เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

ในตอนที่เหล่ามหาดเล็กและข้ารับใช้ทั้งหลายต่างกำลังยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดห้องรับรอง จักรพรรดินีราวีนี่ก็เดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง

นางเรียกนางกำนัลให้เข้ามาพบในทันที แล้วเปลี่ยนไปสวมเป็นเดรสเรียบง่ายไร้การตกแต่งที่เก็บอยู่ในซอกหลืบมุมหนึ่ง

หลังจากนั้นจึงค่อยนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบเอาสำลีขึ้นมาเช็ดเครื่องประทินผิวบนใบหน้าอย่างเงียบๆ

แซก แซก

เสียงแผ่วเบาดังขึ้นพร้อมกับเครื่องสำอางถูกลบออกไปจากใบหน้าของจักรพรรดินีจนหมดเกลี้ยง

ไม่นานหลังจากนั้น สิ่งที่หลงเหลือสะท้อนอยู่ในกระจกก็มีเพียงราวีนี่ที่นั่งนิ่งด้วยสีหน้าซีดเผือด ไร้สีเลือด

“ฝ่าบาทเสด็จมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ทันทีที่มหาดเล็กแจ้งขึ้น จักรพรรดินีก็สูดลมหายใจเข้าลึกเสียงแผ่ว แล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง

และในวินาทีถัดมา นางก็เดินออกจากห้องนอน พร้อมกับเอ่ยเรียกองค์จักรพรรดิด้วยเสียงเศร้าหมอง

“ฝ่าบาท…”

เพียงพริบตาก็ไม่อาจมองเห็นภาพลักษณ์อันแสนเย็นชาเมื่อครู่นี้จากใบหน้าของจักรพรรดินีได้อีก เหลือเพียงแค่สีหน้าโศกเศร้าดูน่าสงสารเท่านั้น

* * *

พระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงต่ำ

ณ ‘เจนเทิลแมนคลับ’ คลับของชนชั้นสูงซึ่งตั้งอยู่ในย่านการค้าเซดาคิวนาร์ของเมืองหลวง สถานที่ที่บรรดาผู้ชายมักจะมาร่วมดื่มเหล้าสนทนากัน

หลังจากออกมาจากวังจักรพรรดินี ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันก็มุ่งตรงมาที่นี่ทันที

ลอนเชนต์ ไอบันผู้มีใบหน้าเหนื่อยล้า

“เกินไปแล้ว”

เพื่อที่จะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการประชุมใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้

ในการประชุมปรึกษาหารือวิธีการรับมือกับเหตุดินถล่มทางเหนือ ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันจำเป็นต้องหาใครสักคนที่จะช่วยยืนกรานให้ส่วนกลางส่งความช่วยเหลือไปที่ไอบัน

ปกติเขาเองก็เดินทางมาเมืองหลวงค่อนข้างบ่อย ถึงคิดว่าตัวเองได้สร้างมิตรภาพและสายสัมพันธ์เอาไว้มากพอควร แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันช่างน่าตายนัก

“ข้าอาจจะเป็นสมาชิกสภาขุนนางก็จริง แต่เจ้าเองก็รู้ไม่ใช่หรือว่าข้ายังอยู่แค่ปลายแถว จะให้ข้าออกหน้าพูดแทนก็คงจะยากไปหน่อย เฮ้อ”

“ต้องขอโทษด้วย แต่ถ้าพูดแบบนั้นออกไป ข้าคงได้โดนขุนนางท่านอื่น ๆ เพ่งเล็งเข้าน่ะสิ มันก็เหมือนกับบอกให้ควักกระเป๋าตัวเองไปช่วยฟื้นฟูเรื่องทางเหนือไม่ใช่เหรอ”

ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว ที่จะยอมเอ่ยปากช่วยเหลือเขตเหนือด้วยความยินดี

ผู้คนที่เขาเคยชนแก้วเหล้าด้วยกันทุกวัน ทั้งยังไปร่วมงานเลี้ยงด้วยกันอยู่เสมอ ต่างก็หันหลังให้เขาทั้งนั้น

แทนที่จะรีบเดินทางกลับเขตเหนือ ลอนเชนต์ ไอบันต้องรั้งรออยู่ในเมืองหลวงเพื่อการนี้โดยเฉพาะแท้ ๆ

ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนด้วยความหนักใจ

ในเมื่อตอนนี้พวกเขาไม่อาจมอบต้นทรีบ้าให้ได้อีกต่อไป จะบากหน้าไปขอความร่วมมือจากทางด้านอังเกนัสก็คงจะยากเกินไป

หากไปร่วมการประชุมวันพรุ่งนี้ในสภาพนี้ล่ะก็ เงินสนับสนุนจำนวนมากที่ทางตะวันออกจะได้รับไปนั่น พวกเขาคงไม่อาจขอแบ่งมันมาได้แม้แต่เหรียญเดียว

“คนอื่น ๆ ต่างก็เลือดเย็นไร้หัวใจแบบนี้กันเสมอเลยหรือ”

ไหล่ของลอนเชนต์ลู่ลงด้วยความเหนื่อยล้าในขณะที่เดินกลับไปยังรถม้าที่จอดอยู่ในละแวกนั้น

ในตอนนั้นเอง

“ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันใช่มั้ยครับ”

ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้รถม้า ก็มีใครคนหนึ่งเอ่ยเรียกเขาเอาไว้

“ใช่ นั่นใครหรือ”

“ข้าคือพ่อบ้านจากตระกูลลอมบาร์เดีย นามโยฮันครับ ท่านเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียส่งข้ามาเชิญตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันให้ไปพบที่คฤหาสน์ครับ”

“ลอมบาร์เดีย…?”

ความสัมพันธ์ระหว่างลอมบาร์เดียกับไอบันไม่ได้ดีเด่อะไรขนาดนั้น

พวกเขารักษาความสัมพันธ์เอาไว้ได้โดยไม่แย่นัก เพราะยังต้องร่วมธุรกิจทางด้านเหมืองแร่กับกลุ่มการค้า หรือกิจการอื่น ๆ กันอยู่ แต่ระยะหลังมานี่ไอบันได้เลือกที่จะยืนฝ่ายจักรพรรดินี ต่างฝ่ายจึงได้แต่คอยระแวงจับตามองอีกฝ่าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]