดอกไม้สวยๆ ชั่วพริบตากลับสกปรกโสมมในทันทีที่พบหน้าเบเจอร์

แต่เธอก็ยังยิ้มสดใสให้มากเท่ากับความรู้สึกรังเกียจทักทายออกไป

“สบายดีมั้ยคะ ท่านลุง”

“ใช่ ข้าน่ะสบายดี เจ้าล่ะฟีเรนเทีย เป็นยังไงบ้าง”

มันไม่ใช่คำถาม

เห็นได้ชัดเลยว่าเบเจอร์ที่มองสำรวจทั่วใบหน้าของเธออยู่นี่ แค่คิดจินตนาการไปเองว่าเธอคงจะหวาดกลัว หรือไม่ก็ทนความรู้สึกกดดันไม่ไหว จนต้องวิ่งหนีมาร้องห่มร้องไห้อยู่ที่นี่

“ข้าสบายดีค่ะ ท่านลุง”

“ดี ดี ก็ต้องสบายดีอยู่แล้ว สร้างเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของลอมบาร์เดียเช่นนี้ เจ้าแคลอฮันมัวทำอะไรอยู่ถึงไม่ห้ามปรามเจ้าเสียบ้าง”

แถมยังเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะด้วยความไม่พอใจเป็นการปิดท้ายอีก

ที่เบเจอร์หยิ่งยโสได้ถึงขนาดนั้น เป็นเพราะล่าสุดมานี่ เขาได้เข้าร่วมทำโครงการพัฒนาอังเกนัสผ่านทางกิจการก่อสร้างลอมบาร์เดีย

เบเจอร์ผู้ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรกับลอมบาร์เดียเลยแม้แต่น้อย

แต่กลับไปเลียแข้งเลียขาจักรพรรดินี จนคว้าสิทธิ์เข้าร่วมการก่อสร้างพัฒนาอังเกนัสมาได้

ตอนนี้เลยต้องถือว่ากิจการก่อสร้างลอมบาร์เดียและอังเกนัสได้ลงเรือลำเดียวกันไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]