เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

สรุปบท เล่ม 4 บทที่ 140.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

สรุปตอน เล่ม 4 บทที่ 140.2 – จากเรื่อง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

ตอน เล่ม 4 บทที่ 140.2 ของนิยายแฟนตาซีเรื่องดัง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“ดินถล่มอย่างนั้นหรือ หนักขนาดไหนถึงได้ส่งสารด่วนมาแบบนี้กัน”

โยบาเนสขยับบั้นท้ายกึ่งลุกขึ้นจากที่นั่งพลางเอ่ยถาม

“ระ เรื่องนั้น…จากสารที่เจ้าตระกูลไอบันส่งมา เห็นว่าเส้นทางการค้าสายหลักถูกตัดขาด พืชสมุนไพรรอบๆ แคมป์ตัดไม้เองก็ถูกฝังกลบหมดเลยพ่ะย่ะค่ะซ้ำร้ายไปกว่านั้น กระทั่งกำแพงเมืองไอบันเองก็พังทลาย…”

“เฮือก!”

“เรื่องใหญ่แล้ว!”

บรรดาขุนนางที่แอบฟังอยู่พร้อมกันต่างส่งเสียงอุทานออกมา

โยบาเนสเองก็ไม่ต่างกัน

แก้วเหล้าถูกยกขึ้นแตะริมฝีปากค้างเอาไว้ ในลำคอลอบเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะอยู่หลายครั้ง

ในตอนนั้นเอง รูลลักที่นั่งฟังรายงานอยู่ด้านหน้าที่นั่งฝ่ายซ้ายก็เอ่ยถามจักรพรรดิขึ้นมา

“ฝ่าบาท มีคนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บมากแค่ไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“คนเสียชีวิต? อา…นั่นสิ เจ้าตระกูลไอบันว่ายังไงบ้าง”

โยบาเนสเพิ่งจะตระหนักได้ถึงหน้าที่ในฐานะจักรพรรดิ จึงเอ่ยถามมหาดเล็กที่เข้ามารายงานทันที

“ในสารที่ทางตระกูลไอบันส่งมา ไม่มีรายงานเรื่องผู้เสียชีวิต…”

มหาดเล็กตื่นตระหนกเล็กน้อย ก่อนจะยื่นกระดาษสีแดงที่ถือไว้ในมือส่งให้แก่โยบาเนส

จักรพรรดิรับกระดาษแผ่นนั้นมาถือไว้ แล้วกวาดสายตาอ่านเนื้อหาในสารคร่าวๆ แต่ไม่มีรายงานแจ้งเกี่ยวกับคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเลยแม้แต่ประโยคเดียว

“มีการติดต่อจากตระกูลอื่นๆ มาด้วยเช่นกัน กระหม่อมจะรวบรวมแล้วมารายงานให้ทราบโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

“อืม รีบหน่อยก็แล้วกัน”

มหาดเล็กรีบร้อนออกไปจากห้องประชุม เสียงพูดคุยจอแจของพวกขุนนางที่เหลืออยู่ในห้องจึงยิ่งดังขึ้นกว่าเดิม

“ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบัน มาทางนี้หน่อย”

ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันที่นั่งอยู่กับที่ด้วยใบหน้าซีดเผือด รีบเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าโยบาเนส

“เจ้าลองอ่านดูเถอะ”

มันเป็นเพียงแค่กระดาษเล็กๆ แผ่นหนึ่งเท่านั้น แต่สารด่วนฉบับนี้เป็นเอกสารทางการที่เจ้าตระกูลไอบันเป็นผู้ส่งถึงจักรพรรดิด้วยตัวเอง

การอนุญาตให้คนอื่นได้อ่านเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเห็นใจของฝ่าบาทที่มีต่อตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันอย่างแท้จริง

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

มือของตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันที่รับกระดาษแผ่นนั้นมาถือไว้สั่นเทาไม่หยุด

“เท่าที่ได้ยินมา ดูเหมือนว่าความเสียหายของตระกูลไอบันจะไม่ได้มากอะไรขนาดนั้นแท้ๆ แล้วทำไมเจ้าถึงได้มีสีหน้าหม่นหมองขนาดนั้นกันล่ะ”

โยบาเนสเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“พ่ะย่ะค่ะ อา เรื่องนั้น…”

ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันลังเลไปครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงแค่ตกใจที่ถึงแม้ฝนจะตกลงมา แต่ตอนนี้ปริมาณน้ำฝนก็ไม่ได้สูงอะไรนัก แต่กลับเกิดเหตุดินถล่มเสียได้เท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

“หืม? ก็คงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ สินะ ต่อให้ทางเหนือจะเป็นเขตหุบเขาก็เถอะ แต่ปกติก็ไม่ค่อยเกิดเหตุดินถล่มเท่าไหร่”

“…”

ถึงแม้จักรพรรดิจะเอ่ยถาม แต่ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันก็เพียงแค่หลบสายตาของพระองค์เท่านั้น ไม่ได้อธิบายอะไรออกไปเพิ่มเติม

“คงจะต้องหาวิธีรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางเหนือกันเสียก่อน ท่านลอร์ดทั้งหลายคิดเห็นเช่นไรกันบ้าง”

โยบาเนสเอ่ยถามเหล่าขุนนางที่ยังเหลือประปรายในห้องประชุมใหญ่

“อะแฮ่ม”

แต่ครั้งนี้กลับไม่มีคำตอบใดๆ ตอบกลับมา

เป็นเพราะพวกเขากังวลว่า ถ้าหากเผลอพูดอะไรผิดไป อาจจะตกกระไดพลอยโจนกลายเป็นฝ่ายเสียเงินก้อนใหญ่เพื่อช่วยเหลือในการกู้ภัยก็เป็นได้

“เอาไว้เปิดการประชุมอีกครั้งจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”

รูลลัก ลอมบาร์เดีย ลุกขึ้นจากที่นั่งพลางเอ่ยขึ้นว่า

“ให้เวลาสักหน่อย ทุกคนถึงจะไปคิดหาวิธีการให้ความช่วยเหลือมาได้ไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

สายตาเย็นชาของรูลลักกวาดมองรอบห้องประชุมหนึ่งรอบ

โยบาเนสเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของรูลลัก จึงเปิดปากพูดขึ้น

“เช่นนั้นก็เปิดประชุมใหญ่อีกครั้งในอีกสองวันให้หลังแล้วกัน ไปเตรียมวิธีรับมือกับสถานการณ์ดินถล่มทางเหนือกันมาด้วย”

หลังจากกล่าวเช่นนั้น จักรพรรดิก็หันไปพูดกับเฟเรสและอาสทาน่า

“พวกเจ้าชายก็ด้วย ถ้าอย่างนั้นเอาไว้พบกันในอีกสองวันให้หลัง”

โยบาเนสและรูลลัก ลอมบาร์เดีย เดินออกไปจากห้องประชุมพร้อมกัน

ขุนนางที่เหลือต่างเอาแต่พร่ำบ่นด้วยความไม่พอใจ รวมกลุ่มกันสามสี่คนทยอยปลีกตัวออกไปจากห้องประชุมทีละกลุ่ม

“ท่านชายอังเกนัส ทำไมสีหน้าเป็นเช่นนั้นล่ะครับ”

ใครคนหนึ่งที่ขยับกายออกเดินไปพร้อมกับดิวอิจ อังเกนัสเอ่ยถามอีกฝ่าย

“นึกถึงท่านพ่อที่เดินทางไปจัดการงานทางเหนือขึ้นมาได้พอดีน่ะ”

“คงไม่มีเรื่องใหญ่หรอกครับ ท่านก็คงจะอยู่อย่างปลอดภัยในป้อมปราการของเจ้าตระกูลไอบันแหละครับ”

“ตระกูลอังเกนัสกับตระกูลไอบันเองก็เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน ยังไงก็คงจะดูแลท่านเฟรดริกเป็นคนแรกอยู่แล้วละครับ”

“ใช่ครับ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น คงแจ้งมาในสารด่วนไปแล้ว ยังไงก็เป็นบิดาขององค์จักรพรรดินีเชียวนะครับ”

“นั่นสิ…ครับ”

ดิวอิจ อังเกนัส ได้แต่ฝืนพยักหน้ายอมเชื่อในคำพูดของผู้คนรอบข้าง ในขณะที่เดินออกไปจากห้องประชุม

* * *

วันนี้เป็นวันที่สามของสัปดาห์

หมายความว่าเป็นวันที่ที่มีการประชุมเล็กของท่านปู่กับทายาทรุ่นสอง

ท่านปู่ตื่นมาทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ แต่การประชุมจะเริ่มขึ้นเมื่อถึงเวลาเกือบเที่ยง

เธอจัดเตรียมผลไม้กับแซนด์วิชมาให้ท่านปู่ที่งานยุ่งสุดๆ และกำลังยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องทำงาน

“โอ้ เทียมาแล้วหรือ!”

“ข้าเอาของกินมาให้ท่านปู่น่ะค่ะ!”

“โธ่ คนที่คิดถึงปู่คนนี้ นอกจากเทียก็ไม่มีใครแล้ว!”

ท่านปู่ดูจะยินดีและดีใจกับการมาเยี่ยมของเธอเป็นอย่างมาก

พวกเรานั่งตรงข้ามกัน กินอาหารเช้าอย่างอบอุ่น ก่อนที่เธอจะแอบลอบถาม

“ได้ยินว่าทางเหนือเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นหรือคะ ท่านปู่”

“หืม? เรื่องนั้นเจ้ารู้ได้ยังไง”

“ตอนเช้าข้าแวะไปที่ร้านค้าเพลเลสเลยได้ยินมาน่ะค่ะ เพราะกิจการไปรษณีย์ช่วงนี้ข้าเลยต้องแวะไปที่ร้านค้าบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอคะ”

“นั่นสินะ อืม ดูเหมือนกิจการต่างๆ ที่มีรากฐานอยู่ในเขตเหนือ จะได้รับผลกระทบเสียหายไปด้วย”

“พวกเราลอมบาร์เดียเองก็ได้รับผลกระทบด้วยสินะคะเนี่ย โดยเฉพาะเหมืองแร่ กลุ่มการค้า และก็กลุ่มก่อสร้างด้วย…”

พอเธอเริ่มเปิดปากพูด ท่านปู่ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย

“เทีย เจ้าคาดการณ์ได้ถึงเรื่องนั้นเลยหรือเนี่ย เด็กคนนี้ เติบโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

มือสากของท่านปู่ลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู

มือคู่นั้นอาจจะเป็นเพียงแค่มืออ่อนโยนที่ปฏิบัติต่อหลานสาวซึ่งเพิ่งจะอายุได้สิบแปดปีเท่านั้น แต่เธอก็ยังหัวเราะเสียงดังแหะๆ ออดอ้อนท่านตามใจอยากเช่นกัน

“ข้าฉลาดที่สุดในลอมบาร์เดียแล้วนี่คะ มีแต่ท่านปู่นั่นแหละที่ไม่ทราบ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!ใช่แล้ว เจ้าพูดถูก ถึงกับทำให้กิจการไปรษณีย์ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมเลยนี่นา”

“งั้นตอนนี้ท่านปู่เองก็ยอมรับความสามารถของข้าแล้วใช่มั้ยคะ ทุกคนต่างก็บอกว่าข้าทำได้ดีกันทั้งนั้น แต่ข้ายังไม่ได้ยินจากท่านปู่อยู่คนเดียวเองค่ะ คำชมน่ะ”

ท่าทางแง่งอนพอสมควรไม่ดูน่าเกลียดเกินไปของเธอ ทำให้รอยยิ้มของท่านปู่แปรเปลี่ยนกลายเป็นเสียงหัวเราะลั่น

“คำชมจากปู่คนนี้สำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ”

“แน่นอนสิคะ! ท่านปู่เป็นใครกันล่ะคะ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ที่จริงแล้วปู่ก็แอบพาเจ้าตระกูลท่านอื่นๆ ไปร่วมงานเปิดตัวกิจการมาเหมือนกัน! หลานปู่น่าภูมิใจมาก!”

ท่านปู่หัวเราะเสียงดังคิกคัก

อืมม ประมาณนี้บรรยากาศน่าจะดีพอแล้วละมั้ง

“ถ้างั้นตอนนี้ท่านปู่ก็ยอมรับข้าแล้วใช่มั้ยคะ”

“จะไม่ยอมรับได้ยังไงกันล่ะ!”

ท่านปู่พยักหน้าลงอย่างหนักแน่น

“ท่านปู่ ข้ามีเรื่องอยากจะบอกค่ะ”

ถ้างั้นก็ เตรียมตัวนะคะ

“เรื่องเหตุดินถล่มทางเหนือน่ะค่ะ ข้ามีความคิดดีๆ อยู่ ลองฟังดูหน่อยมั้ยคะ”

ลุยละนะ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]