ตอนที่ 150
เช้าวันต่อมา
อาบีน็อกซ์ดื่มหนักจนนอนซม ส่วนเธอก็ออกจากคฤหาสน์ตั้งแต่เช้าตรู่มาพบไวโอเล็ตอีกครั้ง
เธอเดินไปตามทางที่ฝนตกโปรยปรายลงมา สถานที่ที่พวกเรามาถึงก็คือบริเวณหน้ากำแพงเมืองที่พังลงมา
“ที่นี่เหรอคะสถานที่ที่เจ้าหน้าที่จากราชวงศ์แจกจ่ายเสบียงให้กับผู้คน”
“ค่ะ ทางด้านนั้นค่ะ”
พอหันไปมองฝั่งที่ไวโอเล็ตชี้นิ้วไป ก็เห็นผู้คนกำลังยืนต่อแถวยาวอยู่หน้าเต็นท์ขนาดเล็กหลังหนึ่ง
ในมือของพวกเขาทุกคนต่างก็ถือถุงใบเล็กกันคนละใบ
“ไม่ใช่แค่ไอบันเท่านั้นค่ะ พวกเจ้าหน้าที่จะแจกจ่ายเสบียงให้แก่พลเมืองทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดินถล่มด้วยตัวเอง และ…”
“และ?”
“ดูเหมือนเงินช่วยเหลือจะถูกแบ่งไปให้บรรดาเจ้าเมืองแต่ละเขตแดนแล้วละค่ะ”
“เงินช่วยเหลือเหรอคะ”
“ค่ะ เมื่อวานข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือคะว่า ทางเขตแดนโจนิกซ์ก็ไปจ้างแรงงานมาจากภายนอก แล้วเริ่มบูรณะฟื้นฟูกันแล้ว แต่พอลองสืบให้ลึกลงไป ถึงได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่เขตแดนโจนิกซ์เท่านั้นค่ะ”
ไวโอเล็ตหันไปมองรอบๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาลง
“พวกเขตแดนอื่นๆ ก็ใช้เงินจ้างแรงงานและเริ่มลงมือกว้านซื้อไม้จากเขตแดนรอบๆ กันแล้วค่ะ ราวกับมีใครมอบเงินก้อนใหญ่ให้พวกเขาพร้อมกัน และคนที่สามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้…”
“ก็มีแค่เฟเรสสินะคะ”
ไอบันบอกว่าจะจัดการเอง แต่พวกเขาไม่มีเงินและแทบจะล้มละลายอยู่แล้ว
แต่จู่ๆ เธอก็พลันนึกถึงฉากหนึ่งที่เห็นเมื่อวานขึ้นมาได้
ภาพของมิเคนเต้ ไอบัน ที่กำลังสนทนาอยู่กับเฟเรสที่มุมหนึ่งของงาน หลังจบงานเลี้ยงมื้อเย็น
“บางทีคงจะมีคนในคอยช่วยเหลืออยู่ละมั้งคะ”
“ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกันค่ะ ถ้าไม่ทำแบบนั้น ย่อมประเมินได้ยากมากว่าเขตแดนไหนได้รับความเสียหายเท่าไหร่กันแน่นี่คะ”
“อืมมม” เธอเหม่อมองผู้คนที่กำลังต่อแถวรับอาหาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“เฟเรสทำได้ดีมากเลยนะคะ”
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจความรู้สึกของเจ้าตระกูลไอบันที่เรื่องทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะราชวงศ์ โดยเฉพาะจักรพรรดินี ดังนั้นเขาย่อมไม่มีทางอยากรับเงินของพวกนั้นมาใช้ในการบูรณะฟื้นฟูบ้านเมืองอยู่แล้ว
แต่ถ้าหากต้องการที่จะรับผิดชอบจริงๆ ศักดิ์ศรีแค่นั้นก็สมควรที่จะยอมทิ้งมันไปต่างหากล่ะ ถึงจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
“เพราะยังไงคนที่ได้รับความเจ็บปวดจากความดื้อรั้นของเจ้าตระกูลไอบัน ก็เป็นพวกพลเมืองนี่คะ”
“แต่อาจจะเกิดความบาดหมางกันระหว่างเจ้าชายกับเจ้าตระกูลไอบัน เพราะเรื่องครั้งนี้ก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ”
ไวโอเล็ตเอ่ยถามด้วยความกังวล
“เกิดแน่ค่ะ น่าจะเกิดมากด้วย แต่เจ้าตระกูลไอบันจะทำอะไรได้ล่ะคะ” เธอยักไหล่ไม่แยแส
“ต่อให้ตอนแรกเจ้าตระกูลไอบันจะเป็นฝ่ายยืนกรานบอกไม่ขอรับเงินเองก็เถอะ แต่เฟเรสก็ได้ทำหน้าที่ที่เขาสมควรต้องทำแล้วค่ะ”
“ก็อาจจะจริง แต่…เจ้าชายต้องการเสียงโหวตของตัวแทนเขตเหนืออยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
ไวโอเล็ตพูดอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิม
“ใช่ค่ะ หากนึกถึงสิทธิ์ในการลงคะแนนแต่งตั้งองค์รัชทายาทที่เหล่าตระกูลตัวแทนเขตแดนแต่ละเขตมีละก็ สถานการณ์อย่างตอนนี้เฟเรสควรที่จะแสดงด้านดีออกมาให้เจ้าตระกูลเขตเหนือประทับใจอยู่แล้วละค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นทำไม…”
“ไวโอเล็ตคิดว่าเจ้าตระกูลไอบันจะทนต่อไปได้ถึงเมื่อไหร่คะ”
“อา…อย่างนั้นนี่เอง” ไวโอเล็ตพยักหน้าลง
“เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ในตอนที่คำสั่งแต่งตั้งองค์รัชทายาทของเฟเรสมาถึง ใครกันที่จะได้เป็นเจ้าตระกูลไอบัน ไม่ใช่เหรอคะ”
ในชีวิตก่อน เจ้าตระกูลไอบันอ่อนแอลงมากจากโรคภัย และอดทนอยู่จนจบการฟื้นฟูบูรณะเขตแดนเหนือไม่ได้ด้วยซ้ำซึ่งคนที่จะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลไอบันหลังจากนั้นคือ
“มิเคนเต้ ไอบัน บุตรชายคนรองค่ะ ว่าที่เจ้าตระกูลไอบันคนถัดไป”
ฝั่งหนึ่งทำให้เกิดเหตุดินถล่ม อีกฝั่งช่วยฟื้นฟูเขตแดนเหนือที่ถล่มลงมา มันก็เป็นเรื่องที่เห็นกันชัดเจนอยู่แล้ว
“เพราะฉะนั้นวันนี้ถึงได้ออกไปพบมิเคนเต้ ไอบันหรือคะ”
ไวโอเล็ตเบิกตากว้างเอ่ยถามขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...