เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

ตอนที่ 143

“ได้ยินคำพูดปลอบโยนจากคุณหนูตัวน้อยแบบนี้ ยิ่งรู้สึกขอบคุณมากเลยครับ”

ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันเอ่ยกับเธอเสียงสั่นเครือ

“ไม่ได้พูดเพราะนางเป็นหลานสาวข้าหรอกนะ ตอนนี้นางอาจจะเพิ่งบรรลุนิติภาวะก็จริง แต่ก็เป็นเด็กที่ใจกว้าง ทั้งยังฉลาดมากทีเดียว”

ท่านปู่แอบพูดชมเธอจากข้างๆ

“กิจการไปรษณีย์ลอมบาร์เดียคราวนี้เองก็เป็นผลงานของเด็กคนนี้”

“โอ้ว อย่างนั้นหรือครับ”

แววตาของตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันที่หันมามองเธอเปลี่ยนแปลงไปในทันที

เธอฉีกยิ้มพร้อมกับชี้ไปยังโต๊ะที่มีชาจัดเตรียมเอาไว้

“ข้าเตรียมชาที่จะช่วยผ่อนคลายให้หลับสบายเอาไว้ให้ค่ะ ดื่มไปคุยไปเถอะค่ะ”

ชาที่เธอเป็นคนเลือกด้วยความเอาใจใส่ ที่จริงแล้วเป็นชาที่ช่วยให้ใจสงบลงมากกว่าจะช่วยเรื่องการนอนหลับ

และดูเหมือนมันจะได้ผลดียิ่ง สีหน้าของตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันที่นั่งลงจิบชาไปหลายจิบดูดีกว่าเมื่อครู่นี้อย่างเห็นได้ชัด

ใบหน้านิ่งขรึมเหมือนน้ำแข็งก็ละลายลงดูอ่อนโยนมากขึ้น

อ่อนลงจนเหมาะที่จะบดขยี้ลงไปตามใจชอบเลยละ

“สถานการณ์ความเสียหายเป็นยังไงบ้าง”

ท่านปู่เป็นฝ่ายพูดก่อนตามสคริปต์ที่เธอวางไว้ให้ก่อนที่ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันจะมาถึง

“เท่าที่ประเมินจนถึงตอนนี้ ผู้ได้รับบาดเจ็บมีไม่มากเท่าไหร่ครับ ทว่า…”

ผิดคาด ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันยอมเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นออกมาตามตรงอย่างไม่คิดปิดบัง

“หากปล่อยไว้แบบนี้ เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไปและฤดูใบไม้ผลิมาถึง พลเมืองคงไม่อาจทำการเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรได้แน่ครับ”

“ตอนนี้เรื่องเพาะปลูกมันใช่ปัญหาที่ไหนกันล่ะ ต้องเป็นห่วงเรื่องฤดูหนาวที่จะมาเยือนก่อนต่างหาก ฤดูหนาวของแถบเหนือรุนแรงมากไม่ใช่หรือไง”

“…ที่กล่าวมาก็ถูกครับ”

ไหล่ของตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันลู่ลงอย่างไร้เรี่ยวแรง

และเมื่อได้เห็นภาพนั้น เธอก็มั่นใจในทันที

เห็นว่าเดินทางเข้าวังจักรพรรดินีไปตั้งแต่เช้าตรู่ ท่าทางความสัมพันธ์กับจักรพรรดินีจะไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อนเสียแล้ว

ถ้าหากยังคงรักษาสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตระกูลอังเกนัสไว้เหมือนเคยแล้วละก็ ตัวแทนเจ้าตระกูลไอบันย่อมต้องไม่ละความระแวดระวังที่มีต่อเธอและท่านปู่จนถึงที่สุด

แต่ก็นะ ในเมื่อไอบันไม่สามารถมอบต้นทรีบ้าให้กับทางนั้นได้อีกต่อไปแล้วจักรพรรดินีย่อมไม่มีทางสนใจไยดีพวกเขาต่อไป

แค่ไม่เชิดหน้าคอตั้งและโวยวายผลักไสภาระความรับผิดชอบเรื่องเหตุดินถล่มใส่ทันทีก็ยังถือว่าแปลกด้วยซ้ำ

ยังไงก็ช่างเถอะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตระกูลไอบันซึ่งเป็นตัวแทนเขตแดนเหนือที่กำลังตกอยู่ในภาวะเหมือนว่าวที่เชือกเริ่มหย่อนจนคล้อยต่ำลงมาต่างหาก

“คราวนี้ตระกูลไอบันประมาทเกินไปจริงๆ จะตัดไม้ก็ควรจะทำอย่างเหมาะสมกำแพงปราการเพียงแค่สร้างขึ้นใหม่ก็ย่อมได้ แต่ชีวิตที่สูญเสียไปจากเหตุดินถล่มนั่นจะทำเช่นไร”

ท่านปู่เอ่ยเสียงเข้มคล้ายเป็นการตำหนิ

เธอที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบเข้าข้างฝ่ายตระกูลไอบัน

“ไม่มีใครทราบนี่คะว่าฝนจะตกลงมาหนักขนาดนั้น ท่านปู่”

“แต่คนเป็นเจ้าตระกูลก็ต้องรู้จักเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์แบบนั้นด้วยสิ”

เธอกับท่านปู่ไม่ได้มีความเห็นขัดแย้งกันจริงๆ หรอกก็แค่เล่นละครไปตามบทที่วางเอาไว้เท่านั้นเอง

ฝ่ายหนึ่งคอยข่มขู่กลั่นแกล้งให้หวาดกลัว กลับกันอีกฝ่ายก็จะช่วยปกป้องและปลอบประโลม

ถ้าทำเช่นนั้น โดยธรรมชาติแล้ว คนที่สามในเหตุการณ์ก็จะมีความรู้สึกที่ดีต่อฝ่ายที่ช่วยออกหน้าปกป้องตัวเอง และเริ่มคล้อยตามคำพูดไปเอง

“ตอนนี้มาพร่ำพูดเรื่องที่ทำพลาดไปแล้วมันจะไปได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาล่ะคะ ท่านปู่ เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ผู้คนทั้งหลายได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนอย่างที่เคยเป็นให้เร็วที่สุดต่างหาก ว่ามั้ยคะ ท่านตัวแทนเจ้าตระกูลไอบัน”

พับเรื่องที่ผ่านมาแล้วเก็บไป แล้วมาหาวิธีการแก้ไขกันดีกว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]