เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

สรุปบท เล่ม 4 บทที่ 148.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

สรุปเนื้อหา เล่ม 4 บทที่ 148.1 – เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

บท เล่ม 4 บทที่ 148.1 ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 148

ไม่กี่วันหลังจากนั้น

มิเคนเต้ ไอบันถือยาของบิดาเดินเข้าไปในห้องทำงาน

“ทางนี้ มิเคนเต้”

เจ้าตระกูลไอบันนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมที่วางอยู่ริมหน้าต่างด้วยใบหน้าเหนื่อยล้าในขณะที่เอ่ยเรียกมิเคนเต้

“ข้าเอายามาให้ครับ ท่านพ่อ”

“อืมม ยกมานี่สิ”

มิเคนเต้เหม่อมองบิดาที่กำลังดื่มยาด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า

เจ้าตระกูลไอบันร่างกายอ่อนแอลงเป็นอย่างมากด้วยโรคภัยที่รุมเร้ามาเป็นเวลานาน กว่าจะลุกขึ้นจากเตียงคนป่วยได้ก็เพิ่งจะผ่านมาไม่นานเท่านั้น

แพทย์ประจำตระกูลพยายามห้ามปรามไว้ว่า จะปล่อยให้ทำงานหนักแบบนี้ต่อไปไม่ได้ แต่เจ้าตระกูลก็ยังคงรั้นไม่ยอมเชื่อฟัง

มิเคนเต้ทราบนิสัยของผู้เป็นบิดาดีว่า หากตั้งใจจริงแล้วละก็ ท่านพ่อจะไม่มีวันเปลี่ยนใจเด็ดขาด ดังนั้นแทนที่จะห้ามปรามเจ้าตระกูลไอบัน เจ้าตัวจึงพยายามช่วยแบ่งเบาภาระ รับเอางานภายในเขตแดนมาช่วยดูแลให้ได้มากที่สุด

แต่ถึงเขาจะทำเช่นนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าใจที่หนักอึ้งด้วยความเป็นห่วงบิดาจะลดน้อยลงไป

“ปล่อยไว้แบบนี้คงได้เกิดเรื่องใหญ่เป็นแน่ครับ ท่านพ่อ”

“แค่นี้ย่อมไม่เป็นอันตรายหรอก”

เจ้าตระกูลไอบันเอ่ยด้วยใบหน้าหลากอารมณ์

หลังเกิดเหตุดินถล่ม เจ้าตระกูลไม่เคยได้นอนหลับสนิทเลยแม้แต่คืนเดียว

หลับตาลงทีไร ก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้คน กับเสียงดินถล่มดังสนั่นในคืนที่เกิดเรื่องขึ้นอยู่เรื่อย

“พลเมืองลำบากยิ่งกว่าข้าอีก”

เจ้าตระกูลไอบันรู้สึกว่าตนเป็นคนที่สมควรจะต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่าใครและมิเคนเต้เองก็เข้าใจความรู้สึกนั้นดี จึงคอยช่วยแบ่งเบางานจากบิดาอยู่เสมอ แต่วันนี้เขาต้องรวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยปากพูดเรื่องนี้ออกไปอย่างระมัดระวัง

“เรารับเงินช่วยเหลือดีมั้ยครับ”

แต่เจ้าตระกูลไอบันกลับเมินเฉยคำพูดของเขาแล้วกรอกยาที่เหลืออยู่ในขวดทั้งหมดเทใส่ปาก เช็ดปากลวกๆ ด้วยแขนเสื้อ จากนั้นจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง

“วันนี้ข้าคงจะกลับค่ำหน่อย ต้องนำไม้ทรีบ้าไปส่งให้เขตแดนโจนิกซ์ ระหว่างนี้ก็ฝากเจ้าดูแลแขกทั้งหลายในคฤหาสน์ด้วยแล้วกัน”

“เรื่องไม้แค่ให้คนอื่นไปแทนก็ได้ไม่ใช่หรือครับ ไม่สิ เดี๋ยวข้าไปเองครับ ท่านพ่อพักสักหน่อยเถอะนะครับ”

“ไม่ ต้องให้พวกเขาได้เห็นหน้าข้าผู้เป็นเจ้าตระกูลเสียหน่อย ถึงจะช่วยลดความโศกเศร้าของพวกเขาลงได้บ้างไม่ใช่หรือไง”

“ถ้าอยากจะช่วยเหลือพวกเขาจริงๆ ก็น่าจะรับเงินช่วยเหลือจากราชวงศ์สิครับ”

“…ข้าต้องไปแล้ว”

“ท่านพ่อ!”

“ยังไม่เข้าใจอีกหรือไง!”

สุดท้ายสองพ่อลูกก็ทะเลาะกันจนได้

“เกี่ยวพันกับราชวงศ์ดิวเรลลี่ต่อไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก! เรื่องครั้งนี้ก็เป็นเพราะลอนเชนต์ลากราชวงศ์เข้ามายุ่งกับกิจการของไอบัน ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ!”

เจ้าตระกูลไอบันตวาดเสียงดังจนหน้าผากยับย่นไปด้วยริ้วรอยลึก ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มโงนเงนทรงตัวไม่อยู่

จากนั้นในชั่วพริบตา ภาพตรงหน้าก็พลันพร่ามัวจนมองไม่เห็น

“ท่านพ่อ!”

มิเคนเต้รีบเข้าไปพยุงเจ้าตระกูลไอบันอย่างทุลักทุเลให้กลับมานั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง

“ฮู่ว…”

เจ้าตระกูลไอบันถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เรื่องทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่น่าฝากงานของตระกูลไว้ที่ลอนเชนต์เลย”

“แต่ที่ท่านพี่พูดมาก็มีส่วนถูกนี่ครับ อย่างไรอีกไม่นานก็ต้องมีการแบ่งฝ่ายเลือกข้างกันอยู่ดี ดังนั้นการร่วมมือกับอังเกนัสที่เป็นตระกูลของจักรพรรดินีก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ถึงยังไงตำแหน่งรัชทายาทก็เป็นของเจ้าชายลำดับที่หนึ่งอย่างที่ท่านพี่กล่าวไว้ไม่ใช่หรือครับ”

“เหอะ!”

เจ้าตระกูลไอบันพ่นลมหายใจเสียงดังหึทางจมูก แล้วเอ่ยถามมิเคนเต้

“ตอนนี้เจ้าก็น่าจะเห็นเจ้าชายลำดับที่สองแล้วไม่ใช่หรือ เจ้ามองยังไงของเจ้า ยังคิดอยู่อีกหรือว่าเจ้าชายลำดับที่หนึ่งจะได้ครองตำแหน่งรัชทายาทอย่างแน่นอนน่ะ มิเคนเต้”

มิเคนเต้เลี่ยงไม่ตอบ

มิเคนเต้ก้มหน้าอ่านรายงานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพับมันเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ

“ไม่มีทางปกปิดเอาไว้ได้ตลอดรอดฝั่งก็จริง แต่ก็น่าจะช่วยซื้อเวลาได้บ้าง”

มิเคนเต้ปลีกตัวหลบออกมาจากห้องทำงานเงียบๆ เขามองเฟเรสที่กำลังควบม้ากลับมายังคฤหาสน์พอดี

คณะเดินทางของเจ้าชายเดินทางมาถึงเขตเหนือได้ห้าวันแล้ว

ที่ผ่านมาทั้งคุณหนูลอมบาร์เดียและท่านชายน้อยรูมัน ไม่มีใครใช้เวลาผ่อนคลายอยู่แต่ในคฤหาสน์เลยสักคน ส่วนเจ้าชายลำดับที่สองนั้นก็งานยุ่งมากเสียจนเขาแทบจะไม่ได้เห็นหน้าค่าตาพระองค์

เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้คิดว่ามันแปลกๆ แต่ที่แท้นั่นเป็นเพราะพระองค์ออกไปแจกจ่ายเสบียงอาหารด้วยตัวเองต่างหากล่ะ

มิเคนเต้หยุดมองภาพด้านหลังของเฟเรสจากริมหน้าต่างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเองและเลือกหยิบเอาเอกสารไม่กี่แผ่นจากบรรดาเอกสารที่อ่านเมื่อเช้าออกมาถือไว้ ก่อนจะเดินกลับออกไปจากห้องทำงานอีกครั้ง

เรื่องที่เขากำลังจะทำมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มากต่อให้เขาเป็นบุตรชาย แต่เรื่องนี้อาจทำให้เขาต้องรับโทษฐานละเมิดคำสั่งของเจ้าตระกูลก็เป็นได้

เพราะอย่างนั้นถึงได้ครุ่นคิดอยู่หลายวันหลายคืน

แต่ก็น่าแปลกที่ใจของเขาในตอนนี้กลับไม่รู้สึกลังเลอีกต่อไป

หลังจากสืบรู้มาว่า วันนี้เจ้าชายลำดับที่สองจะไปทำอะไรที่ไหน เขาก็รู้สึกเหมือนกับโคลนขุ่นในใจมันตกตะกอนจนนิ่งสงบ

ก๊อก ก๊อก

“กระหม่อมมิเคนเต้ ไอบันพ่ะย่ะค่ะ ขอรบกวนเวลาสักครู่ได้มั้ยพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย”

มิเคนเต้เคาะประตูห้องนอนของเจ้าชายลำดับที่สอง

“เข้ามาสิ”

เฟเรสกำลังถอดเสื้อนอกออกพอดี

“มีเรื่องอะไรหรือ มิเคนเต้ ไอบัน”

“กระหม่อมมีของจะถวายพ่ะย่ะค่ะ” มิเคนเต้ส่งเอกสารที่กำไว้ในมือให้กับเฟเรส

“นี่มัน…”

“สถานการณ์ความเสียหายจากเหตุดินถล่มที่บรรดาเจ้าเมืองทั้งหลายรายงานเข้ามา และเงินชดเชยที่พวกเขาเรียกร้องมาที่ไอบันพ่ะย่ะค่ะ หากมีเอกสารฉบับนี้ ต่อให้ไม่มีคำอนุญาตจากท่านพ่อ เจ้าชายก็สามารถแบ่งเงินช่วยเหลือไปให้แต่ละเขตแดนได้พ่ะย่ะค่ะ”

* * *

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]