เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

สรุปบท เล่ม 4 บทที่ 140.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เล่ม 4 บทที่ 140.1 – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอนนี้ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง เล่ม 4 บทที่ 140.1 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 140

ซ่าาาาา

“ฝนตกหนักอะไรขนาดนี้กันนะ…”

ไวโอเล็ตพึมพำในขณะที่เงยหน้ามองท้องฟ้า สายฝนเทกระหน่ำตกลงมาอย่างหนักจนมองเบื้องหน้าแทบไม่เห็น

กระทั่งเสียงของนางยังถูกเสียงดังของสายฝนกลบเสียจนมิด

พระอาทิตย์ถูกเมฆครึ้มบดบัง ท้องฟ้ามืดสลัวเร็วกว่าที่เคย

ไวโอเล็ตยืนนิ่งอยู่ริมระเบียงของอาคารซึ่งมีหลังคายาวยื่นออกมาช่วยป้องกันสายฝน นางมองออกไปยังภายในป้อมปราการของเขตแดนไอบันที่ดูเรียบง่ายเทียบกับลอมบาร์เดียไม่ติด

ผู้คนมากมายยกมือขึ้นป้องศีรษะวิ่งวุ่นไปทั่ว บ้างก็พยายามลากสัตว์ที่ส่งเสียงร้องระงมให้เจ้านายพาพวกมันเข้าบ้าน

มันอาจจะเป็นฤดูฝนที่หมุนเวียนกลับมาเยือนกันอยู่ทุกปีเป็นประจำ แต่พายุฝนพัดกระหน่ำที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในครั้งนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ได้แต่ตื่นตระหนก

‘ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามากเกินไป มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดดินถล่มลงมาสูงมากโดยเฉพาะแถบแคมป์ตัดไม้’

นั่นคือคำพูดที่เมื่อเช้าวาน ไวโอเล็ตได้แจ้งให้เจ้าตระกูลไอบันได้ทราบ

แน่นอนว่ามันไม่ใช่คำทำนายอนาคตเฉยๆ แต่อย่างใด

นางส่งมอบสารแสดงผลการวิจัยของนักธรณีวิทยาที่นางได้รับความช่วยเหลือมามากมายตั้งแต่สมัยขุดเจาะเหมืองแร่เพชร และนายพรานซึ่งคอยดูแลพื้นที่ป่าไม้ของเขตแดนไอบันมาหลายสิบปีให้เจ้าตระกูลไปพร้อมกันด้วย

โดยเฉพาะทางด้านนายพราน เขาได้แจ้งสถานการณ์ฉุกเฉินมาเพิ่มว่า กระทั่งก่อนที่ฤดูฝนจะเริ่มขึ้นอย่างเต็มตัว ภูเขาลูกเล็กแถบชานเมืองลูกหนึ่งก็ได้เกิดเหตุการณ์ดินถล่มมาก่อนแล้ว

“เตรียมการไว้ล่วงหน้าก็ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้วนี่นะ”

โล่งอกที่เจ้าตระกูลไอบันไม่ใช่คนหูตามืดบอด

หากเกิดเหตุการณ์ดินถล่มในสภาพที่พวกเขาไม่ได้เตรียมการรับมือให้พร้อม เจ้าตระกูลเข้าใจดีว่ามันจะอันตรายมากแค่ไหน รวมถึงจะต้องใช้เวลาและความช่วยเหลือมากแค่ไหนในการกู้ภัย

อีกอย่างเพราะคำนึงถึงปริมาณไม้ที่พวกเขาตัดโค่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงเริ่มเตรียมพร้อมรับมืออย่างง่ายๆ ในทันที

ประตูเมืองแต่ละทิศจะถูกปิดตายจนกว่าสายฝนจะซาลง เพื่อกั้นเส้นทางเดินผ่านภูเขา และได้มีการสั่งอพยพแรงงานของแคมป์ตัดไม้ซึ่งอยู่ในป่าลึกทันที

“หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องใหญ่…”

ในฐานะที่นางเป็นคนแจ้งให้เจ้าตระกูลไอบันได้ทราบถึงความอันตราย ถ้าหากไม่เกิดเรื่องใดขึ้นอาจจะต้องอับอายก็เป็นได้ แต่ถึงยังไงนางเองก็ไม่อยากให้เกิดเหตุภูเขาถล่มเช่นกัน

แต่สายตาของไวโอเล็ตยามมองไปยังภูเขาสูงใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ของเขตเหนือ ก็ยังคงแฝงไปด้วยความกังวลไม่จางหาย

“จะเกิดเหตุดินถล่มนะ ไวโอเล็ต ถ้าฝนเริ่มตกลงมา เจ้าต้องแจ้งเรื่องอันตรายนี่ให้เจ้าตระกูลไอบันทราบให้ได้”

เสียงใสที่เอ่ยกับนางในวันที่ออกเดินทางมายังเขตเหนือ ยังคงเด่นชัดอยู่ในหู

‘คำพูดของท่านฟีเรนเทียไม่เคยผิดเลยสักครั้ง’

ความจริงนั้นขัดแย้งกับสิ่งที่นางกำลังคาดหวัง ยิ่งทำให้ไวโอเล็ตรู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม

“ข้าสั่งให้เปิดประตูไม่ใช่หรือไง!”

ในตอนนั้นเองก็พลันได้ยินเสียงตะโกนลั่นดังแทรกผ่านเสียงฝน

“ข้าเฟรดริก อังเกนัส! เจ้าตระกูลอังเกนัสผู้ยิ่งใหญ่! ใครมันกล้าขวางทางข้า!”

ไวโอเล็ตขมวดคิ้วแน่น นางถือร่มบังฝนเดินออกไปยังถนนด้านนอก

กระทั่งนางเดินไปถึงหน้าป้อมทหารรักษาการณ์แล้ว เสียงโวยวายก็ยังคงดังไม่หยุด

“เจ้าคือหัวหน้าทหารยามหรือ!”

เฟรดริก อังเกนัส เอ่ยถามชายคนหนึ่งที่เพิ่งเดินออกมาจากข้างในป้อมราวกับต้องการตำหนิ

“มีเรื่องอะไรหรือครับ”

“เปิดประตูเมืองเดี๋ยวนี้!”

“ประตูถูกปิดตามคำสั่งของท่านเจ้าตระกูลไอบันครับ จนกว่าจะมีคำสั่งอื่นลงมา พวกเราไม่สามารถเปิดประตูให้ได้ครับ”

“รู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร! ข้าคือบิดาขององค์จักรพรรดินี คือเจ้าตระกูลอังเกนัส! ข้าจะต้องออกไปจากเมืองเพื่อทำตามรับสั่งขององค์จักรพรรดินีดังนั้นจงเปิดประตูเสีย!”

“คงคิดที่จะขวางทาง เพราะรู้ว่าข้ากำลังจะไปที่แคมป์ตัดไม้สินะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ข้างนอกอันตรายจริงๆ …”

ถึงแม้จะโดนผลักจนตัวเซ แต่ไวโอเล็ตก็ยังพยายามจะอธิบาย

น่าเสียดายที่เฟรดริก อังเกนัสกลับไม่ยอมฟังคำเตือนของนาง

“คิดว่าข้าจะยอมปล่อยให้พวกเจ้าครอบครองไม้ทรีบ้าเพียงผู้เดียวหรือยังไง”

เจ้าตระกูลอังเกนัสกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่หัวหน้าทหารยามอีกครั้ง

“ยังไม่รีบเปิดอีก มัวทำอะไรอยู่!”

“…เปิดเถอะ”

หัวหน้าทหารยามสั่งลูกน้องด้วยความรำคาญ

ได้เห็นพฤติกรรมแย่ๆ ที่คนคนคนนี้ปฏิบัติต่อบุคคลที่มาห้ามปรามตัวเองด้วยสองนัยน์ตาเช่นนี้แล้วไม่มีเหตุผลใดให้เขาต้องดึงดันขัดขวางคนคนนี้อีกต่อไป

ถึงแม้จะเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าตระกูลไอบันก็เถอะ แต่ทางนี้อ้างชื่อ ‘องค์จักรพรรดินี’ ใช้เหตุผลสารพัด หัวหน้าทหารยามอย่างเขาเองก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากนักหรอก

สุดท้ายประตูที่ถูกปิดแน่นก็ค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ เฟรดริก อังเกนัสหันไปจ้องไวโอเล็ตด้วยนัยน์ตาดุร้ายไม่เป็นมิตรเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหมุนตัวหันหลังกลับขึ้นไปบนรถม้าอีกครั้ง

“ไปได้!”

ทันทีที่เจ้าตระกูลตะโกนเสียงดัง สารถีรถม้าก็ลงแส้ตีหลังม้าด้วยใบหน้าขมขื่น

กุบกับ กุบกับ

ภาพด้านหลังรถม้าตระกูลอังเกนัสที่เริ่มเลือนหายไปท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำตกลงมาจนภาพตรงหน้าพร่ามัว ไวโอเล็ตได้แต่ยืนเหม่อมองโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ในขณะที่ในหัวก็พลันนึกถึงเสียงหนึ่งที่เคยพูดกับนางขึ้นมาอีกครั้ง

“จะเกิดเหตุดินถล่มนะ ไวโอเล็ต”

* * *

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]