เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

สรุปบท เล่ม 4 บทที่ 150.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

สรุปเนื้อหา เล่ม 4 บทที่ 150.1 – เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

บท เล่ม 4 บทที่ 150.1 ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 150

เช้าวันต่อมา

อาบีน็อกซ์ดื่มหนักจนนอนซม ส่วนเธอก็ออกจากคฤหาสน์ตั้งแต่เช้าตรู่มาพบไวโอเล็ตอีกครั้ง

เธอเดินไปตามทางที่ฝนตกโปรยปรายลงมา สถานที่ที่พวกเรามาถึงก็คือบริเวณหน้ากำแพงเมืองที่พังลงมา

“ที่นี่เหรอคะสถานที่ที่เจ้าหน้าที่จากราชวงศ์แจกจ่ายเสบียงให้กับผู้คน”

“ค่ะ ทางด้านนั้นค่ะ”

พอหันไปมองฝั่งที่ไวโอเล็ตชี้นิ้วไป ก็เห็นผู้คนกำลังยืนต่อแถวยาวอยู่หน้าเต็นท์ขนาดเล็กหลังหนึ่ง

ในมือของพวกเขาทุกคนต่างก็ถือถุงใบเล็กกันคนละใบ

“ไม่ใช่แค่ไอบันเท่านั้นค่ะ พวกเจ้าหน้าที่จะแจกจ่ายเสบียงให้แก่พลเมืองทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดินถล่มด้วยตัวเอง และ…”

“และ?”

“ดูเหมือนเงินช่วยเหลือจะถูกแบ่งไปให้บรรดาเจ้าเมืองแต่ละเขตแดนแล้วละค่ะ”

“เงินช่วยเหลือเหรอคะ”

“ค่ะ เมื่อวานข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือคะว่า ทางเขตแดนโจนิกซ์ก็ไปจ้างแรงงานมาจากภายนอก แล้วเริ่มบูรณะฟื้นฟูกันแล้ว แต่พอลองสืบให้ลึกลงไป ถึงได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่เขตแดนโจนิกซ์เท่านั้นค่ะ”

ไวโอเล็ตหันไปมองรอบๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาลง

“พวกเขตแดนอื่นๆ ก็ใช้เงินจ้างแรงงานและเริ่มลงมือกว้านซื้อไม้จากเขตแดนรอบๆ กันแล้วค่ะ ราวกับมีใครมอบเงินก้อนใหญ่ให้พวกเขาพร้อมกัน และคนที่สามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้…”

“ก็มีแค่เฟเรสสินะคะ”

ไอบันบอกว่าจะจัดการเอง แต่พวกเขาไม่มีเงินและแทบจะล้มละลายอยู่แล้ว

แต่จู่ๆ เธอก็พลันนึกถึงฉากหนึ่งที่เห็นเมื่อวานขึ้นมาได้

ภาพของมิเคนเต้ ไอบัน ที่กำลังสนทนาอยู่กับเฟเรสที่มุมหนึ่งของงาน หลังจบงานเลี้ยงมื้อเย็น

“บางทีคงจะมีคนในคอยช่วยเหลืออยู่ละมั้งคะ”

“ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกันค่ะ ถ้าไม่ทำแบบนั้น ย่อมประเมินได้ยากมากว่าเขตแดนไหนได้รับความเสียหายเท่าไหร่กันแน่นี่คะ”

“อืมมม” เธอเหม่อมองผู้คนที่กำลังต่อแถวรับอาหาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“เฟเรสทำได้ดีมากเลยนะคะ”

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจความรู้สึกของเจ้าตระกูลไอบันที่เรื่องทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะราชวงศ์ โดยเฉพาะจักรพรรดินี ดังนั้นเขาย่อมไม่มีทางอยากรับเงินของพวกนั้นมาใช้ในการบูรณะฟื้นฟูบ้านเมืองอยู่แล้ว

แต่ถ้าหากต้องการที่จะรับผิดชอบจริงๆ ศักดิ์ศรีแค่นั้นก็สมควรที่จะยอมทิ้งมันไปต่างหากล่ะ ถึงจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

“เพราะยังไงคนที่ได้รับความเจ็บปวดจากความดื้อรั้นของเจ้าตระกูลไอบัน ก็เป็นพวกพลเมืองนี่คะ”

“แต่อาจจะเกิดความบาดหมางกันระหว่างเจ้าชายกับเจ้าตระกูลไอบัน เพราะเรื่องครั้งนี้ก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ”

ไวโอเล็ตเอ่ยถามด้วยความกังวล

“เกิดแน่ค่ะ น่าจะเกิดมากด้วย แต่เจ้าตระกูลไอบันจะทำอะไรได้ล่ะคะ” เธอยักไหล่ไม่แยแส

“ต่อให้ตอนแรกเจ้าตระกูลไอบันจะเป็นฝ่ายยืนกรานบอกไม่ขอรับเงินเองก็เถอะ แต่เฟเรสก็ได้ทำหน้าที่ที่เขาสมควรต้องทำแล้วค่ะ”

“ก็อาจจะจริง แต่…เจ้าชายต้องการเสียงโหวตของตัวแทนเขตเหนืออยู่ไม่ใช่เหรอคะ”

ไวโอเล็ตพูดอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิม

“ใช่ค่ะ หากนึกถึงสิทธิ์ในการลงคะแนนแต่งตั้งองค์รัชทายาทที่เหล่าตระกูลตัวแทนเขตแดนแต่ละเขตมีละก็ สถานการณ์อย่างตอนนี้เฟเรสควรที่จะแสดงด้านดีออกมาให้เจ้าตระกูลเขตเหนือประทับใจอยู่แล้วละค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นทำไม…”

“ไวโอเล็ตคิดว่าเจ้าตระกูลไอบันจะทนต่อไปได้ถึงเมื่อไหร่คะ”

“อา…อย่างนั้นนี่เอง” ไวโอเล็ตพยักหน้าลง

“เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ในตอนที่คำสั่งแต่งตั้งองค์รัชทายาทของเฟเรสมาถึง ใครกันที่จะได้เป็นเจ้าตระกูลไอบัน ไม่ใช่เหรอคะ”

ในชีวิตก่อน เจ้าตระกูลไอบันอ่อนแอลงมากจากโรคภัย และอดทนอยู่จนจบการฟื้นฟูบูรณะเขตแดนเหนือไม่ได้ด้วยซ้ำซึ่งคนที่จะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลไอบันหลังจากนั้นคือ

“มิเคนเต้ ไอบัน บุตรชายคนรองค่ะ ว่าที่เจ้าตระกูลไอบันคนถัดไป”

ฝั่งหนึ่งทำให้เกิดเหตุดินถล่ม อีกฝั่งช่วยฟื้นฟูเขตแดนเหนือที่ถล่มลงมา มันก็เป็นเรื่องที่เห็นกันชัดเจนอยู่แล้ว

“เพราะฉะนั้นวันนี้ถึงได้ออกไปพบมิเคนเต้ ไอบันหรือคะ”

ไวโอเล็ตเบิกตากว้างเอ่ยถามขึ้น

“เฮ้อ เสื้อผ้าขาดหมดเลย เดี๋ยวไว้พี่สาวช่วยเย็บให้เองนะ”

“อื้อ เข้าใจแล้วค่ะ พี่ราโมนา”

“…ราโมนา?” เธอพึมพำเสียงแผ่วโดยไม่รู้ตัว

พอชื่อของตัวเองถูกเรียก ผู้หญิงคนนั้นก็เงยหน้าขึ้น

การเคลื่อนไหวนั่นทำให้เรือนผมสีแดงเงางามสุขภาพดีของนางพลิ้วสะบัดอย่างอ่อนละมุน

เป็นผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ด้วย

ทันทีที่ตระหนักได้ หัวใจก็พลันเต้นกระหน่ำด้วยความไม่สบายใจแปลกๆ

ราโมนายิ้มให้เธอด้วยใบหน้าอ่อนโยนเป็นมิตรก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ขออภัยค่ะ เพราะริจแท้ๆ เลยเชียว เสื้อผ้าเลอะหรือเปล่าคะ”

“ไม่…ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ”

“เด็กๆ พวกนี้เป็นเด็กที่บ้านถูกดินถล่มทับ หรือไม่ก็ครอบครัวประสบภัยน่ะค่ะ ข้าคอยช่วยดูแลพวกเขาระหว่างที่พ่อแม่ไปอยู่ที่ลานก่อสร้าง แต่ยังไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ขออภัยท่านด้วยนะคะ”

ใจดีสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอเนี่ย! เป็นคนนิสัยดีมากจนเธอที่อารมณ์เสียอย่างไร้เหตุผลกลับต้องกลายเป็นฝ่ายรู้สึกผิดแทนเลย!ก็นะ สายเลือดคนดีกับดีเอ็นเอนั่นจะเปลี่ยนแปลงไปไหนได้ล่ะ

“ทำเรื่องที่…ดีมากเลยนะคะ”

“ก็แค่ทำในเรื่องที่ข้าสามารถทำได้เท่านั้นเองค่ะ ช่วงนี้งานก็ไม่ได้ยุ่งอะไรเท่าไหร่ด้วย… อ๊ะ ข้าทำงานให้กับกลุ่มการค้าโมนัค มีนามว่าราโมนาค่ะ”

ราโมนาเอ่ยขึ้นราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ พลางถอนหายใจเสียงแผ่ว

“เฮ้อ ถ้าข้ามีความสามารถมากกว่านี้ ก็คงจะช่วยดูแลปกป้องเด็กๆ ได้ดีกว่านี้แท้ๆ …”

กระทั่งคำพูดพึมพำอยู่ตามลำพัง ยังใจดีขนาดนี้เลยแล้วแบบนี้เธอจะเกลียดหรือรู้สึกไม่ชอบใจนางลงได้ยังไงกันทั้งยังรู้สึกหมดกำลังใจขึ้นมาหน่อยๆ แล้วด้วยสิเพราะราโมนาเป็นคนดีมากอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเลยสักนิด

ในขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาว่า ‘เธอเองก็ไม่อยากแพ้ผู้หญิงคนนี้’ จึงเงยหน้าขึ้นมองสบตาอีกฝ่ายแล้วยื่นมือออกไปพร้อมกับแรงกระตุ้นประหลาดที่พลันเกิดขึ้นในใจ

“ยินดีที่ได้พบนะคะ ข้าฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดียค่ะ”

* * *

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]