เฟเรสเพียงแค่กล่าวขอบคุณราโมนาด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้ใส่อารมณ์ความรู้สึกใดๆ ลงไปแม้แต่น้อย
“เพราะพวกเราซื้อไม้ได้อย่างราบรื่นเป็นอย่างดี ถึงทำให้สามารถรีดไถเงินทองจากพวกอังเกนัสมาได้”
“โล่งอกที่หม่อมฉันพอจะเป็นประโยชน์ได้บ้างเพคะ เจ้าชาย”
“ข้าก็โล่งอกเช่นกันที่มีคนไว้ใจได้ทำงานให้เช่นเจ้าอยู่ข้างกาย”
คราวนี้ใบหูของราโมนากลายเป็นสีแดงก่ำเหมือนสีของเส้นผมนางเสียแล้ว
แต่เฟเรสกลับไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมองราโมนา เขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“เจ้าตระกูลไอบันเป็นคนยังไง”
รามาโนครุ่นคิดไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำถามของเฟเรส แล้วจึงเอ่ยตอบออกไปตามตรง
“เป็นชนชั้นสูงทางเหนือแบบดั้งเดิมเพคะ ถึงแม้จะใจกว้างต่อพลเมืองและคนของตัวเอง แต่ก็เป็นพวกหัวแข็งไม่เปิดรับคนนอก เดิมทีอาจจะมีนิสัยใจกว้างเป็นอย่างมากก็จริง แต่ระยะหลังมานี้ต้องทรมานกับโรคเรื้อรัง ทำให้นิสัยเริ่มเปลี่ยนไปเพคะ”
“นิสัยเปลี่ยนอย่างนั้นหรือ”
“มีเรื่องอะไรกับเจ้าตระกูลไอบันเหรอเพคะ”
“เขาบอกว่าจะไม่ขอรับเงินช่วยเหลือน่ะสิ”
“…เพคะ?” ราโมนาถามกลับไปด้วยความตกใจ
“พูดให้ถูกก็คือ จะไม่รับเงินของราชวงศ์นั่นแหละ เพราะก็ยอมรับของที่ทางลอมบาร์เดียกับทางรูมันจัดเตรียมมาให้เอาไว้ทั้งหมด”
“แต่…ไม่เข้าใจเลยเพคะ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ทางเหนือต้องการความช่วยเหลือทุกอย่างที่สามารถคว้าไว้ได้แท้ๆ แล้วทำไม”
“หรือระดับความเสียหายจะน้อยกว่าที่พวกเราคาดการณ์ไว้”
คำถามของเฟเรสทำให้ราโมนาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ
“แค่เฉพาะเขตแดนไอบันตอนนี้กำแพงป้อมปราการก็พังลงมา ไหนจะทหารยามที่เฝ้ารักษาการณ์อยู่ข้างบนนั้นที่ต้องบาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมากอีก บ้านเรือนรอบๆ กำแพงเองก็ถูกฝังกลบด้วยเพคะ ตอนนี้มีคนมากมายสูญเสียบ้านไป ได้แต่นอนอยู่ในเต็นท์เฝ้ารอการบูรณะกันอยู่ แล้วทำไมเจ้าตระกูลไอบันถึงได้…”
“พาข้าไปที่นั่นได้หรือไม่”
เฟเรสเอ่ยถามราโมนา
“ไม่สิ ข้าเองก็พอจะรู้จักที่ทางในไอบันอยู่บ้างเหมือนกัน แค่บอกว่ามันอยู่ตรงส่วนไหน…”
“หม่อมฉันจะพาไปเองเพคะ”
ราโมนารีบลุกขึ้นจากที่นั่ง ในขณะที่เสนอตัวอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเฟเรสจะเปลี่ยนใจเสียก่อน
“ขอบใจ ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วยนะ ราโมนา”
เฟเรสคลุมฮู้ดปิดใบหน้าอีกครั้ง
บริเวณที่กำแพงพังลงมานั้นอยู่ไม่ไกลจากตลาดเท่าไหร่นัก
เฟเรสหยุดยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าบริเวณดังกล่าว
กำแพงป้อมปราการซึ่งสร้างจากหินก้อนใหญ่ดูแข็งแกร่งที่เขตแดนไอบันภาคภูมิใจนักหนา กลับกลายเป็นเศษซาก กองอยู่บนพื้นดินอย่างไร้ค่า
กุกกัก!
ปลายเท้าของเฟเรสกระทบเข้ากับเศษซากอะไรบางอย่าง
มันเป็นเศษจานเซรามิกทั่วไป
เฟเรสเงยหน้าขึ้นมองกองดินขนาดยักษ์ที่ทับถมลงมาจนทำให้กำแพงเมืองพังราบเป็นหน้ากลอง
“ข้างใต้นั่น…”
“เพคะ มันเป็นสถานที่ที่บ้านเรือนของสามัญชนเคยตั้งอยู่เพคะ”
ธรรมชาติช่างโหดร้ายเสียจริง
เศษซากของภูเขาที่พังลงมาทับกำแพงเมืองไอบันตรงบริเวณนี้มันใหญ่มาก ถ้าหากมีต้นไม้เขียวชอุ่มตั้งตระหง่านอยู่ละก็ หากใครมาบอกว่าตรงนี้เดิมทีเป็นภูเขาขนาดย่อมอยู่ก่อนแล้ว เขาก็คงจะยอมเชื่ออย่างไม่สงสัยเลยทีเดียว
ใหญ่มากเสียจนฝังกลบร่องรอยของผู้คนที่เคยใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไว้ใต้นั้นเสียจนมิด
“ว่าแต่ทำไมถึงได้เงียบแบบนี้ล่ะ”
เป็นเรื่องแปลกพิกลสมควรที่จะรีบขุดดินแล้วยกหินออกไปแท้ๆ แต่รอบๆ นั่นกลับมีแค่คนไม่กี่คน
เท่าที่เห็นตอนนี้ มากสุดก็มีแค่ทหารกลุ่มเล็กๆ จำนวนสามสี่คน กำลังใช้เกวียนขนดินที่ถูกขุดขึ้นมาออกไปเท่านั้นเอง
“นอกจากบริเวณนี้แล้ว ยังมีอีกกำแพงถล่มลงมาอีกที่เพคะ แต่ทางด้านนั้นเป็นจุดสำคัญใกล้ป่าที่มีมอนสเตอร์อยู่มาก แรงงานคนแทบจะทั้งหมดจึงไปกองกันอยู่ทางด้านนั้นเสียส่วนใหญ่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...