ตอนที่ 148
ไม่กี่วันหลังจากนั้น
มิเคนเต้ ไอบันถือยาของบิดาเดินเข้าไปในห้องทำงาน
“ทางนี้ มิเคนเต้”
เจ้าตระกูลไอบันนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมที่วางอยู่ริมหน้าต่างด้วยใบหน้าเหนื่อยล้าในขณะที่เอ่ยเรียกมิเคนเต้
“ข้าเอายามาให้ครับ ท่านพ่อ”
“อืมม ยกมานี่สิ”
มิเคนเต้เหม่อมองบิดาที่กำลังดื่มยาด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า
เจ้าตระกูลไอบันร่างกายอ่อนแอลงเป็นอย่างมากด้วยโรคภัยที่รุมเร้ามาเป็นเวลานาน กว่าจะลุกขึ้นจากเตียงคนป่วยได้ก็เพิ่งจะผ่านมาไม่นานเท่านั้น
แพทย์ประจำตระกูลพยายามห้ามปรามไว้ว่า จะปล่อยให้ทำงานหนักแบบนี้ต่อไปไม่ได้ แต่เจ้าตระกูลก็ยังคงรั้นไม่ยอมเชื่อฟัง
มิเคนเต้ทราบนิสัยของผู้เป็นบิดาดีว่า หากตั้งใจจริงแล้วละก็ ท่านพ่อจะไม่มีวันเปลี่ยนใจเด็ดขาด ดังนั้นแทนที่จะห้ามปรามเจ้าตระกูลไอบัน เจ้าตัวจึงพยายามช่วยแบ่งเบาภาระ รับเอางานภายในเขตแดนมาช่วยดูแลให้ได้มากที่สุด
แต่ถึงเขาจะทำเช่นนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าใจที่หนักอึ้งด้วยความเป็นห่วงบิดาจะลดน้อยลงไป
“ปล่อยไว้แบบนี้คงได้เกิดเรื่องใหญ่เป็นแน่ครับ ท่านพ่อ”
“แค่นี้ย่อมไม่เป็นอันตรายหรอก”
เจ้าตระกูลไอบันเอ่ยด้วยใบหน้าหลากอารมณ์
หลังเกิดเหตุดินถล่ม เจ้าตระกูลไม่เคยได้นอนหลับสนิทเลยแม้แต่คืนเดียว
หลับตาลงทีไร ก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้คน กับเสียงดินถล่มดังสนั่นในคืนที่เกิดเรื่องขึ้นอยู่เรื่อย
“พลเมืองลำบากยิ่งกว่าข้าอีก”
เจ้าตระกูลไอบันรู้สึกว่าตนเป็นคนที่สมควรจะต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่าใครและมิเคนเต้เองก็เข้าใจความรู้สึกนั้นดี จึงคอยช่วยแบ่งเบางานจากบิดาอยู่เสมอ แต่วันนี้เขาต้องรวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยปากพูดเรื่องนี้ออกไปอย่างระมัดระวัง
“เรารับเงินช่วยเหลือดีมั้ยครับ”
แต่เจ้าตระกูลไอบันกลับเมินเฉยคำพูดของเขาแล้วกรอกยาที่เหลืออยู่ในขวดทั้งหมดเทใส่ปาก เช็ดปากลวกๆ ด้วยแขนเสื้อ จากนั้นจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง
“วันนี้ข้าคงจะกลับค่ำหน่อย ต้องนำไม้ทรีบ้าไปส่งให้เขตแดนโจนิกซ์ ระหว่างนี้ก็ฝากเจ้าดูแลแขกทั้งหลายในคฤหาสน์ด้วยแล้วกัน”
“เรื่องไม้แค่ให้คนอื่นไปแทนก็ได้ไม่ใช่หรือครับ ไม่สิ เดี๋ยวข้าไปเองครับ ท่านพ่อพักสักหน่อยเถอะนะครับ”
“ไม่ ต้องให้พวกเขาได้เห็นหน้าข้าผู้เป็นเจ้าตระกูลเสียหน่อย ถึงจะช่วยลดความโศกเศร้าของพวกเขาลงได้บ้างไม่ใช่หรือไง”
“ถ้าอยากจะช่วยเหลือพวกเขาจริงๆ ก็น่าจะรับเงินช่วยเหลือจากราชวงศ์สิครับ”
“…ข้าต้องไปแล้ว”
“ท่านพ่อ!”
“ยังไม่เข้าใจอีกหรือไง!”
สุดท้ายสองพ่อลูกก็ทะเลาะกันจนได้
“เกี่ยวพันกับราชวงศ์ดิวเรลลี่ต่อไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก! เรื่องครั้งนี้ก็เป็นเพราะลอนเชนต์ลากราชวงศ์เข้ามายุ่งกับกิจการของไอบัน ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ!”
เจ้าตระกูลไอบันตวาดเสียงดังจนหน้าผากยับย่นไปด้วยริ้วรอยลึก ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มโงนเงนทรงตัวไม่อยู่
จากนั้นในชั่วพริบตา ภาพตรงหน้าก็พลันพร่ามัวจนมองไม่เห็น
“ท่านพ่อ!”
มิเคนเต้รีบเข้าไปพยุงเจ้าตระกูลไอบันอย่างทุลักทุเลให้กลับมานั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง
“ฮู่ว…”
เจ้าตระกูลไอบันถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เรื่องทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่น่าฝากงานของตระกูลไว้ที่ลอนเชนต์เลย”
“แต่ที่ท่านพี่พูดมาก็มีส่วนถูกนี่ครับ อย่างไรอีกไม่นานก็ต้องมีการแบ่งฝ่ายเลือกข้างกันอยู่ดี ดังนั้นการร่วมมือกับอังเกนัสที่เป็นตระกูลของจักรพรรดินีก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ถึงยังไงตำแหน่งรัชทายาทก็เป็นของเจ้าชายลำดับที่หนึ่งอย่างที่ท่านพี่กล่าวไว้ไม่ใช่หรือครับ”
“เหอะ!”
เจ้าตระกูลไอบันพ่นลมหายใจเสียงดังหึทางจมูก แล้วเอ่ยถามมิเคนเต้
“ตอนนี้เจ้าก็น่าจะเห็นเจ้าชายลำดับที่สองแล้วไม่ใช่หรือ เจ้ามองยังไงของเจ้า ยังคิดอยู่อีกหรือว่าเจ้าชายลำดับที่หนึ่งจะได้ครองตำแหน่งรัชทายาทอย่างแน่นอนน่ะ มิเคนเต้”
มิเคนเต้เลี่ยงไม่ตอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...