การปรากฏตัวของเจ้าตระกูลรูมันซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นตระกูลผู้พ่ายแพ้จากตะวันออก และบุตรชายคนโตอย่างอาบีน็อกซ์ ส่งผลให้ขุนนางในที่ประชุมฮือฮาเสียงดังเซ็งแซ่
อาบีน็อกซ์ รูมัน ที่ผ่านมาอาจจะพักอยู่ในเมืองหลวงก็จริง แต่เจ้าตระกูลอินดิท รูมันได้ย่างกรายเหยียบเท้าเข้าสู่เมืองหลวงเป็นครั้งสุดท้ายก็ตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนโน้น
แน่นอนว่าในบรรดาขุนนางทั้งหลาย มีกระทั่งคนที่มองพวกเขาอย่างไม่พอใจอยู่ด้วยเช่นกัน
“ขอประทานอภัยที่มาสายพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท กระหม่อมยังไม่คุ้นเคยกับเส้นทางในวังหลวงนัก จึงมาสายพ่ะย่ะค่ะ”
“…อืม โล่งอกไปทีนะ ยังไม่สายอะไรหรอก ไปนั่งที่เถอะ”
จักรพรรดิรับสั่งเช่นนั้นสองพ่อลูกจากตระกูลรูมันจึงเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้แถวหน้าที่ยังว่างอยู่ทางฝั่งซ้าย
ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือยังไง ตำแหน่งที่นั่งนั่นดันเป็นตำแหน่งที่นั่งเผชิญหน้าตรงข้ามกับที่นั่งของตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันจากฝ่ายเหนือ ซึ่งนั่งอยู่ทางฝั่งขวาของห้องประชุมพอดิบพอดี
การประชุมเริ่มต้นขึ้นในทันที
“ฎีกาแรกเป็นเรื่องเงินช่วยเหลือการค้าภาคตะวันออกพ่ะย่ะค่ะ”
ก่อนที่ขุนนางผู้รับหน้าที่ดำเนินการประชุมจะทันได้พูดจบ ผู้คนทั้งหลายก็หันไปลอบสังเกตท่าทีของตระกูลรูมัน กับตระกูลไอบันกันทันที
“ไหนๆ ก็มาที่นี่พอดี งั้นก็มาลองฟังกันหน่อยเป็นไง ข้อเรียกร้องของตระกูลรูมันคืออะไรล่ะ”
อินดิท รูมันลุกขึ้นจากที่นั่งเมื่อได้ยินรับสั่งของโยบาเนส แล้วจึงกล่าวข้อเรียกร้องจากฝ่ายตน
“ตระกูลรูมันของพวกเราตอบรับพระบัญชาของฝ่าบาท ที่สั่งให้พวกเราเรียนรู้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของอาณาจักรอย่างกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น จึงได้เพิ่มการค้าขายกับบุคคลภายนอกให้มากขึ้นพ่ะย่ะค่ะแต่เส้นทางการเดินทางมาจนถึงภาคตะวันออกมันยากลำบากนัก พ่อค้าที่เดินทางมาจึงมีจำนวนไม่มาก ทั้งยังขายสินค้าในราคาที่สูงกว่าขายให้เขตแดนอื่นๆ พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงของอินดิท รูมันนิ่งสงบ ทว่าหนักแน่น
“หากทำตามพระบัญชาของฝ่าบาท ตระกูลต่างๆ ทางตะวันออกรวมถึงตระกูลรูมันของพวกเราก็จะต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ทางราชวงศ์ให้ความช่วยเหลือในรูปแบบเงินสนับสนุนพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงแม้จะกำลังอธิบายข้อเสียเปรียบของตัวเอง แต่กลับไม่แสดงอารมณ์อ่อนไหวเกินควรออกมา
“มีความเห็นใดในเรื่องนี้กันบ้าง”
ก่อนที่จักรพรรดิจะทันได้พูดจบประโยค ดิวอิจ อังเกนัสซึ่งนั่งอยู่ทางฝั่งขวาก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วเอ่ยด้วยเสียงดุดัน
“กระหม่อมคัดค้านข้อเรียกร้องนี้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท เงินสนับสนุนการเดินทางค้าขายอย่างนั้นหรือ เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งที่ผ่านมาทางตะวันออกก็ได้รับความช่วยเหลือไปมากพอแล้ว ตอนนี้จึงควรถึงเวลาหยุดได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
และก่อนที่ดิวอิจ อังเกนัสจะนั่งลงบนเก้าอี้ ก็มีเสียงโต้แย้งดังมาจากฝั่งตรงข้าม
“หากพูดถึงผลประโยชน์ที่เคยได้รับ จะมีเขตแดนไหนเทียบกับภาคตะวันตกได้อีกมั้ยล่ะนั่น ไม่คิดเช่นนั้นหรือครับ”
“ว่ายังไงนะ นี่เจ้า!”
ดิวอิจ อังเกนัสถลึงตาจ้องเขม็งด้วยความโมโห ตะเบ็งเสียงดังจนเส้นเลือดปูดขึ้นบนลำคอ
แต่พวกขุนนางฝ่ายซ้ายกลับพ่นลมหายใจทางจมูกเสียงดังหึ เป็นการเยาะเย้ยดิวอิจที่โมโหเสียจนดิ้นพล่าน
ท่ามกลางบรรยากาศที่จู่ๆ ก็พลันดุเดือดปะทุขึ้น จักรพรรดิเอ่ยถามอาสทาน่า
“เจ้าชายลำดับที่หนึ่งล่ะ คิดเห็นเช่นไร”
อาสทาน่าคิดว่า ในที่สุดก็ถึงคราวเขาเสียที จึงตอบคำตอบที่เตรียมมาออกไปทันที
“กระหม่อมเห็นด้วยกับความเห็นของอังเกนัสพ่ะย่ะค่ะ ในอาณาจักรยังมีเขตแดนอื่นอีกมากที่ต้องการความช่วยเหลือของราชวงศ์ มากกว่าทางตะวันออกที่ได้รับความช่วยเหลือต่างๆ มามากมายแล้ว เรื่องเงินช่วยเหลือก็เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
“มีเขตแดนที่ควรได้รับมากกว่าตะวันออก”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
“ที่ไหนกันล่ะ”
“ทางเหนือพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดของอาสทาน่าทำให้ผู้คนฝ่ายขวารวมถึงอังเกนัสพยักหน้าลงอย่างพร้อมเพรียงราวกับตกลงกันมาก่อน ส่วนทางฝ่ายซ้ายก็ได้แต่พ่นลมหายใจดังหึ ด้วยใบหน้าบ่งบอกว่า ‘ว่าแล้วเชียวต้องเป็นแบบนี้’
“ทำไมถึงคิดเช่นนั้นกัน”
“เจ้าตระกูลรูมันกล่าวว่า เพราะเส้นทางการเดินทางไปถึงตะวันออกนั้นยากลำบาก สินค้าจึงมีราคาแพง ทำให้ต้องการได้รับเงินสนับสนุน ประเด็นนั้นก็สมเหตุสมผลอยู่หรอก แต่เส้นทางการค้าที่เดินทางลำบากนั่น ทางเหนือก็เป็นเหมือนกันไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
อาสทาน่าตอบจนถึงจุดนั้น แล้วก็แอบลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในเมื่อตอบออกไปตามที่ท่องมาหมดเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่เหลือเรื่องอะไรให้ต้องทำอีก
จึงค่อยคลายความเครียดลง หายใจหายคอได้บ้างเสียที
พอเห็นว่าอาสทาน่าตอบคำถามของจักรพรรดิได้อย่างราบรื่น พวกขุนนางหลายคนถึงกับมองเขาด้วยนัยน์ตาแปลกไปจากเดิม
“เจ้าชายลำดับที่สองล่ะ คิดยังไง”
โยบาเนสเอ่ยถามเฟเรส
ชั่วพริบตาห้องประชุมก็พลันเงียบเสียงลงทันที
ทุกคนต่างก็หูผึ่งเฝ้ารอคำตอบของเฟเรส
เจ้าชายลำดับที่สองผู้จบการศึกษาจากอะคาเดมีไวกว่าผู้อื่นด้วยผลการศึกษาระดับท็อป จะมีความเห็นแบบไหนกัน
“ก่อนจะแสดงความเห็นของกระหม่อม กระหม่อมมีเรื่องอยากถามเจ้าชายลำดับที่หนึ่งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบมาว่า เส้นทางการเดินทางที่เชื่อมต่อไปยังเขตแดนทางเหนือที่ว่านั่น เมื่อสองปีก่อนได้มีการก่อสร้างใหญ่ขยายถนน ทั้งยังเกิดเส้นทางการค้าสายใหม่ที่สามารถเดินทางผ่านภูเขาอีกด้วย แล้วทำไมถึงได้คิดว่าเขตแดนทางเหนือจึงจำเป็นต้องได้รับเงินช่วยเหลือพ่ะย่ะค่ะ”
“ระ เรื่องนั้น…คือว่า…”
อาสทาน่าลังเลไม่อาจตอบอะไรออกไปได้
เพราะเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย จึงไม่อาจพูดอะไรออกไปได้สักคำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...