เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

สรุปบท เล่ม 4 บทที่ 147.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

อ่านสรุป เล่ม 4 บทที่ 147.2 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

บทที่ เล่ม 4 บทที่ 147.2 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เฟเรสเพียงแค่กล่าวขอบคุณราโมนาด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้ใส่อารมณ์ความรู้สึกใดๆ ลงไปแม้แต่น้อย

“เพราะพวกเราซื้อไม้ได้อย่างราบรื่นเป็นอย่างดี ถึงทำให้สามารถรีดไถเงินทองจากพวกอังเกนัสมาได้”

“โล่งอกที่หม่อมฉันพอจะเป็นประโยชน์ได้บ้างเพคะ เจ้าชาย”

“ข้าก็โล่งอกเช่นกันที่มีคนไว้ใจได้ทำงานให้เช่นเจ้าอยู่ข้างกาย”

คราวนี้ใบหูของราโมนากลายเป็นสีแดงก่ำเหมือนสีของเส้นผมนางเสียแล้ว

แต่เฟเรสกลับไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมองราโมนา เขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

“เจ้าตระกูลไอบันเป็นคนยังไง”

รามาโนครุ่นคิดไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำถามของเฟเรส แล้วจึงเอ่ยตอบออกไปตามตรง

“เป็นชนชั้นสูงทางเหนือแบบดั้งเดิมเพคะ ถึงแม้จะใจกว้างต่อพลเมืองและคนของตัวเอง แต่ก็เป็นพวกหัวแข็งไม่เปิดรับคนนอก เดิมทีอาจจะมีนิสัยใจกว้างเป็นอย่างมากก็จริง แต่ระยะหลังมานี้ต้องทรมานกับโรคเรื้อรัง ทำให้นิสัยเริ่มเปลี่ยนไปเพคะ”

“นิสัยเปลี่ยนอย่างนั้นหรือ”

“มีเรื่องอะไรกับเจ้าตระกูลไอบันเหรอเพคะ”

“เขาบอกว่าจะไม่ขอรับเงินช่วยเหลือน่ะสิ”

“…เพคะ?” ราโมนาถามกลับไปด้วยความตกใจ

“พูดให้ถูกก็คือ จะไม่รับเงินของราชวงศ์นั่นแหละ เพราะก็ยอมรับของที่ทางลอมบาร์เดียกับทางรูมันจัดเตรียมมาให้เอาไว้ทั้งหมด”

“แต่…ไม่เข้าใจเลยเพคะ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ทางเหนือต้องการความช่วยเหลือทุกอย่างที่สามารถคว้าไว้ได้แท้ๆ แล้วทำไม”

“หรือระดับความเสียหายจะน้อยกว่าที่พวกเราคาดการณ์ไว้”

คำถามของเฟเรสทำให้ราโมนาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ

“แค่เฉพาะเขตแดนไอบันตอนนี้กำแพงป้อมปราการก็พังลงมา ไหนจะทหารยามที่เฝ้ารักษาการณ์อยู่ข้างบนนั้นที่ต้องบาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมากอีก บ้านเรือนรอบๆ กำแพงเองก็ถูกฝังกลบด้วยเพคะ ตอนนี้มีคนมากมายสูญเสียบ้านไป ได้แต่นอนอยู่ในเต็นท์เฝ้ารอการบูรณะกันอยู่ แล้วทำไมเจ้าตระกูลไอบันถึงได้…”

“พาข้าไปที่นั่นได้หรือไม่”

เฟเรสเอ่ยถามราโมนา

“ไม่สิ ข้าเองก็พอจะรู้จักที่ทางในไอบันอยู่บ้างเหมือนกัน แค่บอกว่ามันอยู่ตรงส่วนไหน…”

“หม่อมฉันจะพาไปเองเพคะ”

ราโมนารีบลุกขึ้นจากที่นั่ง ในขณะที่เสนอตัวอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเฟเรสจะเปลี่ยนใจเสียก่อน

“ขอบใจ ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วยนะ ราโมนา”

เฟเรสคลุมฮู้ดปิดใบหน้าอีกครั้ง

บริเวณที่กำแพงพังลงมานั้นอยู่ไม่ไกลจากตลาดเท่าไหร่นัก

เฟเรสหยุดยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าบริเวณดังกล่าว

กำแพงป้อมปราการซึ่งสร้างจากหินก้อนใหญ่ดูแข็งแกร่งที่เขตแดนไอบันภาคภูมิใจนักหนา กลับกลายเป็นเศษซาก กองอยู่บนพื้นดินอย่างไร้ค่า

กุกกัก!

ปลายเท้าของเฟเรสกระทบเข้ากับเศษซากอะไรบางอย่าง

มันเป็นเศษจานเซรามิกทั่วไป

เฟเรสเงยหน้าขึ้นมองกองดินขนาดยักษ์ที่ทับถมลงมาจนทำให้กำแพงเมืองพังราบเป็นหน้ากลอง

“ข้างใต้นั่น…”

“เพคะ มันเป็นสถานที่ที่บ้านเรือนของสามัญชนเคยตั้งอยู่เพคะ”

ธรรมชาติช่างโหดร้ายเสียจริง

เศษซากของภูเขาที่พังลงมาทับกำแพงเมืองไอบันตรงบริเวณนี้มันใหญ่มาก ถ้าหากมีต้นไม้เขียวชอุ่มตั้งตระหง่านอยู่ละก็ หากใครมาบอกว่าตรงนี้เดิมทีเป็นภูเขาขนาดย่อมอยู่ก่อนแล้ว เขาก็คงจะยอมเชื่ออย่างไม่สงสัยเลยทีเดียว

ใหญ่มากเสียจนฝังกลบร่องรอยของผู้คนที่เคยใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไว้ใต้นั้นเสียจนมิด

“ว่าแต่ทำไมถึงได้เงียบแบบนี้ล่ะ”

เป็นเรื่องแปลกพิกลสมควรที่จะรีบขุดดินแล้วยกหินออกไปแท้ๆ แต่รอบๆ นั่นกลับมีแค่คนไม่กี่คน

เท่าที่เห็นตอนนี้ มากสุดก็มีแค่ทหารกลุ่มเล็กๆ จำนวนสามสี่คน กำลังใช้เกวียนขนดินที่ถูกขุดขึ้นมาออกไปเท่านั้นเอง

“นอกจากบริเวณนี้แล้ว ยังมีอีกกำแพงถล่มลงมาอีกที่เพคะ แต่ทางด้านนั้นเป็นจุดสำคัญใกล้ป่าที่มีมอนสเตอร์อยู่มาก แรงงานคนแทบจะทั้งหมดจึงไปกองกันอยู่ทางด้านนั้นเสียส่วนใหญ่”

ทั้งบ้านของเด็กคนนี้ ทั้งแม่ของเขา ต่างก็ถูกฝังอยู่ที่ไหนสักแห่งตรงนั้นสินะ

“อา…”

ราโมนาพูดอะไรไม่ออก นางคว้าไหล่ของเด็กคนนั้นเข้ามาโอบกอดเอาไว้แน่น

เฟเรสมองภาพนั้นก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป

“เด็กน้อย รอตรงนี้แป๊บหนึ่งนะ!”

ราโมนากล่าวกับเด็กน้อยเช่นนั้น แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังเฟเรสไป

นางอาจจะไม่มีความสามารถพอที่จะอ่านความรู้สึกของเฟเรส แต่ตอนนี้นางสามารถรู้ได้

ว่าคนที่กำลังเดินนำหน้านางในตอนนี้กำลังโมโหมากแค่ไหน

“ถะ ถ้ามีเรื่องใดที่หม่อมฉันสามารถช่วยเหลือได้ละก็!”

“ไม่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้”

แต่คำตอบของเฟเรสที่ตอบกลับมากลับยืนกรานหนักแน่น

งานของกลุ่มการค้ากับงานในฐานะเจ้าชายเป็นคนละเรื่องกันอย่างแน่นอน

ราโมนาตระหนักขึ้นมาได้ว่านางกำลังข้ามเส้น จึงรีบขอโทษทันที

“…ขออภัยเพคะ”

เฟเรสส่ายศีรษะด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

“ช่างเถอะ หากจบงานทางเหนือแล้วเจ้าก็กลับไปเมืองหลวงเสีย ถึงตอนนั้นข้าจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า”

เฟเรสเหลือทิ้งท้ายไว้เพียงแค่คำพูดประโยคนั้น แล้วสาวเท้าก้าวพรวดตรงกลับไปยังคฤหาสน์ไอบันทันที

ราโมนาเหม่อมองภาพด้านหลังของชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปหาเด็กน้อย นางยิ้มกว้างดูสดใสมากกว่าที่เคย พลางเอ่ยขึ้นว่า

“ไปกันเถอะ พี่สาวจะเลี้ยงขนมปังเองนะ!”

แต่ในขณะที่จับมือเด็กน้อยพาเดินตรงไปยังตลาด สายตาของราโมนาก็ยังคงเหม่อมองภาพด้านหลังของเฟเรสไม่ละสายตา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]