เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

ตอนที่ 142

เจ้าตระกูลอังเกนัสนั่งรถม้าฝ่าประตูเมืองที่ปิดแน่นออกไป แม้ทหารจะห้ามปรามแล้วก็ตาม หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าตรงไปยังแคมป์ตัดไม้

แต่โชคร้ายที่ดันเกิดเหตุการณ์หินและดินถล่มลงมากลบทับเส้นทางบนภูเขา รถม้าที่เจ้าตระกูลอังเกนัสโดยสารออกไปจึงถูกฝังกลบอยู่ใต้ดิน

หลังจากที่ทางไอบันทราบว่าเจ้าตระกูลอังเกนัสหายตัวไป พวกเขาก็ได้ส่งทหารออกไปตามหารถม้าคันนั้นอย่างรวดเร็ว แต่น่าเศร้าที่กว่าจะพบตัว เจ้าตระกูลกับสารถีรถม้าก็หมดลมหายใจไปเสียแล้ว

เนื้อหาโดยละเอียดของสารที่ได้รับยังคงเต็มอยู่ในหัวสมอง แต่ลอนเชนต์ได้แต่นั่งเงียบ

นั่นเป็นมารยาทที่เขาพึงปฏิบัติต่อจักรพรรดินี

จักรพรรดินีราวีนี่เป็นฝ่ายถามกลับไปแทน

“ท่านพ่อเหรอคะ…ว่ายังไงนะคะ”

ต่อให้เป็นจักรพรรดินีที่ได้ชื่อว่าไร้น้ำตา ไร้หยาดเลือด ต่อหน้าข่าวอันน่าสลดของผู้เป็นบิดา ก็ไม่อาจเลือดเย็นต่อไปได้สินะ

ลอนเชนต์ยิ่งรู้สึกเศร้าหมองมากกว่าเดิม ก่อนจะเอ่ยต่อไป

“เจ้าตระกูลอังเกนัสเสียชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ นี่คือสารที่ส่งจากตระกูลไอบันมาถึงกระหม่อมเมื่อเช้านี้”

สารแผ่นเล็กที่ห้อยอยู่บนขาของนกพิราบสื่อสาร บินข้ามผ่านทวีปมาไกลแสนไกล มันจึงทั้งสกปรก ทั้งยับยู่ยี่ไปหมด

ช่างแตกต่างกับมือขาวเนียน ทั้งยังถูกบำรุงดูแลอย่างดีของจักรพรรดินีที่รับสารฉบับนั้นไปถือไว้มากเหลือเกิน

ศีรษะของจักรพรรดินีก้มลงอย่างช้าๆ

เพราะศีรษะทุยที่ก้มลงนั่น ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของนางอีกต่อไปว่ากำลังแสดงสีหน้าแบบใด

ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ลอนเชนต์ ไอบันรู้สึกเห็นใจอีกฝ่าย เขาจึงเอ่ยออกไปเพื่อปลอบประโลมจักรพรรดินี

“กระหม่อมทราบดีว่าพระองค์คงจะใจสลายพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี เจ้าตระกูลอังเกนัสที่สิ้นไปแล้ว ท่านเป็นที่เคารพของขุนนางมากมายจริงๆ”

ถึงแม้จะพูดปลอบประโลมสั้นๆ แต่จักรพรรดินีก็ไม่แม้แต่จะขยับกาย

จะใจสลายมากขนาดไหนถึงได้เป็นเช่นนั้นกันนะ

บางทีหยาดน้ำตาอุ่นร้อนอาจจะกำลังไหลอาบลงมาทั่วใบหน้าของจักรพรรดินีอยู่ก็เป็นได้

ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันครุ่นคิดไปพลางเอ่ยต่อเพื่อปลอบโยน

“ตระกูลไอบันของกระหม่อมจะทำสุดความสามารถ เพื่อส่งร่างท่านเจ้าตระกูลอังเกนัสกลับมายังเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย ไม่มีบุบสลาย…”

“แล้วต้นทรีบ้าเป็นยังไงบ้างคะ”

“…พ่ะย่ะค่ะ?”

ลอนเชนต์ ไอบันแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง

เขาจึงถามกลับไป

“ทรงตรัสเรื่องอะไร…”

“ต้องเอาต้นทรีบ้าที่รวบรวมไว้กลับมาแท้ๆ”

จักรพรรดินีเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ

ใบหน้าของจักรพรรดินีราวีนี่ที่เงยขึ้นรับแสงอาทิตย์อีกครั้ง ดูสมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง

เครื่องสำอางที่แต่งแต้มบนใบหน้าไม่มีส่วนใดเลอะเทอะด้วยหยาดน้ำตาแม้แต่ส่วนเดียว ไม่แม้แต่จะร้องไห้ ไม่มีแม้กระทั่งใบหน้าที่บิดเบี้ยวไม่น่ามองด้วยความเศร้า

ตรงหน้านี้คือใบหน้าที่เหมือนเมื่อครู่ตอนที่สนทนากันก่อนเขาจะแจ้งข่าวการเสียชีวิตให้ทราบ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“ท่านพ่อเดินทางไปร่วมการประมูลไม้ทรีบ้าทางเหนือด้วยตัวเอง เพื่อที่จะรวบรวมต้นทรีบ้าแท้ๆ ไม่ทราบว่าทางตระกูลไอบันจะช่วยขนย้ายมันไปยังอังเกนัสได้มั้ยคะ”

“อ๊ะ ระ เรื่องนั้น…”

ลอนเชนต์ ไอบันพูดอะไรไม่ออกไปครู่ใหญ่

ใบหน้าอันแสนงดงามดั่งรูปสลักของจักรพรรดินีที่กำลังมองตนอยู่นั้น มันทำให้เขารู้สึกขนลุก

ผู้เป็นบิดาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุแท้ๆ แต่คำแรกของจักรพรรดินีหลังทราบข่าวที่ว่านั่น กลับเกี่ยวกับต้นทรีบ้าเสียได้

การก่อสร้างพัฒนาภาคตะวันตกสำคัญกว่าความตายของบิดาอีกงั้นหรือ

“ถะ ถ้าหากแจ้งให้ทางกระหม่อมทราบว่าเก็บไว้ที่โกดังไหน…”

ในสถานการณ์ที่แค่ฟื้นฟูไอบันก็งานแน่นเต็มมือมากพอแล้ว เขาควรที่จะยืนกรานปฏิเสธออกไปก็จริง แต่ลอนเชนต์ดันเผลอตอบออกไปเช่นนั้น เพราะเขากำลังสับสน

‘จักรพรรดินีช่างอันตรายจริงๆ ต้องเว้นระยะห่างกับพวกอังเกนัสเสียแล้ว’

สัญชาตญาณกำลังตะโกนกู่ร้องบอกเขาเช่นนั้น

เพื่อความปรารถนาของตัวเอง จักรพรรดินีเป็นคนที่ยอมรับความสูญเสียได้ทุกรูปแบบ

และในครั้งถัดไป คนคนนั้นอาจจะเป็นตระกูลไอบันก็เป็นได้

ตอนที่เดินทางมาเยือนวังจักรพรรดินี ลอนเชนต์ ไอบันรู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก

เพราะยังมีข่าวร้ายอีกข่าวหนึ่งที่เขาต้องการแจ้งให้จักรพรรดินีทราบพร้อมกับข่าวการเสียชีวิตของบิดา

มันเป็นคำสั่งที่เจ้าตระกูลไอบันสั่งผ่านสารที่ส่งมา ตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้มาลองคิดดูมันเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมากจริงๆ

ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันคิดถึงจุดนั้น ก่อนจะพยักหน้าหนักอึ้ง พลางเปิดปากพูด

“ไม้ที่เจ้าตระกูลอังเกนัสซื้อและรวบรวมเอาไว้ ทางกระหม่อมจะจัดการส่งให้ถึงเขตแดนอังเกนัสพ่ะย่ะค่ะ แต่ว่า…”

“มีเรื่องอะไรคะ”

“ดูเหมือนว่าต่อไปทางกระหม่อมจะขายต้นทรีบ้าให้อังเกนัสได้ยากพ่ะย่ะค่ะ เพราะทางเราเองก็ต้องการใช้มันเพื่อก่อสร้างฟื้นฟูไอบันเช่นกัน…ขอจักรพรรดินีทรงเห็นใจด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

นัยน์ตาสีฟ้าของจักรพรรดินีส่องประกายเย็นยะเยือก

ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันหลบสายตาไม่กล้ามองสบตานาง เขาได้แต่กลืนน้ำลายขมฝาดลงคอเสียงดังอึก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]